เป็นเรื่องที่ถูกต้องที่ภาคอุตสาหกรรมของไทยจะก้าวเข้าไปสู่...อุตสาหกรรมในอนาคตและเน้นเทคโนโลยีขั้นสูง...ตามนโยบายไทยแลนด์ 4.0... แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ควรที่จะละเลยเพิกเฉยต่ออุตสาหกรรมขั้นพื้นฐานของประเทศ...โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเหล็ก...ที่ร่วมลำบากตรากตรำลงทุนไปจำนวนมหาศาลเมื่อคราวที่ประเทศไทยเริ่มจะพัฒนาตัวเองไปสู่ประเทศอุตสาหกรรม..จนทำให้ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจเติบใหญ่และเป็นแหล่งลงทุนสำคัญของนักลงทุนทั่วโลก...
สถานการณ์ของอุตสาหกรรมเหล็กของไทยนั้น...ยากลำบากมาร่วมนับ 10 ปี...โดนสารพัดปัญหาเข้าถาโถม...ทั้งเรื่องภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซาจะทำให้ความต้องการใช้เหล็กลดลง...เท่านั้นไม่พอยังโดนการทุ่มตลาดจากเหล็กต่างประเทศโดยเฉพาะจากจีน...เรียกได้ว่าไม่ว่าเหล็กชนิดไหนพี่จีนแกทุ่มตลาดทุกชนิด...ที่ร้ายหนักกว่านั้นก็พวกผู้นำเข้าเจ้าเล่ห์ใช้ช่องทางหลบเลี่ยงภาษีหลากรูปแบบเอาเหล็กจีนมาขายถูกๆหวังฆ่าผู้ผลิตในประเทศให้ตายไปตรงหน้า...ตอนนี้อย่าว่าแต่ผู้ผลิตเหล็กรายเล็กรายกลางเลย...แม้แต่ผู้ผลิตเบอร์ 1 เบอร์ 2 ของประเทศ (ไม่ขอเอ่ยชื่อ)...ยังต้องต่อแถวเดินเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ...!!น่าหดหู่ใจไหมล่ะครับพี่น้อง...
ยุคนี้รัฐบาลพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการโหมลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ วงเงินงบประมาณก็ร่วม 3 ล้านล้านบาท...ทำให้ผู้ผลิตเหล็กของไทยพอจะมีความหวังขึ้นมาบ้าง...และหลายๆ คนคงจะคิดว่าน่าจะเป็นโอกาสทองของอุตสาหกรรมเหล็กของไทย...แต่ในข้อเท็จจริงตอนนี้กลับตรงกันข้ามเลย...เหล็กบางประเภท...ยังล้นตลาดอยู่จำนวนมาก เช่น กลุ่มเหล็กเส้น หรือกลุ่มเหล็กทรงยาวที่มีกำลังผลิตเกินความต้องการใช้ (มีกำลังผลิตรวมกว่า 13 ล้านตันต่อปี แต่ผลิตได้จริงเพียง 3.9 ล้านตัน หรือ 30% ของกำลังผลิตเต็ม)...ซึ่งหนึ่งในสาเหตุที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะโดนเหล็กนำเข้าจากประเทศจีนเข้ามาตีตลาด...แต่ยังไม่หนำใจ...ยังเศร้าไม่พอ...
แม้กำลังการผลิตที่ล้นตลาดอยู่แล้ว...แต่ก็ยังมีการเพิ่มกำลังผลิตเข้ามาในระบบอีก...ด้วยอนุญาตให้มีการตั้งโรงงานผลิตเหล็กรายใหม่ขึ้นมาอีก...ที่แย่กว่านั้น...ดันเป็นโรงงานผลิตที่ใช้เทคโนโลยีเตาหลอมแบบ Induction Furnace ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเก่า...ควบคุมคุณภาพของเหล็กไม่ได้...ไม่เหมาะที่จะผลิตเหล็กเส้นสำหรับอุตสาหกรรมก่อสร้าง...ซ้ำร้ายยังเป็นเทคโนโลยีที่สิ้นเปลืองพลังงานสูง ก่อมลพิษให้กับสิ่งแวดล้อมหลายๆ ด้าน...โดยโรงงานประเภทนี้ก็ย้ายมาจากจีนนั่นเอง...เพราะทางการจีนเห็นถึงปัญหาเหล่านี้ดีจึงได้สั่งปิดไปเป็นร้อยๆ โรงงาน....แต่ไม่รู้ด้วยเหตุผลกลใดกระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม...จึงมืดบอด....ปล่อยให้มีการตั้งโรงงานเหล็ก Induction Furnace แห่งใหม่ ขึ้นมาอีกหลายโรง...แล้วตอนนี้ก็จ่ออยู่ตามตะเข็บชายแดนอีกเป็นกองทัพ เตรียมจะเข้ามาถล่มไทยอีก...
ข้อเท็จจริงของอุตสาหกรรมเหล็กของไทยจริงอยู่ว่ามีปัญหา...เพราะมีการผลิตไม่ครบวงจร..อะไรที่ขาดยังไม่มีการผลิต...แต่ที่มีที่ผลิตก็เป็นกลุ่มที่ล้นตลาดอยู่แล้ว...แต่จะปล่อยให้อุตสาหกรรมเหล็กตายไปก็ไม่ได้...แต่ต้องช่วยการพัฒนาขึ้นมาตามแนวนโยบายไทยแลนด์ 4.0...ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา...ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำเร่งด่วนคือใช้มาตรการระยะสั้น เพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้านี้ก่อน...ด้วยการระงับการออกใบอนุญาตตั้งโรงงาน (รง.4) แห่งใหม่...สำหรับเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตและเตาหลอมเหล็กแท่งที่จะเกิดขึ้นใหม่...โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ.2535...
ย้ำอีกที... Induction Furnace เป็นเทคโนโลยีเก่ามาก จีนถึงโละเครื่องจักรเก่าออกมา แล้วเครื่องจักรเก่าจากจีนก็ทะลักเข้ามาไทย.... ทำไมเราไม่หยุดโดยระงับการนำเข้าเครื่องจักรเก่าที่ล้าสมัยพวกนี้...ควรแล้วหรือที่จะปล่อยของโรงงานเก่าแบบนี้มาสร้างปัญหามลพิษในไทยและเกิดการใช้พลังงานอย่างสิ้นเปลือง...
ณ ตอนนี้เป็นเรื่องที่น่ายินดีนิดหนึ่ง...ที่ อุตตมสาวนายน รมว.อุตสาหกรรม...มองเห็นถึงปัญหาและพยายามจะแก้ไข...และกำลังเร่งให้ดำเนินการใช้ มาตรา 32 ตาม พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ.2535...
!!แต่ผลในทางปฏิบัติจะออกมาเมื่อใดนั้น...อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง...พรุ่งนี้มาว่ากันต่อใน...โลกการค้า...ครับพี่น้อง...มีอะไรแสบๆ คันๆ ให้อ่านกัน...
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี