วันอังคาร ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2568
หลังจากกดดันพม่าตามก้นตะวันตกมานาน วันนี้มาเลเซียประธานหมุนเวียนอาเซียน 2025 โอนอ่อนผ่อนตามพม่า โดยสัญญาจะส่งทีมไปร่วมสังเกตการณ์เลือกตั้งปลายปีนี้
รัฐบาลทหารพม่าโดยการสนับสนุนจากจีน ให้จัดการการเลือกตั้งทั่วไปตามแบบฉบับของพม่า ในเดือนธันวาคมปีนี้ และเดือนมกราคมปีหน้า แผนการเลือกตั้งสองขั้นตอนของรัฐบาลทหารพม่า ได้รับการสนับสนุนจากจีน อินเดีย รัสเซีย และกลุ่มประเทศโลกใต้
ระหว่างการประชุมสุดยอดองค์กรความร่วมมือเซียงไฮ้ (SCO) ที่นครเทียนจิน ประเทศจีน เมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย กล่าวกับ พลเอกมิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารพม่าว่า “อินเดียพร้อมส่งทีมสังเกตการณ์เลือกตั้งไปพม่าในเดือนธันวาคมนี้
นอกจาก นายโมดี ผู้นำประเทศต่างๆ ที่ไปร่วมประชุม SCO รวมทั้งเกาหลีเหนือ สนับสนุนการเลือกตั้งพม่า และพร้อมรับรองรัฐบาลประชาธิปไตย ในขณะที่จีน รัสเซีย อินเดีย และประเทศโลกใต้สนับสนุนการเลือกตั้งในพม่า เพื่อเปลี่ยนผ่านรัฐบาลทหารสู่รัฐบาลจากเลือกตั้ง แต่สมาชิกอาเซียนหล่ายชาติคัดค้านการเลือกตั้งพม่าอย่างแข็งขัน
ในที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมาอาเซียนมีความเห็นว่า พม่าต้องไม่จัดการเลือกตั้ง ในระหว่างสงครามกลางเมือง มาเลเซีย ประธานอาเซียน 2025 กล่าวว่า จะส่งรัฐมนตรีต่างประเทศไปพบพลเอกมิน อ่อง หล่าย เพื่อเจรจาเรื่องความล่าช้าการปฏิบัติตามฉันทามติอาเซียน และให้รัฐบาลทหารพม่ายุติความรุนแรงต่อประชาชน
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า โมฮัมหมัด ฮาซัน รัฐมนตรีต่างประเทศมาเลเซีย เดินทางไปกรุงเนปิดอว์เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม เพื่อเจรจากับ พลเอกมิน อ่อง หล่าย เรื่องพม่าจะจัดการเลือกตั้ง และผลักดันให้พม่ามีความคืบหน้ากระบวนการสันติภาพที่ล่าช้า
พม่าถูกกีดกันไม่ให้ร่วมประชุมอาเซียนตั้งแต่ปี 2565 โดยอาเซียนกล่าวว่า พม่าไม่ปฏิบัติตามฉันทามติ 5 ข้อที่ มิน อ่อง หล่าย ร่วมลงนามหลังจากยึดอำนาจไม่นาน พม่าซึ่งติดหล่มสงครามกลางเมืองกับฝ่ายขบถ จะจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปรอบแรกวันที่ 28 ธันวาคมนี้
รอยเตอร์ส รายงานด้วยว่า การเลือกตั้งที่ตะวันตกวิจารณ์ว่า จอมปลอมน่าละอาย ที่นายพลยังคงกุมอำนาจหลังเลือกตั้งผ่านตัวแทน มีเพียงสองสามพรรคลงสมัครแข่งขัน ส่วนกลุ่มฝ่ายค้านหากไม่ถูกแบนจากรัฐบาลทหารก็ปฏิเสธไม่ร่วมรับสมัครเลือกตั้ง
ซึ่งเหมือนการเลือกตั้งปี 2553 ที่พรรคเอ็นแอลดีของออง ซาน ซู จี บอยคอตต์ แต่ในปี 2555 ซู จี นำสมาชิกพรรคเอ็นแอลดี สมัครเลือกตั้งซ่อมชนะ 35 ที่นั่งซึ่งว่างในสภา : ผู้เขียน
โมฮัมหมัด ฮาซัน กล่าวในที่ประชุม รมต.ต่างประเทศอาเซียน เมื่อเดือนกรกฎาคมว่า “อาเซียน ไม่ถือว่า การเลือกตั้งเป็นความสำคัญอันดับต้นๆ ของพม่า อาเซียนเรียกร้องให้พม่ายึดมั่นในกระบวนการสันติภาพแทนการเลือกตั้ง”
กระทรวงต่างประเทศมาเลเซีย กล่าวในแถลงการณ์ว่าโมฮัมหมัด “จะเรียกร้องให้รัฐบาลทหารพม่ายุติความโหดร้ายและเปิดโอกาสให้การช่วยเหลือทางมนุษยธรรมเข้าถึงทุกพื้นที่โดยไม่มีข้อจำกัด และ ให้รัฐบาลทหารพม่าจัดการเจรจาครอบคลุมทุกกลุ่มทุกฝ่ายที่มีส่วนได้เสียในพม่า”
เฟซบุ๊กส่วนตัว โมฮัมหมัดโพสต์ ก่อนออกเดินทางไปพม่าว่า “การละเมิดข้อตกลงหยุดยิงเมื่อเร็วๆ นี้เป็นการบ่อนทำลายแผนสันติภาพ” เขาไม่ได้ให้รายละเอียดว่าใครละเมิดการหยุดยิงช่วงไหน แต่นักวิเคราะห์กล่าวว่าเขาหมายถึงการโจมตีเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม
สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน โดยอ้างข้อมูลจากผู้เห็นเหตุการณ์และนักสิทธิมนุษยชน ว่า ทหารพม่าใช้ร่มร่อนที่คนท้องถิ่นเรียกว่า paramotor ทิ้งระเบิดใส่กลุ่มคนที่ชุมนุมฉลองวันไหว้พระจันทร์ ในเมืองสไกน์ภาคกลางพม่า เมื่อวันที่ 8 ต.ค. แรงระเบิดทำให้คนตาย 20 คน และได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก สื่อต่างประเทศได้ข้อมูล จากผู้เห็นเหตุการณ์ กลุ่มสิทธิมนุษยชน และอื่นๆ
นับเป็นการรายงานข่าว โจมตีแบบพิสดารพันลึกมาก ติดตามข่าวต่างประเทศมากว่า 50 ปีไม่เคยได้ยินข่าวทหารใช้ร่มร่อนทิ้งระเบิดใส่ศัตรู และที่พิสดารมากกว่านั้น พบว่าทั้งอาเซียนและยูเอ็น เชื่อข่าวนี้อย่างสนิทใจ และใช้ข้อมูลที่ไม่ได้ตรวจสอบความถูกต้องโจมตีรัฐบาลที่ตะวันตกไม่พอใจ
ซึ่งไม่ต่างกับข่าวบิดเบือนที่ว่ารัฐบาลพม่าควบคุมพื้นที่ได้เพียง 30% ของพื้นที่ทั้งหมดในประเทศ รัฐบาลทหารพม่าจึงจัดเลือกตั้งได้เพียงบางส่วนเท่านั้น แต่หากดูข้อมูลที่ พลเอกมิน อ่อง หล่าย แจ้งต่อจีน อินเดีย และรัสเซีย ว่าการเลือกตั้งรอบแรกทำทั่วประเทศ แต่ยกเว้นไม่จัดเลือกตั้ง สส. 56 เขต และ วุฒิสภา 9 เขต จากสมาชิกรัฐสภา 440 คน
เขตที่ไม่จัดเลือกตั้งรอบแรก เนื่องจากว่าเขตเลือกตั้งเหล่านั้น ยังไม่พร้อมส่งตัวแทนสมัครเลือกตั้งแบบประชาธิปไตยหล่ายพรรค ข้อมูลทางการของรัฐบาลพม่า จึงลบล้างรายงานข่าวสื่อตะวันตกที่ว่า รัฐบาลควบคุมพื้นที่เพียง 30%
กระทรวงต่างประเทศมาเลเซียไม่ได้แถลงว่า การเจรจาระหว่างโมฮัมหหมัด ฮาซัน กับ พลเอกมิน อ่อง หล่าย ได้ข้อสรุปอะไรบ้าง แต่หนังสือพิมพ์สเตรทไทม์มาเลเซีย คัดลอกข่าวจาก โกลบอล นิวไลท์ ออฟเมียนมา ซึ่งเป็นสื่อทางการพม่ารายงานว่า “ดาเต๊ะ เสรี โมฮัมหมัด สัญญาว่า มาเลเซียจะส่งทีมสังเกตการณ์มาร่วมเป็นพยานการเลือกตั้งเมียนมา..”ในฐานะประธานอาเซียนมาเลเซียรับประกันว่า อาเซียนจะให้ความร่วมมืออย่างดีที่สุดกับเมียนมา” ตามรายงาน โกลบอลนิวไลท์เมียนมา
สเตรทไทม์มาเลเซียรายงานด้วยว่า โมฮัมหมัด ฮาซัน เดินไปเยือนพม่าวันที่ 9 ตุลาคม และนิวไลท์ ออฟ เมียนมา รายงานวันที่ 10 ตุลาคมว่า ในฐานะประธานอาเซียนมาเลเซียให้คำมั่นว่า อาเซียนจะให้ความร่วมมืออย่างดีที่สุดกับเมียนมา
อย่างไรก็ตาม นักสังเกตการณ์มองว่า การเลือกตั้ง“เป็นกลอุบายเพื่อทำให้กองทัพครองอำนาจถูกต้องตามกฎหมาย” โดยการส่งตัวแทนลงสมัครเลือกตั้ง ในขณะที่ฝ่ายต่อต้านที่ถูกยึดอำนาจประกาศบอยคอตต์ และถูกกีดกันจากกองกำลังติดอาวุธฝ่ายต่อต้านไม่ให้เลือกตั้งในพื้นกองกำลังติดอาวุธควบคุม
การเลือกตั้งในพม่าจึงมีรูปแบบเหมือนปี 2555 ที่พรรคเอ็นแอลดี ของออง ซาน ซู จี บอยคอตต์ ตามประเทศตะวันตก ที่เชื่อว่าเป็นการเลือกตั้งจอมปลอมที่นานาชาติไม่อาจรับรองรัฐบาลจากการเลือกตั้ง
แต่หลังจากพรรคสหภาพสามัคคีและพัฒนา (USDP) พรรคทหารพม่าชนะเลือกตั้ง เต่ง เซ่ง ถอดเครื่องแบบทหาร เป็นนายกรัฐมนตรี รัฐบาลจากการเลือกตั้งพม่าเริ่มเปิดประเทศหลังจากปิดประเทศหล่ายปี เต่ง เซ่งบริหารแบบเสรีประชาธิปไตย มากขึ้น ในที่สุดนานาชาติรับรองรัฐบาลจากการเลือกตั้ง 2 ปีต่อมาพม่าจัดการเลือกตั้งซ่อม และออง ซาน ซู จี นำพรรคเอ็นแอลดี ลงสมัครเลือกตั้ง ชนะที่ว่างในสภา 35 ที่นั่ง
การเลือกตั้งวันที่ 28 ธันวาคม และเดือนมกราคม 2569 ก็เช่นกัน เชื่อว่าหลังจากพม่าได้รัฐบาลใหม่ออง ซาน ซู จี และพรรคเอ็นแอลดี จะได้รับอภัยโทษ และลงสมัครเลือกตั้งซ่อมในที่ว่าง 65 เขตเลือกตั้งคือ สส. 56 เขต และ สว. 9 เขต
นั่นคือการเลือกตั้งแบบพม่าๆ ที่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญปี 2551 ซึ่งให้สิทธิกองทัพ 25% เป็นสมาชิกรัฐสภาไม่ต้องเลือกตั้ง และกำหนดว่าแก้รัฐธรรมนูญต้องมีเสียงสนับสนุนจากรัฐสภาเกิน 75% นอกจากนั้นรัฐธรรมนูญพม่าให้อำนาจกองทัพแต่งตั้งรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงกิจการชายแดน
พม่าอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ 63 ปี พม่าไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ กองทัพ จึงเป็นสถาบันสูงสุด ที่รัฐธรรมนูญปี 2551 ให้อำนาจนิติบัญญัติ และอำนาจบริหาร 25% ซึ่งนักวิเคราะห์กล่าวว่า ออง ซาน ซู จี ได้อำนาจ 75% ไม่พอใจอยากได้อำนาจ 100%
มีรายงานว่าในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ที่ผ่านมาออง ซาน ซู จี เตรียมตั้งนายทหารยศพลเอกเป็นประธานาธิบดี เพื่อให้ได้เสียงสนับสนุนเกิน 75% ถึงตอนนั้นรัฐบาลก็แก้รัฐธรรมนูญได้ มีข่าวออกมาตอนเช้าตกเย็นนายทหารคนนั้นนถูกปลดออกจากราชการ พร้อมกับแถลงการณ์ยึดอำนาจ
ซู จี คิดผิดซ้ำสอง ที่ตั้งกองกำลังติดอาวุธต่อสู้กับทหาร โดยหวังว่ากองกำลังกลุ่มชาติพันธุุ์ร่วมมือกับเธอโค่นล้มทหารพม่าได้ กองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ซึ่งสู้รบจำกัดอยู่ในพื้นที่ของตัวเองมากว่า 60 ปีไม่เคยรุกล้ำเข้ามาไปใน 7 ภูมิภาคของพม่า ดังนั้นอีกร้อยปีก็สู้ทหารไม่ได้
ก่อนให้อิสรภาพพม่าอังกฤษวางกับดักไว้ โดยแบ่งการปกครองสหภาพพม่าเป็น 7 รัฐ (states)เป็นของกลุ่มชาติพันธุ์ และ 7 ภูมิภาค (Division) อยู่ภายการปกครองของคนพม่า กลุ่มชาติพันธุ์จึงสู้รบป้องกันพื้นที่ของตัวเองและแย่งอำนาจผลประกันภายในตลอดเวลา การมองว่า กลุ่มชาติพันธุ์ยึดครองพื้นที่ประเทศได้มากขึ้นจึงเป็นการวิเคราะห์แบบตาบอดคลำช้าง
“พม่าต้องมองด้วยความเข้าใจในบริบทสังคมและความมั่นคงของเขาไม่ใช่บ้าประชาธิปไตยแบบตะวันตก” นักวิเคราะห์กล่าวสรุป
สุทิน วรรณบวร

ปวดหลัง ปวดคอ ร้าวลงแขนขา สัญญาณเตือน ‘โรคกระดูกสันหลัง’
เช็กที่นี่! กรมอุตุฯประกาศ‘ฉบับ 2’เตือน‘อากาศแปรปรวน’ ฝนตกเพิ่มขึ้น 29 ต.ค.-2 พ.ย.
น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ‘สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง’ โครงการในพระราชดำริ ‘มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ’ ศิลปหัตกรรมจากฝีมือชาวไร่ชาวนา
ไทยขอจัดประชุมปราบสแกมเมอร์นานาชาติ กต.เดินหน้าประสานทันที
ลอบวางบึ้มที่รือเสาะ รถพลิกคว่ำพังยับ หลังกลับจากส่งปลัด จนท.อส.พลีชีพ1ศพ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี