ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาลงโทษนางเบญจาและพวก สืบเนื่องจากกรณีช่วยลูกๆ ของทักษิณเลี่ยงภาษีโดยมิชอบ
คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีนี้ เป็นบทเรียนและอุทาหรณ์สำหรับข้าราชการและ “ม้าใช้” ของผู้มีอำนาจ
1. คดีนี้ ป.ป.ช. เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องจำเลยทั้งห้าต่อแผนกคดีทุจริตฯในศาลอาญา เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 2558
สรุปพฤติการณ์ว่า จำเลยที่ 1-4 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานของกรมสรรพากร ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อไม่ให้นายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร บุตรของนายทักษิณ ต้องเสียภาษีอากรหรือเสียภาษีน้อยกว่าที่จะต้องเสีย และได้รับประโยชน์ที่มิควร โดยชอบด้วยกฎหมาย จากการที่นายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ซื้อหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด เมื่อปี 2549 คนละ 164,600,000 หุ้น ในราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท ขณะที่ราคาตลาดหุ้นละ 49.25 บาท ถือได้ว่านายพานทองแท้และ น.ส.พินทองทา เป็นผู้ได้รับเงินพึงประเมินตามประมวลรัษฎากร มาตรา 39 และมีหน้าที่ต้องเสียภาษีของส่วนต่างราคาหุ้น คนละ 7,941,950,000 บาท ซึ่งการกระทำนั้นทำให้กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง และราชการเสียหาย
ศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2559 ว่า นางเบญจา, น.ส.จำรัส, น.ส.โมรีรัตน์ และนายกริช จำเลยที่ 1-4 เจ้าหน้าที่สรรพากร มีความผิดฐานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ให้จำคุกคนละ 3 ปี ส่วน น.ส.ปราณี จำเลยที่ 5 มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ให้จำคุกเป็นเวลา 2 ปี พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีของจำเลยทั้งหมด ไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ
2. เมื่อวันที่ 19 ต.ค. ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
ประเด็นน่าสนใจที่ศาลฯ ชี้ขาด ได้แก่
2.1 ศาลอุทธรณ์ฯ ชี้ว่า การซื้อขายหุ้นระหว่างบริษัทแอมเพิลริช กับนายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ซึ่งต่ำกว่าราคาท้องตลาด เข้าเงื่อนไข
คำวินิจฉัยภาษีอากรที่ 28/2538 จึงต้องเสียภาษีเงินได้พึงประเมินตามประมวลรัษฎากร มาตรา 39 อุทธรณ์ของจำเลยทั้งห้าฟังไม่ขึ้น
2.2 ศาลอุทธรณ์ฯ เห็นว่า น.ส.ปราณี คนใกล้ชิดเลขานุการส่วนตัวของคุณหญิงพจมาน จำเลยที่ 5 ได้หารือถึงอธิบดีกรมสรรพากรว่า บ.แอมเพิลริช ตกลงขายหุ้น บมจ.ชินคอร์ป ที่ถือทั้งหมดให้นายพานทองแท้ โดยไม่ผ่านตลาดหลักทรัพย์แล้ว มีภาระต้องชำระภาษีตามประมวลรัษฎากรหรือไม่? การที่จำเลยที่ 1-4 เจ้าหน้าที่สรรพากร ตอบข้อหารือเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้น แต่กลับใช้ดุลยพินิจตอบข้อหารือให้กับจำเลยที่ 5 ขัดต่อกฎหมายและแนวทางปฏิบัติอย่างชัดเจน ขัดแย้งกับเจตนารมณ์ในคำวินิจฉัยภาษีอากรที่ 28/2538 ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อป้องกันการหลีกเลี่ยงการเสียภาษี อุทธรณ์ของจำเลยที่ 1-4 ฟังไม่ขึ้น
2.3 ศาลอุทธรณ์ฯ ชี้ว่า จำเลยที่ 5 น.ส.ปราณี จะมีส่วนช่วยในการกระทำผิดด้วยหรือไม่นั้น ต้องอาศัยกรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา โดยดูว่าการกระทำมีพิรุธส่อเจตนาช่วยกระทำผิดหรือไม่
ศาลอุทธรณ์ฯ เห็นว่า จำเลยที่ 5 ก็ได้เบิกความไว้ว่า ตนเองเชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาด้านภาษีและเป็นที่ปรึกษาของบริษัทในกลุ่มชินวัตรจนถึงปัจจุบัน และรู้จักกับครอบครัวชินวัตรตั้งแต่นายทักษิณ คุณหญิงพจมาน รวมถึงพี่น้องของนายทักษิณด้วย มีความสนิทสนมเป็นการส่วนตัว
จำเลยที่ 5 จึงย่อมรู้ข้อเท็จจริงอยู่แล้วว่าแอมเพิลริชยังไม่ได้ขายหุ้น บมจ.ชินคอร์ป ให้กับนายพานทองแท้และ น.ส.พินทองทา แต่ในหนังสือสอบถามของจำเลยอ่านแล้วเข้าใจว่ามีการโอนซื้อขายหุ้นไปแล้ว อันเป็นการกระทำให้กรมสรรพากรเข้าใจว่าเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่ใช่เรื่องในอนาคตที่จะกลายเป็นเรื่องสมมุติ
โดยอาชีพของจำเลยที่ 5 ย่อมแสดงว่าจำเลยทราบเงื่อนไขเกี่ยวกับการตอบข้อซักถามของเจ้าพนักงานในกรมสรรพากรเป็นอย่างดีว่า หากเป็นเรื่องสมมุติ คำถามของจำเลยที่ 5 จะไม่ได้รับคำตอบ จำเลยที่ 5 จึงต้องทำหนังสือสอบถามในลักษณะเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นแล้ว ถือเป็นข้อพิรุธที่สุจริตชนไม่ทำกัน และเมื่อกรมสรรพากรมีหนังสือสอบถามเพิ่มเติมมายังจำเลยที่ 5 ว่ามีการขายหุ้นให้กับนายพานทองแท้เมื่อใด จำเลยที่ 5 ก็มิได้ตอบคำถามที่กรมสรรพากรสอบถาม จำเลยยังคงปกปิดข้อเท็จจริงนี้ไว้ จึงเป็นพิรุธ
การกระทำของจำเลยที่ 5 เป็นการจงใจทำหนังสือหารือกรมสรรพากรเพื่อเปิดโอกาสให้เจ้าพนักงานกรมสรรพากรร่วมกันตอบข้อหารือโดยไม่ขัดกับเงื่อนไขการตอบข้อหารือ อันเป็นการกระทำโดยแบ่งหน้าที่กันทำ
และเมื่อจำเลยที่ 5 ได้รับหนังสือตอบข้อหารือก็นำไปมอบให้นางกาญจนาภา หงษ์เหิน เลขานุการของคุณหญิงพจมาน
และต่อมา เมื่อวันที่ 23 ม.ค. 2549 แอมเพิลริชนำหุ้น บมจ.ชินคอร์ป ไปขายให้กับนายพานทองแท้และ น.ส.พินทองทา ซึ่งเป็นกรรมการของแอมเพิลริชคนละ 164,600,000 หุ้น หุ้นละ 1 บาท รวมเป็นเงิน 164,600,000 บาทในขณะที่ราคาตลาดหุ้นละ 49.25 บาท ถือว่านายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ได้รับเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 39 จำนวนคนละ 7,941,950,000 บาทที่ต้องนำไปรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี 2549 จากการได้รับกรรมสิทธิ์ในหุ้น แต่เมื่อถึงกำหนดเวลายื่นแบบแสดงรายการเพื่อเสียภาษี ปรากฏว่านายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ ภ.ง.ด. 90 ประจำปี 2549 โดยไม่ได้แสดงรายการเงินได้จากส่วนต่างราคา
ซื้อหุ้นของ บมจ.ชินคอร์ป
กรณีดังกล่าวจึงเห็นได้ว่า การทำหนังสือสอบถามของจำเลยที่ 5 และการตอบหนังสือหารือของจำเลยที่ 1-4 เป็นการร่วมกันกระทำโดยเจตนาเพื่อให้นายพานทองแท้และ น.ส.พินทองทา ซึ่งมีหน้าที่ต้องเสียภาษีจากการซื้อหุ้นราคาต่ำกว่าราคาตลาด ไม่ต้องเสียภาษีหรือเสียภาษีน้อยลงในปีภาษีดังกล่าว ก่อให้เกิดความเสียหายกับกรมสรรพากร กระทรวงการคลัง และราชการอย่างชัดแจ้ง อันเป็นการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
อุทธรณ์ของจำเลยทั้งห้าฟังไม่ขึ้น
2.4 ศาลฯ ไม่รอการลงโทษจำคุก เพราะอะไร?
ศาลอุทธรณ์ฯ เห็นว่า สภาพความผิดของจำเลยทั้งห้าเป็นการกระทำโดยมิได้คำนึงถึงความเสียหายและความน่าเชื่อถือในการจัดเก็บภาษีอากรของประเทศชาติ พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง
จำเลยที่ 5 จะอ้างว่าเรื่องนี้ในที่สุดแล้วก็มิได้เกิดความเสียหายแก่รัฐ โดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้มีคำพิพากษายึดทรัพย์ที่เกี่ยวข้องไปหมดแล้ว และศาลภาษีอากรกลางได้มีคำพิพากษาเพิกถอนการประเมินภาษีของกรมสรรพากรไปแล้ว มาเป็นข้ออ้างเพื่อให้ศาลรอการลงโทษไม่ได้ ที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลยทั้งห้าในอัตราโทษที่ไม่รอการลงโทษนั้น ศาลอุทธรณ์ฯ เห็นพ้องด้วย พิพากษายืน
นับเป็นบทเรียนสำหรับข้าราชการและ “ม้าใช้” เพราะปัจจุบัน ผู้ได้รับ
ผลประโยชน์จากกรณีดังกล่าว ก็ยังลอยนวลอยู่ทั้งสองคน
3. น่าสนใจว่า ทรัพย์สินอันได้มาจากการกระทำความผิดในกรณีนี้ คือ อะไร?
เส้นทางการเงินไหลไปที่ใคร อย่างไร?
ปปง. ควรจะต้องขยับเข้ามาตรวจสอบหรือไม่ เพราะน่าจะเข้าข่ายมูลฐานความผิดชัดเจน?
และควรจะเร่งดำเนินการอายัดทรัพย์ต่อไปด้วย หรือไม่ เพื่อรักษาผลประโยชน์ของแผ่นดิน?
ล่าสุด หลังจากเข้าไปนอนในเรือนจำได้ 1 คืน จำเลยทั้งห้าคน ได้รับความเมตตาจากศาลฎีกาฯ โดยได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ระหว่างการต่อสู้คดีในชั้นฎีกาต่อไป
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี