ขณะนี้อดีต สส.พรรคเพื่อไทยหลายคน รวมทั้งแกนนำคนเสื้อแดงบางคนได้แถลงไปในทางเดียวกันว่าถ้าหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านความเห็นชอบในการลงประชามติ ทั้งรัฐบาลและ คสช. ต้องรับผิดชอบ
ราวกับว่า รัฐบาลและ คสช. ต้องการที่จะคว่ำร่างรัฐธรรมนูญกระนั้นแหละ! เพราะเป็นธรรมดาของความรับผิดชอบทั้งหลายที่ถ้าหากใครเป็นคนทำคนนั้นก็ต้องรับผิดชอบ จะไปโยนความรับผิดชอบให้คนที่เขาไม่ได้ทำได้อย่างไร
แต่เอาล่ะ เมื่อคนระดับอดีต สส. และบางคนเป็นแกนนำของคนเสื้อแดง เมื่อมาแสดงความเห็นอย่างนี้ก็ควรจะได้ทำความเข้าใจกันให้ชัดเจนสักครั้งหนึ่งว่าถ้าร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ ใครจะรับผิดชอบ?
เริ่มต้นก็ต้องบอกว่า ผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการร่างรัฐธรรมนูญก็คือคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน แต่ก็ต้องบอกด้วยว่าทั้งนายมีชัย ฤชุพันธุ์ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณและนายวิษณุ เครืองาม ล้วนเป็นนักกฎหมายที่เกี่ยวข้องอยู่กับการงานกฎหมายทั้งของรัฐบาลและ คสช.
แต่ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลและ คสช. จะเห็นดีเห็นงามไปกับการกระทำของนักกฎหมายคณะนี้ทุกเรื่องไปและก็ไม่ได้หมายความว่านักกฎหมายคณะนี้จะเห็นดีเห็นงามหรือทำตามสิ่งที่รัฐบาลและ คสช. ต้องการทุกเรื่องไป
คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญชุดนายบวรศักดิ์อุวรรณโณ ที่ได้แสดงท่าทีตลอดมาถึงการร่างรัฐธรรมนูญโดยคำนึงถึงแบบแผนของรัฐธรรมนูญเยอรมนีบ้างฝรั่งเศสบ้าง และร่างกันในชุดแรกก็ถูกคว่ำไปแล้ว จึงต้องมีการตั้งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญชุดใหม่ และคราวนี้ก็ได้ปรมาจารย์ของสำนักนี้ มาเป็นประธานร่างด้วยตนเอง
นี่ก็แว่วว่าถ้าหากร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่นายมีชัยฤชุพันธุ์ ร่างอยู่คว่ำลงและจะต้องมีการร่างรัฐธรรมนูญกันใหม่ ก็เป็นไปได้ว่านายวิษณุ เครืองาม อาจจะมาเป็นประธานร่างรัฐธรรมนูญเอง
ก็คอยดูชะตากรรมของประเทศไทยกันต่อไปก็แล้วกัน!และอดคิดไม่ได้ว่าหาก ร่างรัฐธรรมนูญนั้นคว่ำอีก แผ่นดินนี้ยังจะมีใครร่างรัฐธรรมนูญได้อีก?
การร่างรัฐธรรมนูญตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญชั่วคราวนั้นไม่เสร็จสรรพไปด้วยน้ำมือการร่างรัฐธรรมนูญเพราะไปเขียนรัฐธรรมนูญไว้ว่า ต้องให้ประชาชนลงประชามติว่าจะเห็นชอบหรือไม่ และค่าใช้จ่ายในการลงประชามติก็ปรากฏชัดอยู่แล้วว่าแต่ละครั้งก็จะต้องใช้เงินงบประมาณ 3,000-4,000 ล้านบาท อันเป็นเงินจำนวนมากพอที่จะสร้างโรงพยาบาลเล็กๆ ได้ 1-2 หลัง หรือสร้างที่ฝึกอาชีพให้กับคนไทยได้นับสิบแห่ง
และที่ผ่านมาประเทศไทยก็เสียหายยับเยินมาจากการเลือกตั้งที่ผิดกฎหมายจนถูกศาลตัดสินเป็นโมฆะมาหลายรอบแล้ว
ดังนั้นเมื่อกำหนดให้ประชาชนมีสิทธิ์ในการลงประชามติว่าจะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ จึงเป็นเอกสิทธิ์ของประชาชนและเป็นกระบวนการที่สำคัญกระบวนหนึ่งในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในการรับฟังเสียงประชาชน และเมื่อรับฟังแล้วประชาชนลงมติอย่างไรก็ต้องเป็นไปตามนั้น เพราะเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของประชาชน
ในประการนี้จะไปโยนความรับผิดชอบไปให้รัฐบาลหากประชาชนไม่เห็นชอบกับร่างรัฐธรรมนูญได้อย่างไร!
นอกจากนั้น ยังต้องพิจารณาด้วยว่ามีใครหน้าไหนบ้างที่ขัดขวางไม่ให้ร่างรัฐธรรมนูญนี้ได้ผ่านความเห็นชอบจากประชาชน หรือถ้าถึงขั้นแสดงท่าทีเชิญชวนคนทั้งหลายหรือสร้างแบบอย่างให้คนทั้งหลายเอาอย่าง เพื่อไม่ยอมรับร่างรัฐธรรมนูญ ก็ต้องประกาศกันให้ชัดเจนว่าคนจำพวกนี้แหละที่ต้องรับผิดชอบ
เพราะถ้าร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน ก็หมายความว่าเป็นการสมประสงค์ สมประโยชน์ของพวกที่ต้องการไม่ให้ผ่าน เมื่อได้ประโยชน์สมประโยชน์แล้วจะไปโยนความผิดชั่วให้กับคนอื่นได้อย่างไร ดังนั้นการเที่ยวเรียกร้องให้รัฐบาลและ คสช. ต้องรับผิดชอบถ้าหากว่าความประสงค์ของพวกตนได้ผล จะไม่ออกพิกลพิการดอกหรือ?
แต่ต้องไม่ลืมว่าความคิดเห็นที่จะไม่ให้ร่างรัฐธรรมนูญนี้ผ่านความเห็นชอบในการลงประชามตินั้น ไม่ได้มีอยู่แต่เฉพาะนักการเมืองบางกลุ่มหรือแกนนำมวลชนบางกลุ่มเท่านั้น แต่เป็นความเรียกร้องต้องการของประชาชนมากมายหลายกลุ่มด้วยเช่นเดียวกัน
ทว่าเป้าหมายและวัตถุสงค์ที่จะไม่ให้ร่างรัฐธรรมนูญนี้ผ่านนั้นแตกต่างกัน
พวกหนึ่ง เรียกร้องต้องการไม่ให้ร่างรัฐธรรมนูญนี้ผ่านความเห็นชอบในการลงประชามติก็เพื่อจะอาศัยใช้เป็นเหตุในการปลุกระดมมวลชน ซึ่งในคราวหน้าก็มุ่งโฉมหน้าไปที่การสร้างเหตุการณ์ทำนองเดียวกับเหตุการณ์ 14 ตุลา ทั้งที่ไม่ได้เหมือนกันเลย
อีกพวกหนึ่ง ซึ่งเป็นประชาชนมากมายหลายกลุ่มที่ร่วมต่อสู้กู้ชาติและรังเกียจเดียดฉันท์นักการเมืองไม่ต้องการให้ประเทศกลับไปสู่ยุค “อัปรีย์ไป จัญไรมา”แต่ต้องการให้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา บริหารประเทศ ทำการปฏิรูปประเทศให้เสร็จสิ้นเสียก่อนจึงไม่ต้องการให้มีการเลือกตั้ง และเห็นว่าถ้าหากร่างรัฐธรรมนูญนี้ไม่ผ่านความเห็นชอบในการลงประชามติก็จะต้องร่างรัฐธรรมนูญกันใหม่ 1-2 ปี ก็จะเป็นโอกาสให้ปฏิรูปประเทศไทยไปอีกระยะหนึ่ง พวกนี้ก็ต้องการไม่ให้ร่างรัฐธรรมนูญผ่านเหมือนกัน
ความปรารถนาของคนทั้งสองพวก ซึ่งต่างก็มีมวลชนและประชาชนหนุนหลังอยู่นั้นเหมือนกันแต่เป้าหมายต่างกัน ดังนี้แล้วจะไปโยนความรับผิดชอบให้รัฐบาลและ คสช. ได้อย่างไร?
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี