วันพุธ ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2568
เป็นที่เข้าใจตรงกันว่า “พรรคเพื่อไทย” เป็นของตระกูลชินวัตร โดยตระกูลชินวัตร และเพื่อตระกูลชินวัตร
“ทักษิณ ชินวัตร” เป็นผู้สร้าง ทั้งความรุ่งเรืองและตกต่ำให้แก่พรรค
รุ่งเรืองด้วยนโยบายประชานิยม จนโกยคะแนนนิยมจากประชาชนได้อย่างท่วมท้น แถมมีการควบรวมพรรคการเมืองอื่นๆ เข้ามา จนเป็น “เผด็จการรัฐสภา” คุมอำนาจในสภาจนเบ็ดเสร็จแต่แพ้ “ความอยาก” ของตัวเองเอาอำนาจเบ็ดเสร็จไปทำสิ่งที่เรียกว่า “คอร์รัปชั่นเชิงนโยบาย” จนสุดท้าย มีคดีทุจริตเกิดขึ้นมากมาย และทยอยติดคุกกันไป ทั้งอดีตรัฐมนตรี ข้าราชการที่ให้การสนับสนุน ไม่เว้นแม้แต่ตัว “นายทักษิณ ชินวัตร” เอง
หลังหมดยุคของทักษิณ เพราะ “โกงกิน” จนต้อง “หนี” พรรคนี้ก็มี “ทายาท” เข้ามาทำงานการเมืองต่อ
ล่าสุดเปิดตัว “นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์” หลานชายทักษิณเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หลังอุ๊งอิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร ทำพรรคพินาศย่อยยับ จาก “คลิปเสียงอังเคิล”
1) นายยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ ถือเป็นคนจากตระกูล “ชินวัตร” คนที่ 5 ที่ก้าวเข้ามาชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลังจากประเทศไทยมีนายกฯ จากตระกูล “ชินวัตร” และ “วงศ์สวัสดิ์” รวมแล้ว 4 คน นั้น คือ นายทักษิณ ชินวัตร, น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร, นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร
2) ในงานเปิดตัวบุคคลที่จะเสนอเป็นนายกฯ ในบัญชีของพรรคเพื่อไทย นายยศชนัน แสดงวิสัยทัศน์ในช่วงหนึ่ง ประกาศอาสาแก้วิกฤตประเทศในทุกมิติ ผ่านการวางรากฐานประเทศให้มีรายได้สูง โดยเริ่มต้นจาก GDP ที่จะทําให้ประเทศขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ รวมถึงการอัปเกรดเครื่องยนต์ที่มีอยู่ใน 3 ส่วน คือ ภาคการเกษตร ภาคอุตสาหกรรมการผลิต และภาคการบริการ ซึ่งถือเป็น 3 เสาหลักของ GDP โดยจะต้องเพิ่มความคิดสร้างสรรค์และเทคโนโลยีในทุกๆ ด้าน ซึ่งสามารถทำได้ทันที เมื่อพรรคเข้าเป็นรัฐบาล ก่อนชี้ว่า 4 ปีข้างหน้าจะเป็นยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงและปฏิรูปทุกรูปแบบ
3) ควรทราบว่า ศาสตราจารย์ ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ หรือ “เชน” ปัจจุบันอายุ 46 ปี เป็นบุตรชายของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกฯ คนที่ 26 กับนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ หรือ “เจ๊แดง” น้องสาวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เขาจึงเป็น หลานชายของนายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ด้านประวัติการศึกษา ศ.ดร.ยศชนัน สำเร็จการศึกษามัธยมศึกษาตอนปลาย จากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ส่วนระดับปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า สถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และศึกษาต่อในระดับปริญญาโทและปริญญาเอก ด้านวิศวกรรมไฟฟ้า ปริญญาโท : M.S. in Electrical Engineering, University of Texas at Arlington USA และ ปริญญาเอก: Ph.D. in Electrical Engineering, University of Texas at Arlington, USA
สำหรับประสบการณ์ทางการเมือง ในปี 2557 ศ.ดร.ยศชนัน ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เชียงใหม่ เขต 3 และได้รับชัยชนะ แต่ในการเลือกตั้งครั้งนั้น ถูกประกาศเป็นโมฆะ จึงไม่ได้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
เส้นทางการทำงาน นายยศชนัน เป็นนักวิชาการและอาจารย์ด้านวิศวกรรมชีวการแพทย์ เคยดำรงตำแหน่งรองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยมหิดล และถูกจับตามองว่าจะมีชื่อเป็นหนึ่งในแคนดิเดตตัวเต็งที่จะมานั่งในตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) ในคณะรัฐมนตรีแพทองธาร 2 อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาดังกล่าว นายยศชนัน ได้ออกมาปฏิเสธ ว่ายังไม่คิดรับตำแหน่งทางการเมือง โดยขอทำงานด้านวิชาการต่อไป
นอกจากนี้ ในปี 2568 นายยศชนัน ยังเป็นคณะกรรมการขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการ AI แห่งชาติ, คณะผู้เชี่ยวชาญเฉพาะกิจ จัดทำร่างข้อเสนอแนะของยูเนสโก (UNESCO’s Recommendation) ว่าด้วยจริยธรรมของเทคโนโลยีประสาท (Neurotechnology) ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส, กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ (ด้านการบริหารจัดการและทรัพยากรบุคคล) ในคณะกรรมการสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล เป็นต้น
4) นายเทพไท เสนพงศ์ โพสต์ผ่านเพจ “เทพไท คุยการเมือง” เรื่อง “เพื่อไทย ปั่นกระแส ดร.เชน” ว่า...
หลังจากพรรคเพื่อไทย ได้ประกาศชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ชื่อ ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ เป็นการตอกย้ำว่า ครอบครัวตระกูลชินวัตร ยังสนับสนุนพรรคเพื่อไทย ยังไม่ปล่อยมือ จึงส่งบุคคลในครอบครัวตระกูลชินวัตร เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพื่อสื่อสัญลักษณ์ให้เห็นว่า พรรคเพื่อไทย นายทักษิณ ชินวัตร ยังให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่และมีการปั่นกระแสจากกลุ่มนายแบก นางแบบ กองเชียร์ รวมไปถึงการปั้นแต่งผลการสำรวจ หรือผลโพล ที่บางคนเรียกว่าโพลจัดตั้งหรือโพลเถื่อนให้คะแนนนิยมของดร.ยศชนัน มาเป็นอันดับ 1 ทั้งที่ผลโพลของสำนักต่างๆที่เป็นทางการ ก็ยังเห็นคะแนนนิยมของดร.ยศชนัน ยังอยู่ในลำดับรั้งท้าย
แต่การปั่นกระแสของดร.ยศชนัน ว่าเป็นคนรุ่นใหม่ มีเสียงตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี ก็เพื่อต้องการที่หยุดกระแสเลือดไหลออกจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งยังมีข่าว อดีตสส.ของพรรคเพื่อไทยลาออกไปสังกัดพรรคการเมืองอื่น ให้เห็นอยู่หลายคน และล่าสุดการลาออกของนายจาตุรนต์ ฉายแสง จากตำแหน่งประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ซึ่งไม่ได้เกินความคาดหมาย เพราะก่อนหน้านี้นายจาตุรนต์ ได้รับการผลักดันจากสมาชิกในพรรคเพื่อไทยให้เป็นหัวหน้าพรรค และเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แต่เนื่องจากนายจาตุรนต์เป็นคนที่มีหลักการ ซึ่งนายใหญ่ไม่สามารถบงการหรือสั่งการได้ จึงไม่สนับสนุนให้รับตำแหน่งหัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค
การมีตำแหน่งประธานยุทธศาสตร์พรรค ถือว่าเป็นตำแหน่งปลอบใจ และเป็นตำแหน่งที่หาที่ยืนให้กับนายจาตุรนต์ ซึ่งนายจาตุรนต์ก็ทราบดีว่า ตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งลอย ตำแหน่งปลอบใจ ไม่สามารถผลักดันหรือมีบทบาทใดๆได้ เห็นได้จากเหตุผลการลาออกของนายจาตุรนต์ว่า เมื่อกรรมการบริหารพรรคได้ผลักดันนโยบายยุทธศาสตร์พรรคได้อย่างเต็มที่แล้ว ไม่จำเป็นต้องอยู่ในตำแหน่งนี้อีกต่อไป จึงขอลาออกเพื่อไปเป็นคณะกรรมการรณรงค์ประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรค ซึ่งไม่แน่ใจว่าพรรคเพื่อไทยจะแต่งตั้งหรือไม่ หรือจะเอาจริงเอาจังกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญมากน้อยเพียงใด เพราะ 2 ปีที่เป็นรัฐบาล ก็ไม่แสดงความมุ่งมั่น หรือท่าทีที่ชัดเจนว่า จะผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเลย
จะเห็นได้ว่า ในวันนี้พรรคเพื่อไทยพยายามจะปั่นกระแส ดร.ยศชนัน ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ออกเดินสายเปิดตัวกับประชาชน เช่น การลงพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาและจังหวัดสุพรรณบุรี เป็นสถานที่แห่งแรก แต่เชื่อว่า ก่อนถึงวันรับสมัครเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ น่าจะมีอดีตสส.พรรคเพื่อไทยลาออกจากพรรค ไปสังกัดพรรคการเมืองอื่นอีก
5) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ หัวหน้าพรรครักชาติออกมาตั้งคำถามถึงแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของ พรรคเพื่อไทย โดยระบุว่า
เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทยเป็นบุคคลในตระกูลชินวัตร ซึ่งเป็นคู่ขัดแย้งที่เชื่อมโยงกับปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา
“หากบุคคลในตระกูลชินวัตร ขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศอีกครั้ง จะสามารถเข้าไปแก้ไขปัญหาความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาให้กลับสู่ความสงบได้อย่างไร”
พร้อมเรียกร้องให้ชี้แจงอย่างชัดเจน เพื่อคลายข้อสงสัยของประชาชน เนื่องจากเป็นประเด็นที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประเทศ
นอกจากนี้ หัวหน้าพรรครักชาติยังแสดงความกังวลอีกด้วยว่า หากแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยได้เป็นนายกรัฐมนตรี จะสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนได้อย่างไรว่า จะไม่ถูกครอบงำทางการเมืองจาก นายทักษิณ ชินวัตร และน้องสาว เพราะประชาชนจำนวนมากมีความห่วงใย และต้องการคำอธิบาย
6) นายยศชนัน ตอบคำถามกับสื่อเครือเนชั่นที่ถามว่า “ถ้าเป็นนายกรัฐมนตรี จะแก้ปัญหาข้อพิพาทไทยกัมพูชาให้จบอย่างไร” โดยเขาตอบว่า
“ผมคิดว่าเป็นตามบริบทที่ต้องดูวันต่อวัน แต่หลักคิดแล้วก็หลักการของเรา
อย่างแรก เรื่องอำนาจอธิปไตยของประเทศไทย เป็นจุดยืนสำคัญที่สุดนะครับ หากต้องตอบโต้ก็ต้องตอบโต้ตามสัดส่วนที่เราต้องทำ
อย่างที่สอง จำเป็นที่จะต้องเดินนโยบายทางด้านการทหารควบคู่ไปกับนโยบายทางด้านของการทูต ตรงนี้เป็นสิ่งสำคัญ
อย่างที่สาม เป็นเรื่องคู่ขนานกันไป ต้องนึกถึงพี่น้องประชาชนเป็นหลัก ความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนทุกรูปแบบรวมถึงพี่น้องที่เป็นเจ้าหน้าที่คนที่ดูแลอยู่ในเขตนั้น แล้วก็พี่น้องทหาร
ประการสุดท้าย ถ้าได้เป็นรัฐบาลก็คงจะต้องมีหน่วยงานที่จะดูแลแต่ละคนเพื่อให้เขาสามารถที่จะใช้ชีวิตได้และสุดท้ายก็คือฟื้นฟูให้กลับมาได้ ในลองเทอม สิ่งนี้เราก็ต้องโพรเทค ประเทศก็ต้องทำให้ประเทศกัมพูชา สร้างความเข้าใจให้กับแต่ละคนเห็นเหตุผลต่างๆ แล้วทุกคนจะกลับมาช่วยประเทศไทย
สรุป : ความเป็น “หลานทักษิณ” ของยศชนัน เป็นทั้งคุณและโทษ เป็นคุณในแง่ที่ทำให้เขา มี “ทางวีไอพี” ให้เดิน ก้าวพรวดขึ้นสู่ตำแหน่งแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้ในทันที ในทางที่เป็นโทษก็คือ เขาต้องแบกรับ “บาปที่ตระกูลทักษิณ” ทำไว้กับประเทศชาติและประชาชน
เขาโปร่งใสพอ มีประสิทธิภาพพอ เป็นอิสระพอที่จะ “ไถ่บาป” หรือไม่ หรือสุดท้ายจะกลายเป็น “ตราบาป” ที่ถูกประทับลงในประวัติศาสตร์การเมืองของไทยอีกคน!!!
จิตกร บุษบา

ตอกหน้าฝรั่งดูแคลน! ประภาส เปิดอภินิหารคำว่า แล้ว พิสูจน์ความลึกซึ้งที่เหนือกว่า Tense
(คลิป) สื่อเขมร รายงานจริงครั้งแรก! ไทย ใช้ F-16 ทิ้งบอมปอยเปตพังท่องเที่ยวกัมพูชา
ปราชญ์ สามสี สดุดี จ่าเริง วีรบุรุษเนิน 350 ผู้ปกป้องแผ่นดินด้วยชีวิต
ทรัมป์ กร้าว ต้องการ กรีนแลนด์ เพื่อความมั่นคงของ สหรัฐฯ
เขมรกล่าวหาไทย ทิ้งระเบิด พ่นควันพิษ เป็น อาชญากรรมสิ่งแวดล้อม

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี