วันนี้สังคมออนไลน์กำลังวิพากษ์วิจารณ์กรณี “นางดอกไม้” หลบหนีกันอย่างกว้างขวาง ซึ่งก็เป็นการเปิดหน้ากากของระบอบทรราชอย่างแท้จริง
เพราะนายกฯทั้งสองที่หลบหนีคดีอาญานั้น ต่างก็หลอกลวงมวลชนของตัวเอง อดีตนายกฯชายเคยลั่นวาจาว่า“เมื่อเสียงปืนนัดแรกดังขึ้น จะกลับมานำทัพมวลชนที่สนับสนุนตนสู้กับอำนาจรัฏฐาธิปัตย์เพื่อประชาธิปไตย” ส่วนอดีตนายกฯหญิงก็ลั่นวาจาว่า จะไม่หนีจะขอสู้เพื่อประชาธิปไตย แต่ความจริงก็ปรากฏให้มวลชนเสื้อแดงที่สนับสนุนได้เห็นธาตุแท้ของคนทั้งสอง ที่แอบอ้างแต่ประชาธิปไตย วันนี้นางนกแสกก็ถูกถล่มเละ เพราะให้ความเห็นว่า “นางดอกไม้เป็นคนชั้นสูง ไม่จำเป็นต้องติดคุกการหลบหนีเป็นเพียงกลยุทธ์การต่อสู้เท่านั้น”
แสดงให้เห็นว่าระบอบทรราชที่เริ่มตั้งแต่ตัวทรราชเองและนอมินีทุกคน หลอกใช้มวลชนของตนด้วยนโยบายประชานิยมมาโดยตลอดนั้น มิได้ให้คุณค่าความเป็นคนแก่กลุ่มคนที่สนับสนุนตัวเองเลย เพราะปากบอกว่าเป็นพวกเดียวกัน มีอุดมการณ์เดียวกัน ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย แต่ใจไม่ยอมรับเรื่องที่พูด เพราะคิดว่า ตนเป็นชนชั้นเจ้าขุนมูลนายและมวลชนที่สนับสนุนเป็นเพียงไพร่ไร้ราคา พราะแม้แต่คนที่ทำหน้าที่เป็นหนังหน้าไฟรองมือรองเท้ารับผิดแทนตัวเอง ก็ยังถูกหักหลัง
แต่ที่น่าคิดอย่างยิ่งก็คือ ทำไมมวลชนของระบอบทรราชจึงยังคงภักดีกับระบอบทรราชอยู่อีก อาจจะเป็นเพราะ“เคมี”ตรงกันคือเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนมากกว่าสิ่งอื่นใด สามารถทำลายได้แม้กระทั่งแผ่นดินเกิด ยกตัวอย่างกรณีคนในท้องถิ่นรวมกำลังกันเพื่อต่อต้านขี้ข้าแผ่นดินที่ต้องการเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ปัญหาเกี่ยวกับการครอบครองว่า เป็นของไทยหรือเป็นของเพื่อนบ้าน เพราะห่วงใยเรื่องผลประโยชน์การค้าขายของตนเท่านั้น ไม่สนใจอธิปไตยของชาติ
แต่คำถามที่น่าสนใจก็คือ จะมีอดีตนายกฯหลบหนีคดีอีกกี่คน บ้านเมืองของเราจึงจะสงบสุข มีธรรมาภิบาลไร้ทุจริตคอร์รัปชั่นฯ เพราะดูเหมือนประเทศไทยจะมีอดีตนายกฯที่หลบหนีไปตายนอกประเทศมากที่สุดในโลก ตั้งแต่จอมพลป.,จอมพลเผ่า,นายปรีดีที่ได้กลับบ้านแต่เถ้ากระดูกเท่านั้นมีแต่จอมพลถนอมเท่านั้นที่ได้กลับมาตายบนแผ่นดินเกิด ที่เหลือก็คือ“นายตักขี้”และ“นางดอกไม้”ที่ยังไม่รู้ว่าจะออกหัวหรือออกก้อย อดีตนายกฯทุกคนที่ต้องหลบหนีออกจากประเทศ ก็เพราะถูกยึดอำนาจ มีแต่นายตักขี้และนางดอกไม้เท่านั้นที่หลบหนีคดีอาญา
บ้านเมืองของเราไม่สงบสุขก็เพราะผลพวงของการใช้อำนาจรัฏฐาธิปัตย์เพื่อผลประโยชน์ส่วนตนมากกว่าผลประโยชน์ของประเทศและประชาชน ทำให้ประชาชนเจ้าของประเทศลุกขึ้นต่อต้าน แต่การแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นทุกครั้งก็มีวิธีเดียวเท่านั้น คือรัฐประหารโดยคณะทหาร ซึ่งก็ทำตัวเป็นตาอยู่ทุกครั้ง เพราะทำแล้วต้องคุ้มค่า ทำให้อำนาจต่างๆที่เคยเป็นของนักการเมืองตกเป็นของคณะทหารและพวกพ้อง เพราะอำนาจรัฏฐาธิปัตย์เก่าที่ถูกยึดอำนาจ เปรียบเสมือนตาอินและประชาชนเปรียบเสมือนตานา มีแต่รัฐประหารครั้งนี้เท่านั้น ที่ให้นิยามว่าเสื้อแดงคือตาอิน-เสื้อเหลืองคือตานา แต่ที่เหมือนกันก็คือ“ตาอยู่” คว้าพุงเพรียวๆไปกิน
และเมื่อโจทย์มิได้พาดพิงถึงระบอบทรราชที่เป็นต้นเหตุที่แท้จริงเลย ทำให้ระบอบทรราชสามารถลอยนวลได้อย่างเสรี เพราะมีแต่กิ่งใบระเกะระกะเท่านั้นที่ถูกลิดรอน เพราะแม้แต่อาชญากรกระจอกๆอย่าง“โกตี๋”ก็ยังสามารถหลบหนีออกทางช่องทางธรรมชาติได้เพราะมี“กากีนั้ง”คุ้มครอง แต่ระดับขุนพลของระบอบทรราชยังอยู่ดีกินดี เพราะคุณสมชาย(คสช.)ใช้วิธียืมดาบฆ่าคน ไม่ใช้อำนาจที่ได้จากการรัฐประหารจัดการเหมือนรัฐประหารครั้งก่อนๆ ทำให้ปัญหาต่างๆเช่น ทุจริตคอร์รัปชั่น ใช้อำนาจเกินขอบเขต ละเมิดอำนาจศาล หรือที่ร้ายแรงที่สุดก็คือ พฤติกรรมเป็นกบฏของรัฐบาลนางดอกไม้ ไม่ถูกชำระคดี เพราะไม่ถูกชี้มูลความผิด
นอกจากนั้นยังมีอาฟเตอร์ช็อกเกิดขึ้นหลายๆครั้ง เพราะดูเหมือนรัฐประหารครั้งนี้นิยมหลักรัฐศาสตร์มากกว่านิติศาสตร์ และยังนิยมชื่นชอบระบบโซตัส ทำให้ระบบอุปถมภ์เติบโตโดยเฉพาะยังมีคนในระบอบทรราชปะปนอยู่ในแม่น้ำทั้งห้าสายเป็นจำนวนมาก ทำให้การแก้ไขปัญหาต่างไม่ก้าวหน้า
อำนาจตุลาการถูกโดดเดี่ยว เพราะการตัดสินคดีความต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากผลการกระทำของรัฐบาลนางดอกไม้และรัฐบาลนอมินีของทรราชอื่นๆนั้น ได้รับการช่วยเหลือจากขี้ข้าสมุนบริวารของทรราช เพราะมีอำนาจเสนอหลักฐานต่างๆที่เอื้อประโยชน์ให้ทรราช เช่น กรณี “สี่ชาย”ที่ ป.ป.ช.ทำตัวเป็นศาลเตี้ยเรียบร้อยแล้ว เพราะต้องการให้ความเป็นธรรมกับจำเลยมากกว่า
ประชาชน ทำให้ศาลที่มีหน้าที่ตัดสินไม่สามารถตัดสินค้านหลักฐานที่ ป.ป.ช.นำเสนอได้ เพราะอำนาศาลนั้นเป็นอำนาจอกัมมันต์คือไม่สามารถใช้อำนาจได้ด้วยตัวเอง
การใช้อำนาจพิเศษของ ดาบเอ็กซ์คาลิเบอร์ ม.44 แต่งตั้งประธาน ป.ป.ช.ที่ต้องการให้ความเป็นธรรมแก่ชายสี่มากกว่าประชาชนนั้น ทำให้ศรัทธาของประชาชนลดลงอย่างมาก เมื่อรวมกับผลงานในเรื่องความมั่นคงที่ไม่สามารถจัดการกับขบวนการล้มเจ้าและปล่อยให้สมุนบริวารทรราชรวมทั้งนางดอกไม้หลบหนีออกนอกประเทศได้อย่างง่ายดายด้วยแล้ว ทำให้ศรัทธาของประชาชนแทบจะไม่เหลืออยู่เลย โดยเฉพาะเมื่อไม่ตั้งใจและเต็มใจ ปฏิรูป สตช.ด้วยแล้ว ทำให้หนทางข้างหน้ายากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา
ตาทาสฉมา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี