มาเลเซียประธานหมุนเวียนอาเซียน 2025 ดิ้นรนเร่งรีบให้ประเทศไทยลงนามสันติภาพกับกัมพูชาให้ได้ ในขณะที่ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ให้สมญานามกัมพูชาเป็น“เมืองหลวงอาชญากรรมโลก”และสหรัฐอเมริกากำหนดให้ประเทศกัมพูชา”เป็นรัฐสนับสนุนไซเบอร์สแกม หรือหลอกลวงฉ้อโกงออนไลน์”
ปลายเดือนกันยายน รายงานการค้ามนุษย์ (Trafficking In Person=TIP) ประจำปีของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ระบุว่า “กัมพูชาเป็นรัฐสนับสนุนการค้ามนุษย์”
มีรายงานล่าสุดว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ(DOJ) สั่งยึดBitcoin ของนายเฉิน จื้อ นักธุรกิจจีนสัญชาติกัมพูชา มูลค่าหลายพันล้านจากกลโกงคริปโต ครั้งใหญ่ในกัมพูชา
. นายเฉิน จื้อ ซึ่งถูกกล่าวหาว่า ดำเนินค่ายแรงงานบังคับในกัมพูชา โดยบังคับใช้แรงงาน ทำร้ายร่างกายและทรมาน ที่ถูกค้ามนุษย์ดำเนินการฉ้อโกงสกุลเงินดิจิทัลและสามารถกวาดเงินได้หลายพันล้านดอลลาร์
.สหรัฐ กล่าวว่า เฉิน เคยดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต และบิดาของเขา อดีตนายกรัฐมนตรีฮุนเซน และได้รับเกียรติด้วยบรรดาศักดิ์ “ออกญา” ซึ่งเทียบเท่ากับขุนนางอังกฤษ และไทยในอดีต
เฉิน จื้อ ชายวัย 37 ปี ซึ่งรู้จักกันในชื่อ วินเซ็นต์ เป็นผู้ก่อตั้ง Prince Holding Group ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทข้ามชาติที่ทางการระบุว่าทำหน้าที่เป็นฉากหน้าของ “หนึ่งในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย” ตามข้อมูลของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ
น่าประหลาดใจ ที่เกาหลีใต้และสหรัฐอเมริกา ซึ่งประเทศนอกอาเซียน กำลังเดินหน้าปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติในกัมพูชา แต่มาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานอาเซียนกลับเร่งรัดให้ไทย-กัมพูชา ลงนามสันติภาพราวกับว่า เพื่ออำนวยความสะดวกให้อาชญากรรมข้ามชาติใช้พื้นที่ใกล้ชายแดนก่ออาชญากรรมได้มากขึ้นหรือไม่ก็ใช้ประเทศไทยเป็นทางหนียามที่ถูกล่า
มาเลเซียรู้ดีว่า เมื่อประเทศไทยปิดชายแดนตั้งแต่6 มิถุนายน 2568 แก๊งสแกมเมอร์และบ่อนการพนันทั้งออนไซต์และออนไลน์ถูกปราบปรามไม่ก็ปิดตายก็ย้ายจากใกล้ชายแดนไทยไปเมืองบาเวตใกล้ชายแดนเวียดนาม ส่วนบ่อนการพนันออนไลน์ของนายทุนมาเลเซียยังคงให้ลูกจ้างกว่าร้อยคนเฝ้าบ่อนในเมืองปอยเปตไว้ และเพิ่งปิดไปเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม นี้
โรงแรมห้าดาวบวกบ่อนการพนัน ทั้งออนไซต์และออนไลน์ของนายทุนมาเลเซีย ชื่อ NagaWorld เอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ในกรุงพนมเปญก็กำลังกลายเป็นเมืองร้าง เนื่องจากลูกค้าทั้งที่เป็นคนไทยและต่างชาติหายไปตั้งแต่ปิดชายแดน
นี่คงเป็นสาเหตุสำคัญ ทำให้มาเลเซียดิ้นรนให้ประเทศไทยลงนามสันติภาพกับกัมพูชาให้ได้ ดังที่ Politico เว็บไซต์ชื่อดังในอเมริกา เปิดเผยว่าเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มาเลเซียไปเสนอทำเนียบขาวให้ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานในพิธีลงนามสันติภาพไทย-กัมพูชา โดยกีดกันจีนไม่ให้เสนอหน้ามาร่วมในพิธีนี้
วันที่ 13 ตุลาคม นายโมฮาหมัด อาซัน รัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซีย ยืนยันว่า ประธานาธิบดี ทรัมป์ มาเป็นประธานลงนามสันติภาพ ไทย-กัมพูชา นอกรอบประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ระหว่าง 26-28 ตุลาคมนี้ โมฮาหมัด เรียกร้องให้สองประเทศเพื่อนบ้านหาข้อสรุป ต่อยอดข้อตกลงหยุดยิงอย่างไม่มีเงื่อนไข เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา
นายโมฮาหมัดเร่งรัดประเทศไทยให้ลงนามสันติภาพกับกัมพูชา โดยไม่สนใจที่สหรัฐอเมริกาและเกาหลีใต้ ตราหน้ากัมพูชา เป็นเมืองหลวงอาชญากรรมโลก และมาเลเซียไม่ใส่ใจว่าประเทศไทย มีผลกระทบโดยตรงจากอาชญากรรมข้ามชาติในกัมพูชาร้ายแรงอย่างไร
นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กลับจากการประชุมจตุภาคีมี ไทย กัมพูชา สหรัฐฯและมาเลเซีย กล่าวว่า ยังไม่มีความคืบหน้าในประเด็นสำคัญๆคือ
1.เคลื่อนย้ายอาวุธหนักและกำลังพล ออกจากชายแดน 2.ร่วมมือกันเก็บกู้ทุ่นระเบิดที่กัมพูชาวางไว้ 3.ร่วมมือกันปราบปรามไซเบอร์สแกม 4.ย้ายชุมชนเขมรออกจากดินแดนไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว
ข้อเสนอของไทยทั้งหมดล้วนเป็นปัญหาที่กัมพูชาสร้างขึ้น ไทยจึงยากที่จะให้รัฐบาล ฮุน มาเนต ให้ความร่วมมือจริงจังก่อนลงนามใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความร่วมมือปราบปรามกวาดล้างไซเบอร์สแกม หรือคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นปัญหาระดับโลก
รายงานของแอมเนสตี้อินเตอร์เนชั่นแนลระบุว่ามีสแกมเมอร์ถึง 53 แห่งทั่วประเทศกัมพูชา รวมทั้งในกรุงพนมเปญและมีเหยื่อจาก 45 สัญชาติถูกหลอกไปใช้แรงงานทาส ทรมานและถูกฆ่าตายจากแหล่งสแกมในประเทศกัมพูชา
ภาพพบศพนักศึกษาชาวเกาหลีใต้ วัย 22 ปี ในรถยนต์ที่เมืองกำปงและหนังสือเดินทางจากหลายสัญชาติทิ้งเกลื่อนใกล้ถังขยะ เป็นที่ยืนยันว่า กัมพูชาเป็นเมืองหลวงอาชญากรรม ดังที่ประธานาธิบดีอี แจ-มยอง แห่งเกาหลีใต้กล่าว
ตั้งแต่เกิดความขัดแย้งไทย-กัมพูชา และเจ้าหน้าที่ไทยสกัดกั้น ไม่ให้คนไทยถูกหลอกไปทำงานในกัมพูชา ปรากฏว่า ชาวเกาหลีใต้ถูกหลอกไปทำงานกับไซเบอร์สแกมในกัมพูชาสูงขึ้นอย่างมีนัยจากตัวเลข 87 คนในปี 2566 เป็น 22 คน ในปี 2567 และตั้งแต่เดือนมกราคมถึงสิงหาคม 2568 คนเกาหลีใต้ถูกหลอกไปทำงานคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชาถึง 330 คน และปัจจุบันยังไม่ทราบชะตากรรมอีก 80 คน
ข่าวการเสียชีวิตของนักศึกษาเกาหลีใต้ในกัมพูชา ตลอดถึงข่าวอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับไซเบอร์สแกม การลักพาตัวและการหลอกไปทำงานที่กัมพูชา กลายเป็นข่าวหน้า 1 ของสื่อเกาหลีใต้แทบทุกสำนัก
สถานการณ์เลวร้ายถึงขั้นที่ทำให้ อี แจ-มยอง ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ต้องออกมาสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีที่กรุงโซล ในวันที่ 14 ต.ค. ว่ารัฐบาลกำลังเร่งแก้ไขปัญหา โดยขอให้กระทรวงที่เกี่ยวข้องทั้งหมดใช้ทรัพยากรทุกอย่างที่มี เพื่อช่วยเหลือชาวเกาหลีใต้ที่ถูกหลอกไปทำงานและถูกลักพาตัวในกัมพูชาให้ได้กลับบ้าน
วันที่ 15 ตุลาคม เจ้าหน้าที่จากสำนักงานอัยการ ตำรวจ และเจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศเกาหลีใต้จะเดินทางไปกัมพูชาเพื่อประสานงาน ร่วมมือกับผู้รักษากฎหมายกัมพูชาช่วยเหลือ
ชาวเกาหลีใต้กลับประเทศให้เร็วที่สุด
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จากทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านของเกาหลีใต้ เรียกร้องให้รัฐบาลตอบสนองแข็งกร้าวกว่าเดิมต่อเหตุลักพาตัวและกักขังพลเมืองชาวเกาหลีใต้ในกัมพูชา บางรายถึงขั้นแนะนำให้พิจารณาทางเลือกด้านการทหาร ถ้ามีความจำเป็น
คณะกรรมาธิการความมั่นคง เสนอให้รัฐบาลเรียกเงินช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการพัฒนาคืนจากกัมพูชา โดยกรรมาธิการฯ กล่าวว่า เงินช่วยเหลือกัมพูชา สี่แสนล้านวอน ตกไปอยู่ในมือฆาตกรที่เกาหลีใต้ต้องเรียกคืน
กรรมาธิการฯ อ้างรายงานจากแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ว่า กัมพูชาเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมหลอกลวงออนไลน์ โดยรายงานของ Amnesty International เมื่อเดือนมิถุนายนชี้ว่า Amnesty สามารถระบุตำแหน่งศูนย์หลอกลวงออนไลน์ได้อย่างน้อย 53 แห่งในหลายจังหวัดทั่วกัมพูชา ซึ่งอยู่ใน“สีหนุวิลล์”มากที่สุดถึง 22 แห่ง ตามมาด้วยใน “บาเวต” 6 แห่ง
และ“ปอยเปต” 5 แห่ง โดยส่วนใหญ่จะพบตามเมืองตะเข็บชายแดน
ในขณะที่เกาหลีใต้เร่งรีบช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกหลอกลวงไปเป็นแรงงานทาส ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ซึ่งเป็นอาชญากรรมข้ามชาติ ในเวลาเดียวกัน สส.สหรัฐเสนอกฎหมาย ว่าด้วยการปราบปรามขบวนการหลอกลวงข้ามชาติ ซึ่งเน้นเป้าหมายไปที่กัมพูชา มีจุดประสงค์ของร่างกฎหมายเพื่อจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจร่วมกันเพื่อปราบปรามกลุ่มอาชญากรข้ามชาติที่กระทำการฉ้อโกงทางออนไลน์ต่อชาวอเมริกันปีละกว่าหนึ่งหมื่นล้านดอลลาร์
การเคลื่อนไหวของรัฐบาลเกาหลีใต้และสส.สหรัฐ เสนอกฎหมายองค์กรฉ้อโกงต่างชาติ เน้นที่ประเทศกัมพูชาเข้าสภาแสดงให้เห็นว่าปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติที่สร้างรายได้หลักให้ระบอบฮุนเซนและรัฐบาลกัมพูชา
มาเลเซียในฐานะประธานหมุนเวียนอาเซียน แทนที่จะร่วมกดดันช่วยกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ กลับให้ลงนามสันติภาพไทย-กัมพูชา อย่างรีบเร่ง
น่าประหลาดใจที่มาเลเซีย เร่งรีบให้ลงนามสันติภาพไทย-กัมพูชา ราวกับว่า มาเลเซียพยายามต่อลมหายใจให้กัมพูชา ที่พัฒนาจากลงนามสันติภาพไปเป็นการเปิดด่านชายแดน เปิดทางหนีทีไล่ ให้อาชญากรรมข้ามชาติในกัมพูชา คือ หาทางออกให้ หลังจากเวียดนาม และ สปป.ลาวส่งกำลังมาประชิดชายแดนกัมพูชา ป้องกันไม่ให้คอลเซ็นเตอร์ลามเข้าไปในเวียดนามและ สปป.ลาว
เวียดนามส่งกำลังมาใกล้จังหวัดสวายเรียง ที่มีรายงานว่าแก๊งอาชญากรรมข้ามชาติมีแหล่งคอลเซ็นเตอร์ 6 แห่งในเมืองบาเวต ของจังหวัดสวายเรียง และ สปป.ลาว ส่งกำลังทหารไปเสริมในเขตจำปาสัก ชายแดนจังหวัดสตึงแตรงที่มีรายงานว่ามีไซเบอร์สแกม 2 แห่ง
ฤา มาเลเซีย มีผลประโยชน์ทับซ้อนในกัมพูชา จึงได้นำชื่อประเทศไทยไปขายให้สหรัฐกดดันไทยให้ลงนามสันติภาพกับกัมพูชา และพัฒนาเป็นการเปิดด่านเพื่ออำนวยความสะดวก และหาทางหนีทีไล่ให้อาชญากรรมข้ามชาติในกัมพูชา
สุทิน วรรณบวร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี