สหภาพยุโรป ณ วันนี้คงไม่เกิดขึ้น หากผู้นำฝรั่งเศสและเยอรมัน (ภายหลังการสิ้นสุดของสงครามโลกครั้งที่ 2) ไม่ได้มาพบปะและพูดคุยตกลงกันว่า ฝรั่งเศสและเยอรมนีจะต้องไม่รบราฆ่าฟันกันอีกแล้ว เพื่อที่ยุโรปจะไม่กลายไปเป็นสนามรบอีกต่อไป ดังนั้นฝรั่งเศสและเยอรมนีจำต้องจับมือร่วมกันเพื่อสร้างสันติภาพ เสถียรภาพ ความมั่นคงปลอดภัย และคงความเจริญก้าวหน้าอย่างมุ่งมั่นจริงจัง ซึ่งแต่บัดนั้นมา ยุโรปก็สงบและเป็นแบบอย่างของการร่วมมือภูมิภาค
ก็แน่นอนว่า ในขณะนั้น การจะสร้างยุโรปขึ้นใหม่จากเถ้าสงคราม จากความเจ็บปวดเป็นล้นพ้นนั้น คงมิใช่เรื่องง่ายๆ เพราะอุปสรรคและสิ่งท้าทายมีมากมาย ภารกิจก็ช่างหลากหลายและเป้าหมายช่างดูยิ่งใหญ่เหลือเกิน แต่เมื่อผู้นำต่างมีความมุ่งมั่น และดำเนินการการตัดสินใจทางการเมือง โดยมีประชาชนเห็นพ้องและสนับสนุนแล้ว การร่วมมือก็เริ่มจากน้อยไปใหญ่เป็นลำดับขึ้น จากประชาคมยุโรปด้านถ่านหินและเหล็กกล้าในตอนแรก ก็วิวัฒนาการขยายตัว กระชับความร่วมมือมาเป็นลำดับ จนถึงขั้นสหภาพยุโรปและเงินร่วมสกุลยุโรป ณ วันนี้
ซึ่งการจัดทำแบบ วางโครงสร้าง วางกฎเกณฑ์ระเบียบปฏิบัติ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ นานา ถูกดำเนินการไปพร้อมๆ กันหลายด้าน แต่สิ่งหนึ่งที่สำคัญยิ่งคือ การสร้างคนและพัฒนาคน ที่มิได้มุ่งแค่องค์ความรู้ด้านวิชาการ ทักษะ ความเชี่ยวชาญชำนาญการทางด้านเทคนิค บริหารจัดการ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีเท่านั้น แต่การตระเตรียมจิตใจคนให้พร้อมก็เป็นเรื่องสำคัญ และนั่นคือการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ยุโรป รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างประเทศยุโรปด้วยกัน
ในขณะนั้น ผู้นำฝรั่งเศสและเยอรมนีจึงได้ตกลงกันว่า หนังสือเรียนประวัติศาสตร์ของยุโรปจะต้องมีการทบทวน ปรับปรุงหรือขีดเขียนขึ้นมาใหม่ เพื่อให้เยาวชนได้รู้ว่า อะไรได้เกิดขึ้น ใครทำ และผล เมื่อรู้แล้วก็รับรู้ไว้เป็นบทเรียน เป็นเครื่องเตือนสติ แต่จะต้องไม่มีการปลูกฝัง การกล่าวโทษ ปรักปรำ การให้ร้าย หรือการมอมเมาโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อให้เกิดความเกลียดชัง เกรงกลัว หรือนัยหนึ่งไม่ให้มีการนำเอาเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์มาเป็นเครื่องมือหนึ่งใดในปัจจุบัน ไม่เอาเป็นเครื่องเล่นทางการเมือง ไม่เอามาปลูกฝังความคลั่งชาติ หรือการชาตินิยมแบบสุดโต่ง หนังสือเรียนประวัติศาสตร์จึงเป็นเรื่องสร้างสรรค์ มิใช่กลไกเพื่อความแตกแยกเกลียดชัง
ยุโรป (ตะวันตก) จึงกลายเป็นดินแดนแห่งสันติและความเจริญก้าวหน้ามาร่วม 70 ปีแล้ว จนเมื่อยุโรปตะวันออกหลุดพ้นจากระบอบโซเวียตคอมมิวนิสต์ ก็ได้เข้ามาเบิกบานกับสิทธิเสรีภาพและสภาวะสันติ ก็แน่นอนปัญหาต่างๆ ก็คงมีอยู่ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างยุโรปกับรัสเซีย หรือนัยหนึ่งจะทำเพื่อก่อให้เกิดมิตรไมตรีระหว่างยุโรปกับรัสเซียต่อไป โดยไม่ต้องย้อนกลับไปเป็นปฏิปักษ์กันเฉกเช่นประวัติศาสตร์ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ทั้งยุโรปและรัสเซียจะต้องมาหาทางออกร่วมกันต่อไป
กลับมาที่ภูมิภาคเอเชียด้านแปซิฟิกของเรา เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ สงครามความขัดแย้งระหว่างประเทศเพื่อนบ้านแต่ครั้งอดีตยังคงมีอยู่ในหนังสือเรียนให้แก่เยาวชน และยังอยู่ในความทรงจำผู้คน โดยยังคงถูกปลุกระดมเป็นเครื่องมือทางการเมืองอยู่เป็นระยะๆ ส่งผลให้พวกเราชาวเอเชียก้าวข้ามประวัติศาสตร์ไปไม่ได้เสียที จึงเป็นอุปสรรคต่อการร่วมมือและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกัน
ยกตัวอย่างประวัติศาสตร์ไทย ก็ยังให้ข้อมูลและบ่มเพาะเยาวชนไทยให้มอง พม่า ลาว กัมพูชา เวียดนาม และมาเลเซีย ในเชิงลบอยู่ ทั้งๆ ที่เรามีความร่วมมือทั้งในกรอบลุ่มแม่น้ำโขง กรอบประชาคมอาเซียน ซึ่งในทางกลับกัน เยาวชนลาว และกัมพูชา ก็ได้รับการเสี้ยมสอนให้มองไทย มองเวียดนาม เป็นตัวร้าย เป็นศัตรู คู่แข่ง ที่บ่อนทำลายประเทศเขาในแต่อดีต
เมื่อมองขึ้นไปทางเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ ญี่ปุ่นกับจีน ญี่ปุ่นกับเกาหลี (ทั้งเหนือและใต้) ก็ยังมีปัญหาหนังสือเรียนประวัติศาสตร์ การตีความและการยอมรับเหตุการณ์กันอยู่ ก่อให้เกิดความไม่ไว้วางใจและความบาดหมางเป็นนัยๆ อยู่ จริงอยู่จีนใหญ่โตน่าเกรงขามและก้าวร้าวขึ้นก็จริง เป็นปัญหาที่ต้องเผชิญกันต่อไป แต่สิ่งหนึ่งที่จะช่วยบรรเทาปัญหาและปูทางให้มุ่งหน้าไปด้วยกันได้ก็คือ การชำระประวัติศาสตร์ เสริมสร้างองค์ความรู้และทัศนคติต่อเยาวชนในเชิงสร้างสรรค์ด้วยเหตุด้วยผล ด้วยการระงับใจ รับรู้ เอื้ออาทรต่อกัน และการขอโทษต่อการกระทำให้เป็นวิสัยมนุษย์ที่จะกระทำได้
หากการมองประวัติศาสตร์การก่อตั้งความร่วมมือระหว่างประเทศในยุโรปเป็นตัวอย่างแล้ว น่าจะถึงเวลาที่ผู้นำประเทศทั้งหลายไปจนถึงพรรคการเมือง สื่อ แวดวงวิชาการของเอเชีย-แปซิฟิก จะหยุดคิด ชั่งใจ ทบทวนและหาทางเจรจาตกลงกัน เพื่อตัดสินใจดำเนินการให้เรื่องราวในประวัติศาสตร์เป็นเพียงประวัติศาสตร์ข้อเท็จจริง มิใช่เป็นประวัติศาสตร์ที่แต่งเติมสีสันชาตินิยมจนเกินเลย จนสามารถนำไปใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองเฉกเช่นปัจจุบัน ที่เป็นประโยชน์แก่เพียงนักการเมืองบางกลุ่มในประเทศนั้นๆ โดยมิได้คำนึงถึงความสุข ความสงบ และความเจริญร่วมกันในภาพรวมของระดับภูมิภาคและระดับโลก
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี