วันศุกร์ ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
คณะรัฐมนตรี นำโดยนายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล มีมติเห็นชอบหลักการการเสนอตัวขอเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก รายการ โมโต จีพี ประจำปี 2570-2574 (5 ปี) ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (กก.) เสนอ โดยจะใช้งบประมาณภาครัฐประมาณ 3,900 ล้านบาท (สัญญายาว 5 ปี)
ปรากฏว่า เกิดคำถามถึงความคุ้มค่า และเข้าข่ายเอื้อประโยชน์แก่ใครโดยมิชอบ หรือไม่?
1. นายพายุ เนื่องจำนงค์ อดีตรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความตั้งคำถามว่า “ความคุ้ม”ของการจัด MotoGP ในไทยต่อไปอีก 5 ปีนั้นอยู่กับใครกันแน่..?
ระบุว่า “ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีเสียงวิจารณ์ถึงศักยภาพการจัดงาน ทั้งเรื่องการเดินทาง ที่พัก และระบบรองรับผู้ชม ซึ่งเป็นหัวใจของการสร้างรายได้ท้องถิ่น.. แต่กลับถูกมองข้าม
ขณะที่รัฐบาลอ้างว่าความนิยมของรายการนี้เพิ่มขึ้น แต่กลับมีผู้สนับสนุนทางธุรกิจ (sponsors) ลดลง จนรัฐมีความจำเป็นมา “อุ้ม” รายการแทนมาโดยตลอด
ซึ่งหมายความว่า กิจกรรมนี้ไม่สามารถพึ่งพาตนเองได้ และหากเป็นเช่นนั้น รัฐบาลควรถามตัวเองก่อนว่า “เราฝืนจัดเพื่ออะไร? และเพื่อใคร?”
เพราะหากผลประโยชน์ตกอยู่กับเอกชน “กลุ่มเล็ก” ที่มีบทบาทใหญ่ในรัฐบาลปัจจุบัน โดยเฉพาะงบประมาณกลับมาจากภาษีของประชาชนส่วนใหญ่ ย่อมไม่อาจเรียกว่าเป็นนโยบายเพื่อประโยชน์สาธารณะได้..
ดังนั้น รัฐควรทบทวนรูปแบบการสนับสนุน ที่ให้กลุ่มเอกชนที่ได้ประโยชน์ร่วมลงทุนมากขึ้นการที่เป็นอยู่ แทนที่จะผลักภาระให้ประชาชนโดยตรงเช่นนี้
ยิ่งไปกว่านั้น.. การที่ยังมีกรณีข้อพิพาทเรื่อง “ที่ดินเขากระโดง” ที่ยังคงขาดความชัดเจน รัฐบาลได้เปิดเผยเรื่องนี้ต่อเจ้าของลิขสิทธิ์แล้วหรือไม่?
หากภายหลังเกิดคำวินิจฉัยที่กระทบสนามและต้องแก้ไข จะนำไปสู่การ “ผิดสัญญา” กับผู้จัดหรือไม่..?
และถ้าเกิดการผิดสัญญาจริง ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบความเสียหายต่อความน่าเชื่อถือในการยื่นขอจัดแข่งรายการอื่นๆ ในอนาคต หรือค่าปรับการผิดสัญญา.. จะเป็น ภาครัฐ, ภาคเอกชน, หรือประชาชนอีกตามเคย?
...หากรัฐบาลต้องการผลักดันให้ Moto GP อยู่ในไทยจริง ก็ควรทำให้ถูกทาง เอกชนที่ได้รับประโยชน์ควรแสดงสปิริตลงทุนอย่างเป็นธรรม และรัฐต้องเปิดเผยข้อมูลสาธารณะทุกขั้นตอน เพื่อให้ประชาชนมั่นใจว่า ประเทศไทยจัดงาน “ระดับโลก” อย่างคุ้มค่าโดยไม่ต้องจ่ายราคาแพงเกินจริงเพียงเพื่อประโยชน์กับคนกลุ่มน้อยอีกครับ” – นายพายุกล่าว
2. ข้อมูลความจริง เกี่ยวกับการเสนอตัวขอเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก รายการ โมโต จีพี ประจำปี 2570-2574 (5 ปี)
ความจริง ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดงานนี้มาต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2561-2568
คือ เริ่มมาตั้งสมัยนายกฯ ลุงตู่
ประสบความสำเร็จ ได้รับเสียงชื่นชมมาทุกปี คนเข้าไปดูมากขึ้นต่อเนื่องทุกปี
ผลจากการสำรวจ พบว่า มีผู้ชมทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางเข้าร่วมกิจกรรมระหว่างการแข่งขันเฉลี่ยกว่า 206,240 คนต่อครั้ง
ส่งผลให้เกิดรายได้หมุนเวียนภายในประเทศ ทั้งในภาคอุตสาหกรรมที่พัก ร้านอาหาร การเดินทาง และการท่องเที่ยว
สามารถสร้างมูลค่าเศรษฐกิจให้แก่ประเทศไทยได้มากถึง 24,927 ล้านบาท
ปัจจุบัน มีผู้ติดตามการแข่งขันทั้งจากการเข้าชมการแข่งขัน ณ สนามแข่งขัน และรับชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันผ่านระบบการถ่ายทอดในรูปแบบต่างๆ กว่า 800 ล้านคน
หรือจาก 207 ประเทศทั่วโลก
การแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก รายการโมโต จีพี ถือเป็นรายการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และมีความเร็วสูงสุดในโลก ซึ่งนับว่าเป็นกีฬาประเภทมอเตอร์สปอร์ตที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก
นับว่า เป็นกิจกรรมสำคัญที่ช่วยส่งเสริมการประชาสัมพันธ์ถึงศักยภาพด้านการจัดการแข่งขันกีฬาของประเทศไทยสู่สายตาประชาคมโลก ได้แสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการจัดการแข่งขันและการเป็นศูนย์กลางด้านกีฬาในภูมิภาคอาเซียน ทั้งยังส่งเสริมอุตสาหกรรมกีฬา อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง กระทรวงการท่องเที่ยวฯ จึงเห็นประโยชน์และความคุ้มค่า ที่จะเสนอให้ไทยเป็นเจ้าภาพต่อไป อีก 5 ปี (ปี 2570-2574) เพื่อต่อยอดความสำเร็จ และรักษาความต่อเนื่องในการสร้างรายได้ทางเศรษฐกิจ และส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
3. ในยุคปัจจุบัน การจะเป็นเจ้าภาพจัดงานใหญ่ๆ ที่ได้รับความนิยม และแข่งขันกันเป็นเจ้าภาพ โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี
จะเป็นต้องแข่งขันกับประเทศอื่นๆ และรัฐบาลแต่ละประเทศก็มักจะมีนโยบายสนับสนุนเพื่อดึงงานเหล่านั้นให้มาจัดในประเทศของตน เพราะเป็นกิจกรรมที่มีผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจและชื่อเสียงของประเทศ
ไม่ต้องพูดถึงการแข่งขันกีฬาใหญ่ๆ เช่น ฟุตบอลโลก ฯลฯ
เอาแค่ว่า คอนเสิร์ตนักร้องดังที่ไปแสดงที่ประเทศสิงคโปร์ อดีตนายกฯเศรษฐา สมัยรัฐบาลเพื่อไทย ยังเปิดเผยว่า รัฐบาลสิงคโปร์ยอมทุ่มเงินจ่าย และไทยเราก็ควรจะทุ่มเงินจ่ายบ้าง คุ้มค่า
.png)
.png)
.png)
4. จากการตรวจสอบ พบว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (กก.) นำเสนอข้อมูลรายละเอียดที่น่าสนใจในที่ประชุม ครม. ระบุว่า
ภาพรวมของการจัดการแข่งขัน : เป็นเจ้าภาพต่อเนื่อง 5 ปี (ตั้งแต่ปี 2570-2574)
สถานที่จัดการแข่งขัน : สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ (เป็นสนามแข่งขันที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจากสหพันธ์จักรยานยนต์ระหว่างประเทศ (Federation of International Motorcycling : FIM)
รูปแบบการแข่งขัน : การแข่งขันแบ่งเป็น 3 รุ่น ได้แก่ รุ่น MotoGP (ใช้รถจักรยานยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ 1000 ซีซี) รุ่น Moto2 (ใช้รถจักรยานยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ 600 ซีซี) รุ่น Moto3 (ใช้รถจักรยานยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ 250 ซีซี)
จำนวนผู้ร่วมแข่งขัน : คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมการแข่งขันรวมทั้ง 3 รุ่น จำนวน 76 คน
จำนวนผู้เข้าชม : คาดว่า จะมีจำนวนทั้งสิ้นไม่น้อยกว่า 1,050,000 คน
- ปีที่ 1 จำนวน 200,000 คน
- ปีที่ 2 จำนวน 205,000 คน
- ปีที่ 3 จำนวน 210,000 คน
- ปีที่ 4 จำนวน 215,000 คน
- ปีที่ 5 จำนวน 220,000 คน
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ :
- สร้างโอกาสที่ประเทศไทยจะเป็นจุดศูนย์กลางด้านกีฬามอเตอร์สปอร์ตชั้นนำของโลก
- เป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านกีฬายานยนต์ระหว่างประเทศไทยและนานาชาติ
- ช่วยพัฒนาบุคลากรด้านกีฬายานยนต์ของไทยที่ยั่งยืน จากการเรียนรู้ การได้รับการถ่ายทอดองค์ความรู้ใหม่ และการมีประสบการณ์ในด้านต่างๆ จากผู้จัดงานระดับโลก รวมไปถึงส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือและการประสานงานของบุคลากรของประเทศกับนานาชาติ
- ช่วยให้มีส่วนเกี่ยวข้องที่ได้สัมผัสเทคโนโลยีขั้นสูงในด้านวิศวกรรมยานยนต์
- สร้างความตื่นตัวของการศึกษาในสาขา STEM (Science, Technology, Engineering, Mathematics) อันเป็นการเพิ่มจำนวนแรงงานที่มีทักษะสูง
- แสดงให้เห็นถึงศักยภาพด้านการจัดงานระดับโลก หรือ World Class Event
- ส่งเสริมภาพลักษณ์ Sports Tourism ของไทยในเวทีโลก
- สร้างโอกาสในการแสดงศักยภาพในการใช้ Soft Power ของประเทศ
- กระตุ้นการใช่จ่าย เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว ชาวต่างชาติ และก่อให้เกิดรายได้เข้าสู่เศรษฐกิจของประเทศช่วงการจัดการแข่งขัน
- สร้างการจ้างงานทั้งทางตรงผ่านงานในสนามแข่งขันและทางอ้อมผ่านธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบริการ การขนส่ง และการค้า โดยเฉพาะธุรกิจในอุตสาหกรรมกีฬายานยนต์ ซึ่งช่วยเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนในท้องถิ่นและช่วยลดการว่างงานในท้องถิ่น
- เป็นแรงผลักดันสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล (Digital Infrastructure) และนวัตกรรมพลังงานสะอาด
5. การขอรับการสนับสนุนจากภาครัฐ
กรณีประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก รายการโมโต จีพี ประจำปี 2570-2574 (5 ปี)
มีประมาณการรายรับอยู่ที่ 700 ล้านบาท
ในขณะที่ประมาณการค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 4,697.86 ล้านบาท
กระทรวงการท่องเที่ยวฯ จึงขอรับการสนับสนุนงบประมาณ เพื่อสมทบค่าใช้จ่ายในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรายการดังกล่าว จำนวน 3,997.86 ล้านบาท
แบ่งเป็นค่าลิขสิทธิ์ (หลังจากหักรายรับ) ค่าภาษีที่เกี่ยวข้อง และค่าใช้จ่ายในการจัดการแข่งขัน
โดยในส่วนของค่าลิขสิทธิ์และค่าใช้จ่ายในการจัดการแข่งขันที่นอกเหนือจากประมาณการ จะใช้จ่ายจากเงินรายได้การบริหารสิทธิประโยชน์การแข่งขัน (ภาคเอกชน) และขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ ซึ่งหากไม่เพียงพอ จะจัดทำคำขอตั้งงบประมาณรายจ่ายประจำปีตามความจำเป็นและเหมาะสม ทั้งนี้ หากมีงบประมาณเหลือจ่ายจากการดำเนินงานให้นำส่งคืนเงินตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป
6. ครม. จัดทำแผนการปฏิบัติงาน แผนการใช้จ่ายงบประมาณ และแผนบริหารความเสี่ยงด้วย
สำนักงบประมาณพิจาจารณา เห็นว่า เห็นควรให้ความเห็นชอบในหลักการเสนอตัวขอเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก รายการ โมโต จีพี ประจำปี 2570-2574 (5 ปี)
อย่างไรก็ดี กรอบวงเงินงบประมาณ จำนวน 3,997.86 ล้านบาท มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นสูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับการจัดการแข่งขันครั้งที่ผ่านมา ดังนั้น เพื่อให้โครงการบรรลุเป้าหมายและวัตถุประสงค์อย่างมีประสิทธิภาพ เห็นสมควรที่กระทรวงการท่องเที่ยวฯ โดยการกีฬาแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะพิจารณาด้วยความรอบคอบ รัดกุม โปร่งใส บูรณาการทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง คำนึงถึงความประหยัดและความคุ้มค่าของการใช้จ่ายงบประมาณ ดำเนินการโดยพิจารณาถึงผลสัมฤทธิ์ ประโยชน์สูงสุดของทางราชการและประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ
ทั้งนี้ เมื่อประเทศไทยได้รับพิจารณาให้เป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันฯ แล้ว ขอให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ โดยการกีฬาแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำแผนการปฏิบัติงานและแผนการใช้จ่ายงบประมาณที่ต้องใช้ในการเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขัน โดยให้ครอบคลุม ทุกแหล่งเงิน นำรายได้จากการบริหารสิทธิประโยชน์ในฐานะเจ้าภาพการจัดการแข่งขัน การสนับสนุนจากภาคเอกชนและรัฐวิสาหกิจมาสมทบการดำเนินงาน รวมทั้งการขอรับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ และการใช้จ่ายจากเงินสะสมการกีฬาแห่งประเทศไทย เพื่อให้ภาระต่องบประมาณอยู่ในสัดส่วนที่เหมาะสม ไม่ก่อให้เกิดภาระด้านงบประมาณและการคลังในอนาคต
นอกจากนี้ ควรพิจารณาความพร้อมในด้านต่างๆ วิธีการสร้างรายได้และมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากการลงทุนเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน และแนวทางการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ
ตลอดจนพิจารณาถึงการจัดทำแผนบริหารความเสี่ยงในกรณีที่เงินรายได้จากการบริหารสิทธิประโยชน์การแข่งขันและเงินสนับสนุนจากภาคเอกชนไม่เป็นไปตามเป้าหมาย รวมทั้งผลกระทบในทางลบที่อาจจะเกิดขึ้นจากการจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก รายการ โมโต จีพี ประจำปี 2570-2574 (5 ปี) และเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบอีกครั้งหนึ่ง
จะเห็นได้ว่า ครม. ก็พิจารณารายละเอียด เพื่อความคุ้มค่าที่สุดสำหรับประเทศชาติส่วนรวม
7. ประเด็นปัญหาที่ดินเขากระโดง มีรายงานว่า พิ้นที่สนามแข่งรถ ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต ตรงบริเวณทางเข้า เป็นจุดที่มีประเด็นอ้างสิทธิ์ทับซ้อนกันอยู่
พื้นที่อ้างสิทธิ์ทับซ้อนแค่บางส่วน ไม่กระทบถึงตรงแทร็กแข่ง
ในประการสำคัญ ปัจจุบัน ยังไม่มีการเพิกถอนโฉนดแต่อย่างใด แม้แต่สมัยรัฐมนตรีมหาดไทย ภูมิธรรม เอง ก็ไม่มีการลงนามคำสั่งหรือเสนอเพิกถอนโฉนด
ในรายงานของคณะกรรมการที่ตั้งในยุคบิ๊กอ้วนเพื่อตรวจสอบการใช้ดุลพินิจของอธิบดีกรมที่ดิน(พรพจน์ เพ็ญพาส อดีตอธิบดีกรมที่ดิน) และ คณะกรรมการตามมาตรา 61 ก็ไม่มีข้อเสนอให้อธิบดีกรมที่ดิน ใช้อำนาจตามมาตรา 61 วรรค 8 เพิกถอนการจดทะเบียน หรือออกเอกสารสิทธิ แต่อย่างใด เป็นคนละเรื่องกับที่ฝ่ายการเมืองแถลงข่าวใหญ่โต
ขณะนี้ ยังไม่มีคำพิพากษาหรือคำสั่งถึงที่สุดให้เพิกถอนหรือแก้ไขโฉนดแต่อย่างใด
ล่าสุด การรถไฟฯ ได้เริ่มกระบวนการฟ้องร้อง ขอให้เพิกถอนโฉนดบริเวณเขากระโดงเป็นรายแปลงต่อศาล ซึ่งจะต้องว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม ต่อสู้ในชั้นศาลยุติธรรม ตามกฎหมายต่อไป
สารส้ม

ถึงอ่างทองแล้ว! ชายพิการปั่นจักรยานจาก'แม่สาย-กรุงเทพฯ' กราบพระบรมศพ'พระพันปีหลวง'
เยี่ยม'น้องลูกชิ้น' เด็ก16ปีหนัก180 กก. แม่สุดปลื้มลูกชายจะกลับมาเดินได้
'โฆษกรัฐบาล'แจงนโยบาย'แก้ไขหนี้เสียต่ำแสน' ลดเงื่อนไขชำระ ให้ลูกหนี้กลับเข้าระบบ
'ในหลวง-พระราชินี'พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะบุคคลต่างๆเฝ้าฯถวายเงิน
สวยงามแปลกตา! ยอดเขาแหลม ที่ทองผาภูมิ เปล่งประกายสีทองอร่าม

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี