นายวิชา มหาคุณ อดีตคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) หัวหน้าทีมสอบสวนคดีรับจำนำข้าว แถลงปิดคดีไว้ตอนหนึ่งว่า “ไม่ใช่การคอร์รัปชั่นแบบไทยๆ แต่เป็นการคอร์รัปชั่นระดับโลก...โครงการรับจำนำข้าว ถือเป็นโครงการที่สร้างความเสียหาย ให้กับประเทศที่ชัดเจนมากที่สุด และจับทุจริตได้มากที่สุด เท่าที่ประเทศนี้ได้เคยมีการจับทุจริตมา แม้โครงการนี้ จะเป็นที่ชื่นชอบของชาวนา แต่การรับจำนำข้าวของรัฐบาลนี้ สรุปเป็นคำสั้นๆ ว่า “รัฐบาลยิ่งลักษณ์จำนำข้าว ชาวนาจำนำชีวิตประเทศจำนำหนี้” และนางสาวยิ่งลักษณ์ได้ทราบมาตลอดว่า โครงการนี้ส่งผลกระทบ แต่ก็ไม่มีการระงับยับยั้ง ดังนั้นนางสาวยิ่งลักษณ์ ควรต้องรับผิดชอบให้ถึงที่สุด”
ประมาณการค่าเสียหายหลายแสนล้านบาท กับการทำนิติกรรมอำพรางอ้างว่าได้จำหน่ายข้าวให้ประเทศจีนแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ทั้งๆที่ในความเป็นจริงคือการหมุนเวียนขายข้าวกันเองในประเทศ แต่นำองค์กรหน่วยงานต่างชาติบังหน้า คำพูดของคุณวิชา ที่ว่า “เป็นการคอร์รัปชั่นระดับโลก...” จึงไม่ใช่คำพูดเกินจริงเพราะนักการเมืองและคนในครอบครัว ตลอดถึงเครือข่ายบริวารนักการเมืองในประเทศต่างๆ ที่ถูกดำเนินคดีคอร์รัปชั่นระดับโลก ล้วนแต่ทำนิติกรรมอำพรางไว้ในต่างประเทศ อาทิ นายนาวาซ ชารีฟ นายกรัฐมนตรีปากีสถาน และ นางสาวกุลนารา คาริโมวา ลูกสาวนายอิสลาม คาริมอฟ อดีตประธานาธิบดีแห่งอุซเบกิสถาน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 28 ก.ค.2560 ว่า คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาปากีสถาน ทั้ง 5 ท่าน มีคำพิพากษาอย่างเป็นเอกฉันท์ว่า “นายชารีฟไม่ซื่อสัตย์ต่อการทำหน้าที่ผู้แทนในรัฐสภาและต่อระบบยุติธรรมของประเทศ เขาจึงขาดคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่งสมาชิกรัฐสภา” ทำให้เขาต้องพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วย ตัวแทนนายชารีฟแถลงในเวลาต่อมาว่า เขาได้ยื่นลาออกจากตำแหน่งทันที
นายชารีฟถูกศาลตัดสินให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หลังจากถูกไต่สวนหลายเดือนในข้อกล่าวหา
พัวพันการทุจริตปกปิดทรัพย์สินของเขาและครอบครัว ตามหลักฐานที่ถูกเปิดโปงจาก เอกสารลับปานามา หรือ
ปานามาเปเปอร์ส ของ บริษัท มอสแซค ฟอนเซกา บริษัทที่ปรึกษากฎหมายยักษ์ใหญ่จากปานามา เมื่อกลางปีที่แล้ว
ซึ่งมีชื่อของลูกสาวและลูกชายอีก 2 คน ของนายชารีฟพัวพันด้วย
เอกสารลับปานามาเปิดโปงว่า ลูกๆ ของชารีฟเป็นเจ้าของบริษัทที่ดำเนินการนอกประเทศหลายแห่ง และทรัพย์สินเหล่านี้ไม่ได้เปิดเผยไว้ในบัญชีทรัพย์สินของครอบครัว บริษัทเหล่านี้ถูกใช้เป็นช่องทางถ่ายเทเงินทุนเพื่อใช้ซื้อทรัพย์สินในต่างแดน รวมถึงอพาร์ตเมนต์ในย่านหรูของกรุงลอนดอน คำกล่าวหาที่ปรากฏในเอกสารนี้ ทำให้สื่อและสังคมปากีสถานตามขุดคุ้ยอย่างกระตือรือร้น จนนำไปสู่การสอบสวนที่พบความไม่สอดคล้องกันอย่างเห็นได้ชัดเจน ระหว่างรูปแบบการใช้ชีวิตของครอบครัวนี้กับรายได้ที่มีอย่างเปิดเผย การสืบค้นต่อยังทำให้เกิดคำกล่าวหาใหม่ด้วยว่า นายชารีฟพัวพันกับบริษัทหลายแห่งที่มีฐานที่ตั้งอยู่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี)
เป็นที่น่าสังเกตว่านายชารีฟเข้ารับตำแหน่งนายกฯปากีสถานเป็นรอบที่ 3 การดำรงตำแหน่งสมัยแรกเมื่อปี 2536 เขาถูกประธานาธิบดีในขณะนั้นปลด เนื่องจากข้อกล่าวหาคอร์รัปชั่น ส่วนสมัยที่ 2 ก็โดนกองทัพก่อรัฐประหารโค่นอำนาจเมื่อปี 2542 ทั้งสามครั้งที่เขาหลุดจากตำแหน่งเพราะข้อหาคอร์รัปชั่น โดยการทำนิติกรรมอำพรางซุกซ่อนทรัพย์สินไว้ในต่างประเทศ โฆษกของนายชารีฟ บอกว่า เขาจะลงสมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยที่สี่ในปีหน้า แต่คราวนี้เห็นทีจะลำบากเพราะศาลมีคำสั่งให้สอบสวนดำเนินคดีอาญากับเขาด้วย
ในวันเดียวกันกับศาลตัดสินให้นายกรัฐมนตรีปากีสถานพ้นจากตำแหน่ง อัยการสูงสุดของประเทศอุซเบกิสถานก็ออกแถลงการณ์ว่า นางสาวกุลนารา คาริโมวาลูกสาวคนโตของนายอิสลาม คาริมอฟ อดีตประธานาธิบดีแห่งอุซเบกิสถาน ถูกศาลตัดสินภาคทัณฑ์ห้าปี (กฎหมายอุซเบกิสถาน ภาคทัณฑ์คือกักบริเวณในบ้านพัก) ในความผิดกรรโชกทรัพย์และยักยอกทรัพย์
นี่เป็นครั้งแรกที่รัฐบาลเปิดเผยข่าวนักธุรกิจและนักการเมืองสตรีลูกสาวอดีตประธานาธิบดี ที่ได้ชื่อว่า เป็นสตรีที่มีอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งในอุซเบกิสถาน ผู้ถูกวางตัวให้เป็นทายาททางการเมืองของบิดา เธอหายหน้าไปจากสังคมตั้งแต่บิดาของเธอตกจากอำนาจเมื่อสามปีก่อนนายอิสลาม คาริมอฟ ครองตำแหน่งประธานาธิบดีในประเทศเอเชียกลางแห่งนี้มานาน 27 ปี ก่อนพ้นอำนาจเพราะถูกสอบสวนข้อหาฟอกเงินและเลี่ยงภาษี
น.ส.กุลนารา คาริโมวา ลูกสาวคนโตของอดีตประธานาธิบดี ถูกสอบสวนในข้อหากรรโชกทรัพย์และยักยอกทรัพย์ ที่เธอได้หุ้นลมในบริษัทต่างๆ ตลอดถึงหุ้นลมในกิจการของรัฐ ตลอดเวลาที่ถูกสอบสวนและศาลตัดสินลงโทษกักบริเวณห้าปี รัฐบาลไม่ยอมเปิดเผยว่า เธออยู่ที่ไหนและถูกลงโทษอย่างไร จนกระทั่งวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา อัยการสูงสุดออกแถลงการณ์ว่า ได้สอบสวนเพิ่มเติมจำเลยในข้อหาเลี่ยงภาษีและซุกซ่อนทรัพย์สิน การสอบสวนซึ่งจะนำไปสู่การอายัดทรัพย์สินของจำเลย
อัยการสูงสุดกล่าวว่า “ทรัพย์สินของจำเลยมูลค่าประมาณ 15,000 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 5.1 แสนล้านบาท)
กระจายอยู่ในประเทศต่างๆ เช่น สวิตเซอร์แลนด์ สวีเดน อังกฤษ ลัตเวีย ไอร์แลนด์ มอลตา เยอรมนี สเปน รัสเซีย ฮ่องกง และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวมถึงเงินสดและอสังหาริมทรัพย์ในสวิตเซอร์แลนด์และในกรุงลอนดอน คฤหาสน์ในฝรั่งเศส เครื่องบินส่วนตัวในมอลตา ฯลฯ ทรัพย์สินเหล่านี้อยู่ในขั้นตอนอายัดระหว่างการสอบสวน และถูกริบเป็นของรัฐเมื่อพบว่าได้มาจากคอร์รัปชั่นหรือการใช้อำนาจโดยมิชอบ...”
ชาวอุซเบกิสถานฟังแถลงการณ์ของอัยการสูงสุดด้วยอาการสงบ มีบ้างประปรายที่ไชโยโห่ร้องด้วยความยินดี ส่วนคำตัดสินที่ทำให้นายชารีฟ พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สร้างความยินดีปรีดาแก่บรรดาฝ่ายค้านและฝ่ายต่อต้านเขา ที่พากันเฉลิมฉลองในกรุงอิสลามาบัดและเมืองเปชาวาร์ ในขณะที่ฝ่ายสนับสนุนเขาพากันชุมนุมประท้วง โดยเฉพาะที่เมืองลาฮอร์ ในจังหวัดปันจาบซึ่งเป็นฐานที่มั่นของเขา แต่ทั้งสองกรณีไม่มีคนประเทศไหนโวยวายข่มขู่ศาล ข่มขู่รัฐบาลเหมือนกับในไทยที่มีการขู่ว่า การตัดสินคดีในวันที่ 25 ส.ค.นี้ กับการอายัดทรัพย์ผู้ถูกกล่าวหา จะนำพาประเทศเข้าสู่มิคสัญญี
น่าสังเกตว่าทั้งนายกรัฐมนตรีปากีสถานและนักธุรกิจการเมืองลูกสาวอดีตประธานาธิบดีแห่งอุซเบกิสถานต่างถูกลงโทษ ถูกดำเนินคดีข้อหาคอร์รัปชั่น อันเนื่องมาจากการทำนิติกรรมอำพรางที่ทำไว้ในต่างประเทศ ซึ่งคล้ายกับนายทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกดำเนินคดีข้อหาซุกหุ้นซุกสมบัติ อันเนื่องมาจากนิติกรรมอำพรางที่ทำไว้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น จดทะเบียนบริษัทแอมเพิลริช อินเวสเมนต์ ไว้ที่เกาะบริติช เวอร์จิ้น เป็นต้นถึงแม้ในปี 2544 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญลงมติ 8-7 ให้เขาพ้นผิดข้อหาซุกหุ้นที่ทักษิณแถลงว่าเป็นการ “บกพร่องโดยสุจริต”
ถึงแม้พ้นจากข้อหาซุกหุ้น แต่ผลจากนิติกรรมอำพรางที่ทำไว้หลายเรื่อง ทำให้เขาถูกดำเนินคดีต่อเนื่องหลายข้อหา ศาลตัดสินจำคุก 2 ปี ไปแล้วหนึ่งคดี และศาลคำวินิจฉัยยึดทรัพย์กว่า 4.6 หมื่นล้านบาท อีกหนึ่งคดีวันนี้นายทักษิณหนีโทษจำคุกอยู่ต่างประเทศแต่ผลกรรมที่เกิดจากนิติกรรมอำพรางยังตามรังควานเขาไม่มีสิ้นสุด เพราะหลายคดีค้างคาอยู่ในศาล จ่อจะถูกรื้อฟื้นขึ้นมาพิจารณาตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองฉบับใหม่
นิติกรรมอำพรางเครื่องหมายการค้าของนายทักษิณเป็นมรดกตกทอดมาถึงนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรนายกฯหุ่นเชิดของเขาที่อ้างว่าขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐกับประเทศจีน (จีทูจี) ทั้งๆ ที่ข้าวดังกล่าวซื้อขายกับบริษัทในประเทศไทยใช้วิธีนิติกรรมอำพรางบังหน้าว่าเป็นผู้แทนของรัฐบาลจีน นอกจากคดีจำนำข้าวแล้วน.ส.ยิ่งลักษณ์กับคณะรัฐมนตรีของเธอ ยังจ่อถูกดำเนินคดีอีกหลายข้อหา ที่เป็นผลมาจากนิติกรรมและพฤติกรรมอำพรางดังที่นายวิชาแถลงว่า “เป็นคอร์รัปชั่นระดับโลก”ซึ่งเป็นเหตุให้กรรมระดับจักรวาลตามล้างตามผลาญอยู่วันนี้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี