วันอาทิตย์ ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์การเมือง / เส้นใต้บรรทัด
เส้นใต้บรรทัด

เส้นใต้บรรทัด

จิตกร บุษบา
วันอาทิตย์ ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 02.00 น.
‘คนละครึ่งพลัส’ กระสุนที่เล็งเข้าเป้า

ดูทั้งหมด

  •  

พรรคภูมิใจไทย โดย “นายอนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคขึ้นมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล จนนายอนุทินได้รับการสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีคำมั่นสัญญาว่าจะอยู่แก้ปัญหาประเทศในระยะสั้นๆ ไม่เกิน 4 เดือน หลังแถลงนโยบายต่อรัฐสภา

ส่วนตัวแล้ว ผมเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า นายอนุทินไม่ประสงค์จะอยู่นานกว่า 4 เดือน ในสภาพรัฐบาลเสียงข้างน้อย ที่ต้องคอย “หายใจด้วยจมูกคนอื่น” จึงชัดเจนว่า มุ่งใช้เวลา 4 เดือนนี้ เตรียมตัวจะเป็น “นายกฯ 4 ปี” หลังการเลือกตั้งครั้งที่กำลังจะมาถึง


สิ่งหนึ่งที่เห็นชัดเจนว่า นายกฯ และพรรคภูมิใจไทย ตั้งใจทำเพื่อ “ผลตอบรับในเชิงบวก” คือ โครงการ “คนละครึ่งพลัส”

คนละครึ่ง เป็นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ทำสำเร็จมาแล้วในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คราวนี้มีมา “พลัส” คือ มาเพิ่มยอดเงินให้แก่ “ผู้ที่อยู่ในระบบภาษี” ให้ได้รับเงินสมทบจากรัฐมากกว่ากลุ่มอื่นๆ

โครงการนี้ “ร้ายดี-ลบบวก” อย่างไร ในสายตานักวิชาการและนักวิเคราะห์ เราลองมาดูกันครับ

1) ดร.สติธร ธนานิธิโชติ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงโครงการคนละครึ่งพลัส ที่จะเริ่มดำเนินการในเดือนนี้ว่า ถือเป็นการต่อยอดนโยบายที่ประชาชนคุ้นเคยอยู่แล้ว และเป็นแนวทางที่ช่วยทั้งกระตุ้นเศรษฐกิจและลดภาระค่าครองชีพของประชาชนในเวลาเดียวกัน ซึ่งจุดเด่นของคนละครึ่งพลัส อยู่ที่การอุดหนุนเงินตามสถานะภาษีของผู้ได้รับ ซึ่งช่วยให้เงินหมุนเวียนลงสู่ร้านค้ารายย่อยได้รวดเร็วและทั่วถึง ขณะเดียวกัน ยังสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนเข้าสู่ระบบภาษีอย่างถูกต้อง ถือเป็นการใช้จ่ายงบประมาณที่เกิดประโยชน์สองต่อ ทั้งในระยะสั้นคือการกระตุ้นเศรษฐกิจ และในระยะยาวคือการเชื่อมโยงนโยบายเข้ากับระบบภาษีที่ช่วยเสริมสร้างวินัยทางการคลังของประเทศ

“สิ่งที่ต้องระวังคือปัญหาทางเทคนิคและการใช้งานในระบบเนื่องจากเป็นโครงการที่ประชาชนจำนวนมากเคยเข้าร่วมมาก่อนระบบการลงทะเบียนจึงต้องมีความเสถียร และต้องป้องกันพฤติกรรมการใช้จ่ายที่ผิดเงื่อนไข เพื่อไม่ให้กระทบต่อความเชื่อมั่น และผลลัพธ์ในเชิงบวกของโครงการในภาพรวม” ดร.สติธร กล่าว

2) นายโอฬาร ถิ่นบางเตียว อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ให้ความเห็นถึงโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ที่รัฐบาลภายใต้การนำของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย  จะเริ่มโอนเงินให้ประชาชนในเดือน ต.ค.นี้ว่า “เป็นนโยบายเศรษฐกิจเชิงพัฒนาที่ผสานผลประโยชน์ของรัฐ ประชาชน และผู้ประกอบการรายย่อยเข้าด้วยกัน ซึ่ง “คนละครึ่งพลัส” ไม่ใช่โครงการแจกเงินแบบไร้ยุทธศาสตร์ หรือแค่ทำไป เพื่อหวังคะแนนเสียง แต่เป็นเครื่องมือสร้างเศรษฐกิจที่ทำให้เงินหมุนเวียนจริงในระบบ ทั้งประชาชนได้ประโยชน์และผู้ประกอบการก็อยู่ได้”

นายโอฬารกล่าวว่า จุดเด่นของโครงการคือแนวคิด “รัฐช่วยครึ่ง ประชาชนจ่ายครึ่ง” ซึ่งทำให้ผู้เข้าร่วมโครงการมีส่วนร่วมในเศรษฐกิจอย่างแท้จริง ประชาชนจะตระหนักถึงคุณค่าของเงิน ขณะเดียวกัน เงินที่รัฐสมทบก็จะหมุนกลับสู่ร้านค้าและผู้ประกอบการรายเล็กในชุมชน โดยสิทธิ์ในโครงการแบ่งเป็น 3 กลุ่มประชาชนทั่วไปนอกระบบภาษี ได้รับสิทธิ์ 2,000 บาท ผู้อยู่ในระบบภาษี ได้รับสิทธิ์ 2,400 บาท ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐกว่า 13 ล้านคน ได้รับเงินเพิ่มอีก 1,700 บาท รวมเป็น 2,000 บาทต่อคน ซึ่งเกิดประโยชน์ต่อประชาชนและผู้ประกอบการโครงการฯนี้ช่วยเพิ่มกำลังซื้อให้ประชาชนรายได้น้อย สามารถซื้อสินค้าอุปโภค-บริโภคที่จำเป็น ลดภาระค่าใช้จ่ายและสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจครัวเรือน ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการรายย่อยได้รับผลดีจากยอดขายที่เพิ่มขึ้น รายได้หมุนเวียนในพื้นที่สูงขึ้น เกิดการจ้างงาน และลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ  อีกทั้งยังเป็นการวางรากฐานเศรษฐกิจระยะยาว

นายโอฬารกล่าวว่า “คนละครึ่งพลัส” แตกต่างจากโครงการแจกเงินทั่วไป เพราะ 1.ประชาชนต้องมีส่วนร่วมในการจ่าย 2.เงินหมุนเวียนจริงในระบบผ่านร้านค้าชุมชน 3.กระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่องถึงแรงงานและผู้ผลิต 4.สร้างผลประโยชน์ระยะยาวต่อเศรษฐกิจฐานราก  ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือการพัฒนาเศรษฐกิจแบบมีส่วนร่วม ที่ประชาชนไม่เพียงรอรับความช่วยเหลือ แต่กลายเป็นผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจร่วมกับรัฐ

3) นายสมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และการเมือง เปิดเผยว่า โครงการคนละครึ่งพลัส ที่รัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้จัดเตรียมไว้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการช่วยเหลือกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผู้ถือบัตรคนจน จำนวน 13 ล้านคน ที่จะได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติม 1,700 บาทต่อเดือน รวมกับเงินเดิม 300 บาท ทำให้ได้รับรวม 2,000 บาทต่อเดือนในงวดเดียว ประเมินว่า ทั้ง 2 โครงการนี้ จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจขึ้นอีก 0.2-0.3% ได้ โดยไตรมาส 4 คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวเพียง 0.3% เท่านั้น ทำให้เมื่อมีการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้ง 2 โครงการออกมา อาจช่วยให้ขยายตัวเพิ่มเป็น 0.6% ได้

นายสมชาย กล่าวว่า รูปแบบของโครงการคนละครึ่งพลัสแบ่งเป็นการอุดหนุนประชาชนทั่วไป กลุ่มที่ไม่ได้อยู่ในระบบภาษี ได้สิทธิรวม 2,000 บาท กลุ่มที่อยู่ในระบบภาษี จะได้สมทบในอัตรา 60% หรือมูลค่า 2,400 บาท ใช้จ่ายเอง 200 บาท และรัฐบาลสมทบให้ 200 บาท โดยความคืบหน้าล่าสุด กำหนดเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนวันที่ 20-26 ตุลาคม ก่อนเริ่มใช้จ่ายจริงในวันที่ 29 ตุลาคม ถึง 31 ธันวาคม 2568 ซึ่งได้ผ่านการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ที่ผ่านมาโดยกระทรวงการคลัง คาดว่าโครงการคนละครึ่งพลัสจะสร้างผลทวีคูณในระบบเศรษฐกิจได้มากกว่าแสนล้านบาท ทำให้เศรษฐกิจไทยไม่ติดหล่มแน่นอน ซึ่งมีการประเมินผลต่อเศรษฐกิจไทยโดยเฉพาะไตรมาส 4/2568 ที่น่าจะได้รับผลจากการกระตุ้นผ่านโครงการนี้อย่างน้อย 0.3-0.4% ถือว่าไม่แตกต่างจากที่ประเมินไว้เช่นกัน จึงเชื่อว่าจะมีผลดันเศรษฐกิจเพิ่มได้อย่างน้อยก็ 0.2% ขึ้นไปแน่นอน

นายสมชายกล่าวว่า แม้มีโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาแล้ว แต่ต้องไม่ลืมว่า ตัวที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างแท้จริงเป็นภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว ทำให้รัฐบาลต้องทำการบ้านหนักๆ ทั้งในตลาดเก่าที่แม้มีปัญหาแต่ก็ทิ้งไม่ได้ อาทิ ยุโรป จีน ญี่ปุ่น อาเซียนทั้งหมด พร้อมเพิ่มตลาดใหม่ในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ อาทิ ละตินอเมริกา แอฟริกา รัสเซียและกลุ่ม CIS อังกฤษ และเอเชียใต้ เพื่อกระจายความเสี่ยงและลดการพึ่งพาตลาดหลักอย่างสหรัฐฯ จีน และยุโรป ส่วนการท่องเที่ยวที่เป็นเครื่องมือสำคัญในการดึงรายได้จากต่างชาติเข้ามาเช่นกัน ซึ่งท่องเที่ยวไทยมีทั้งการท่องเที่ยวในประเทศและการเข้ามาเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยรัฐบาลจำเป็นต้องฟื้นตลาดพื้นฐานอย่างตลาดจีน ยืนยันความปลอดภัย และสร้างความมั่นใจในการเข้ามาเที่ยวไทย รวมถึงเพิ่มตลาดใหม่เข้ามามากขึ้น ขณะเดียวกัน ต้องเร่งการท่องเที่ยวเมืองรอง เพิ่มสัดส่วนให้เกิดการเดินทางเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายกระจายในประเทศอย่างต่อเนื่อง

4) ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ประธานสถาบันการสร้างชาติ กล่าวถึง นโยบาย “คนละครึ่งพลัส” ว่า เป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นที่รัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูลได้ยกนโยบาย “คนละครึ่ง” ในสมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์มาปรับใช้ ซึ่งประกาศเป็นนโยบายเรือธงเรื่องแรก เนื่องจากรัฐบาลไม่มีเวลามาก เพราะสถานการณ์ทางการเมืองอาจมีแนวโน้มจะยุบสภาก่อน 4 เดือน รัฐบาลจึงไม่มีทางเลือก จำเป็นต้องออกนโยบายที่ทำได้เร็วและทำให้คนรู้สึกว่าเศรษฐกิจดีขึ้นโดยเร็ว แม้ว่าจากการวิเคราะห์พบว่า มีผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจได้น้อยมาก โดยมีผลต่อจีดีพีเพียงร้อยละ 0.3 เท่านั้น

ขณะเดียวกัน เมื่อเปรียบเทียบการใช้นโยบาย “คนละครึ่ง”ในสมัยพลเอกประยุทธ์ กับนโยบาย “คนละครึ่งพลัส” ในยุคของนายกฯอนุทิน เป็นสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่แตกต่างกัน โดยสถานการณ์ในช่วงที่ใช้นโยบายนี้ อยู่ในช่วงที่ประเทศประสบกับปัญหาโควิด ในปี 2563 ซึ่งเศรษฐกิจหดตัวอย่างรุนแรง จีดีพีติดลบถึงร้อยละ 6.1 ต่อปี ภาคท่องเที่ยวหยุดนิ่งไม่มีนักท่องเที่ยว ธุรกิจปิดตัว คนตกงานจำนวนมาก และรายได้หดตัว

ขณะที่สถานการณ์ในปี 2568 แม้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวมาก โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวประมาณร้อยละ 1.8 และจีดีพีเศรษฐกิจไตรมาส 3 น่าจะติดลบ ส่วนปี 2569 ตัวเลขเศรษฐกิจน่าจะเติบโตเพียงร้อยละ 1 การกระตุ้นเศรษฐกิจมีความจำเป็น แต่ไม่จำเป็นมากเท่ากับช่วงโควิด ยิ่งไปกว่านั้น ผลลัพธ์ของโครงการคนละครึ่งกระตุ้นเศรษฐกิจได้น้อยมาก ประกอบกับความเชื่อมั่นและสภาพเศรษฐกิจทั้งในและนอกประเทศค่อนข้างแย่ จึงไม่ง่ายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ ประเทศยังมีความเสี่ยงถูกดาวน์เกรดในปี 2570 และคาดการณ์ว่าหนี้สาธารณะจะชนเพดานที่ร้อยละ 70 ของจีดีพีอย่างแน่นอน หากนโยบายของทุกพรรคที่มาเป็นรัฐบาลเน้นนโยบายประชานิยม

“ผมเข้าใจดีว่า รัฐบาลจำเป็นต้องเร่งผลักดันนโยบายออกมาในเวลาสั้น ๆ ซึ่งการออกนโยบายคนละครึ่งพลัสก็ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย แต่ก็อย่าไปฝากความหวังว่า จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นเพราะเป็นไปได้ยาก รวมทั้งยังอาจสร้างความเสี่ยงทางเศรษฐกิจในอนาคต โดยเฉพาะแรงกดดันด้านหนี้สาธารณะ และการถูกลดเครดิต ซึ่งจะทำให้ต้นทุนทางการเงินของประเทศเพิ่มสูงขึ้น”

ศ.ดร.เกรียงศักดิ์ เสนอแนะรัฐบาลว่า การทำให้คนละครึ่งพลัสได้ผล หรือนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกระดับ ควรทำแบบพุ่งเป้า โดยแจกเงินกับกลุ่มคนที่มีผลทวีคูณทางเศรษฐกิจ หรือพุ่งเป้าไปที่หมวดสินค้าบางชนิดที่มีผลลัพธ์สูง จะมีผลกระแทกตัวเลขเศรษฐกิจได้แรง ซึ่งต้องมีการกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำถึงประชาชนว่า ในช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ เมื่อรัฐบาลมีการกระตุ้นให้นำเงินออกมาใช้เพื่อจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นโดยเร็ว แม้เป็นการช่วยรัฐบาล แต่บางกรณีอาจเป็นการใช้จ่ายในส่วนที่ไม่เหมาะสม ดังนั้น ประชาชนควรระวังการใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น เพราะแนวโน้มเศรษฐกิจจะแย่ไปอีกระยะหนึ่ง จึงต้องวางแผนการเงินให้รอบคอบ

5) ในหมู่ประชาชนนั้น มีกระแสตอบรับกับโครงการนี้สูงมาก ยกว้นในกลุ่มผู้ค้าที่เจอข่าวลือที่แพร่สะพัดว่า ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่งพลัส” อาจถูกตรวจสอบภาษีย้อนหลังโดยกรมสรรพากรนั้น ล่าสุด ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ออกมาชี้แจงเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง และยืนยันว่า ข่าวลือดังกล่าวไม่เป็นความจริง โดยย้ำว่า หนึ่งในหลักการสำคัญของโครงการ “คนละครึ่งพลัส” ที่รัฐบาลตกลงร่วมกับภาคส่วนต่างๆ คือ การรักษาความลับของข้อมูลผู้ประกอบการและร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการอย่างเคร่งครัด

“ขอยืนยันว่า ข้อมูลต่าง ๆ ที่ใช้ในโครงการคนละครึ่งพลัสจะถือเป็นข้อมูลลับ จะไม่มีการเปิดเผยให้บุคคลภายนอก และที่สำคัญคือ จะไม่มีการส่งต่อข้อมูลเหล่านี้ให้กับกรมสรรพากร ไม่ว่าจะเพื่อการตรวจสอบภาษีย้อนหลังหรือในวัตถุประสงค์อื่นใด ภาครัฐมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงความกังวลของพ่อค้าแม่ค้าและผู้ประกอบการรายย่อย ซึ่งเป็นกลุ่มหลักของผู้ที่เข้าร่วมโครงการ โดยรัฐบาลไม่ต้องการสร้างภาระเพิ่มเติมหรือสร้างความหวาดกลัวในการเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจภาษีอย่างเป็นทางการ หากแต่ต้องการสนับสนุนการฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากให้เดินหน้าได้อย่างมั่นคงในช่วงเวลาที่ท้าทาย”

โครงการ “คนละครึ่งพลัส” ถือเป็นการต่อยอดจากโครงการคนละครึ่งเดิม โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศอย่างต่อเนื่อง เสริมสภาพคล่องให้ผู้ประกอบการรายย่อย และขับเคลื่อนเศรษฐกิจระดับชุมชนให้ฟื้นตัวจากผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจโลก

กระทรวงการคลังจึงขอให้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการมั่นใจได้ว่า การเข้าร่วมในครั้งนี้จะไม่ก่อให้เกิดภาระทางภาษีเพิ่มเติม หรือถูกตรวจสอบเป็นพิเศษจากหน่วยงานภาษีใดๆ

“รัฐบาลมีความตั้งใจที่จะช่วยเหลือผู้ค้ารายย่อย และเราไม่ต้องการให้เกิดความกลัวจากความไม่เข้าใจ ถ้ามีข่าวลือหรือข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ขอให้ตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน เพื่อไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกโดยไม่จำเป็น” ดร.เอกนิติกล่าวปิดท้าย

สรุป : โครงการนี้สร้าง “อารมณ์บวก” ให้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่หากต้องไปหักลบกลบหนี้กับปัญหาชายแดนปัญหาคาใจเรื่องที่ดินเขากระโดง และเรื่องคดีฮั้ว สว. ไม่รู้ว่า “พรรคภูมิใจไทย” จะจัดการกับความเสี่ยงในเรื่องที่เหลือให้ 4 เดือนนี้ เป็นต้นทุนที่ดีสู่ “4 ปี นายกฯเสียงข้างมาก”ได้ดีเพียงใด?!

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
22:45 น. ‘รองนายกฯธรรมนัส’ติดตามการบริหารจัดการน้ำ‘ลุ่มน้ำกก’เขื่อนเชียงราย ผลักดันเพิ่มอ่างฯแก้‘น้ำท่วม-แล้ง’
21:47 น. ถึงกับผงะ!!! ตร.-ปกครองไล่สกัดจับ 6 ล้อใหญ่ตู้ทึบ เจอ 108 คนอัดแน่น ทั้งยืน-นั่งเหมือนปลากระป๋อง
21:26 น. ผู้ว่าฯศรีสะเกษนำคณะเยี่ยมภูมะเขือ เตรียมพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลังศึกสงบ
21:09 น. (คลิป) จังหวะนรก! ป.ป.ช. แถลง! 44 สส.พรรคส้ม อาจจบสิ้นปีนี้
21:04 น. (คลิป) 'อรรถวิชช์'ชำแหละ! พรรครวมไทยสร้างชาติ
ดูทั้งหมด
'ปราชญ์ สามสี'งัดความรู้ฉะหน้าเขมร ลั่นนี่คือ'ประวัติศาสตร์ที่กัมพูชาอยากลืม'
สะใภ้หมื่นล้าน! 'มายด์ ลภัสลัล'สวมชุดไทยสวยสง่า เข้าพิธีแต่งงานกับ'พาย สุนิษฐ์'ทายาทภิรมย์ภักดี
ตาสว่างทันที! 'ทูตจีนประจำกัมพูชา'โพสต์สนับสนุนเขมร จุดไฟคนไทยเดือดทั้งโซเชียล
'หมอปานเทพ'ทายาท'คณานุรักษ์' ออกโรงสยบดราม่าเหรียญดัง! ลั่นปู่'อนันต์' ไม่เคยมีส่วนรู้เห็น
ทัวร์ลงฉ่ำเฟซบุ๊กทูตจีน! หลังโพสต์สนับสนุนกัมพูชา คนไทยคอมเมนต์แรงตีสองหน้า
ดูทั้งหมด
ใต้พีระมิดมีเมืองขนาดใหญ่ซ่อนอยู่จริงหรือแหกตา (ตอน1)
สื่อฯ ทาส หรือทาสสื่อฯ
บุคคลแนวหน้า : 12 ตุลาคม 2568
Colorado
‘คนละครึ่งพลัส’ กระสุนที่เล็งเข้าเป้า
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

ถึงกับผงะ!!! ตร.-ปกครองไล่สกัดจับ 6 ล้อใหญ่ตู้ทึบ เจอ 108 คนอัดแน่น ทั้งยืน-นั่งเหมือนปลากระป๋อง

(คลิป) จังหวะนรก! ป.ป.ช. แถลง! 44 สส.พรรคส้ม อาจจบสิ้นปีนี้

(คลิป) 'อรรถวิชช์'ชำแหละ! พรรครวมไทยสร้างชาติ

(คลิป) 'เจ๊ปอง'สั่งลุย! ส่ง'ดร.มัลลิกา'ต้องยึดเก้าอี้ 'ผู้ว่าฯกทม'ให้ได้

ไทยเดินหน้าเก็บกู้ทุ่นระเบิดต่อเนื่อง แม้กัมพูชาไม่ร่วมมือตามข้อตกลง

พบความเคลื่อนไหวของกัมพูชา ทั้งโดรน-ขบวนรถยนต์ มุ่งหน้าเข้าพื้นที่แนวชายแดน

  • Breaking News
  • ‘รองนายกฯธรรมนัส’ติดตามการบริหารจัดการน้ำ‘ลุ่มน้ำกก’เขื่อนเชียงราย ผลักดันเพิ่มอ่างฯแก้‘น้ำท่วม-แล้ง’ ‘รองนายกฯธรรมนัส’ติดตามการบริหารจัดการน้ำ‘ลุ่มน้ำกก’เขื่อนเชียงราย ผลักดันเพิ่มอ่างฯแก้‘น้ำท่วม-แล้ง’
  • ถึงกับผงะ!!! ตร.-ปกครองไล่สกัดจับ 6 ล้อใหญ่ตู้ทึบ เจอ 108 คนอัดแน่น ทั้งยืน-นั่งเหมือนปลากระป๋อง ถึงกับผงะ!!! ตร.-ปกครองไล่สกัดจับ 6 ล้อใหญ่ตู้ทึบ เจอ 108 คนอัดแน่น ทั้งยืน-นั่งเหมือนปลากระป๋อง
  • ผู้ว่าฯศรีสะเกษนำคณะเยี่ยมภูมะเขือ เตรียมพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลังศึกสงบ ผู้ว่าฯศรีสะเกษนำคณะเยี่ยมภูมะเขือ เตรียมพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลังศึกสงบ
  • (คลิป) จังหวะนรก! ป.ป.ช. แถลง! 44 สส.พรรคส้ม อาจจบสิ้นปีนี้ (คลิป) จังหวะนรก! ป.ป.ช. แถลง! 44 สส.พรรคส้ม อาจจบสิ้นปีนี้
  • (คลิป) \'อรรถวิชช์\'ชำแหละ! พรรครวมไทยสร้างชาติ (คลิป) 'อรรถวิชช์'ชำแหละ! พรรครวมไทยสร้างชาติ
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

‘คนละครึ่งพลัส’ กระสุนที่เล็งเข้าเป้า

‘คนละครึ่งพลัส’ กระสุนที่เล็งเข้าเป้า

12 ต.ค. 2568

เลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์!

เลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์!

8 ต.ค. 2568

‘อาเซียน’ ต้องเร่งจัดการ ‘เพื่อนบ้านกวนบาทา’

‘อาเซียน’ ต้องเร่งจัดการ ‘เพื่อนบ้านกวนบาทา’

5 ต.ค. 2568

‘ทักษิณ’ ขอพระราชทานอภัยโทษอีกแล้ว!

‘ทักษิณ’ ขอพระราชทานอภัยโทษอีกแล้ว!

1 ต.ค. 2568

คดี 112 ‘ทักษิณ’ จะจบลงอย่างไร?

คดี 112 ‘ทักษิณ’ จะจบลงอย่างไร?

28 ก.ย. 2568

‘แม่ทัพกุ้ง’ กับบท ‘คุณลุงแม่ทัพ’

‘แม่ทัพกุ้ง’ กับบท ‘คุณลุงแม่ทัพ’

24 ก.ย. 2568

ฮุน มาเนต, ฮุนเซน และ ‘อนุทิน’

ฮุน มาเนต, ฮุนเซน และ ‘อนุทิน’

21 ก.ย. 2568

ไม่ใช่คุกสุดท้ายของ ‘ทักษิณ’

ไม่ใช่คุกสุดท้ายของ ‘ทักษิณ’

17 ก.ย. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved