ตั้งแต่น้ำท่วมใหญ่ประเทศไทยเมื่อปี 2554 ได้เกิดความเสียหายยับเยินแก่ประเทศไทยและคนไทย และถูกซ้ำเติมให้หนักขึ้นด้วยความโง่เขลาเบาปัญญาของนักการเมืองที่ผันน้ำเข้ากรุง หวังให้น้ำไหลไปตามถนนออกสู่ทะเลอย่างรวดเร็ว เป็นบทเรียนอันเจ็บปวดรวดร้าวของประเทศอันไม่อาจลืมเลือนได้เลย
โง่ถึงขนาดที่คิดว่า น้ำจะเชื่อฟังไฟสัญญาณจราจร แล้วจะไหลตามถนนไปออกทะเลได้รวดเร็วกว่าแหล่งระบายน้ำที่มีอยู่ ดังนั้นจึงเป็นเหตุสำคัญที่น้ำท่วมศูนย์กลางและใจกลางเมืองหลวงชนิดป่นปี้ย่อยยับ และบ้าถึงขนาดไปทุบรื้อเขื่อนต่างๆ ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชดำริให้สร้างขึ้นเพื่อป้องกันน้ำท่วมกรุงไปหลายจุด
ปี 2560 ก็เกิดน้ำท่วมใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งว่าโดยปริมาณน้ำก็ชัดเจนว่ามีปริมาณน้ำมากกว่าปี 2554 มากมายนัก แต่น้ำไม่ท่วมขังในกรุงเทพฯ และใจกลางของเมืองหลวงเหมือนปี 2554 แต่ในต่างจังหวัดนั้นกลับท่วมหนัก ท่วมทุกหนทุกแห่ง โดยเฉพาะท่วมในตัวเมืองถึงระดับอำเภอชนิดท่วมยับเยินแบบไม่เคยเป็นมาก่อน
ที่น้ำมากแต่ไม่ท่วมกรุงในคราวนี้ก็ด้วยเดชะพระบารมีและพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ที่โปรดให้หน่วยทหารมหาดเล็กราชวัลลภ ทหารรักษาพระองค์ และหน่วยพระราชทานจิตอาสาทำความดีเพื่อพ่อจำนวนมากมายลงพื้นที่ช่วยเหลือราษฎร ด้วยการกำจัดผักตบชวาและวัชพืชตามแหล่งน้ำลำธาร กำจัดขยะตามคูคลองหนองบึงต่างๆ รวมทั้งการชำระล้างท่อระบายน้ำแทบจะทั่วกรุงเทพฯ
ทรงตั้งครัวพระราชทานเพื่อพระราชทานอาหารแก่ผู้รับใช้ประเทศชาติและประชาชนอย่างต่อเนื่อง นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ เป็นเหตุทำให้เกิดการปรองดองขึ้นอย่างแท้จริงระหว่างคนไทยต่างพรรค ต่างพวก ต่างสี ต่างเหล่า ต่างวัฒนธรรมประเพณีให้มีน้ำใจสามัคคี ภายใต้ร่มพระบารมีของพระเจ้าแผ่นดินพระองค์เดียวกัน
เย็นศิระเพราะพระบริบาลจริงแท้ ไม่แปรผันเลยแม้แต่น้อย
ส่วนในต่างจังหวัดนั้นเล่า ก็โปรดให้องคมนตรีและผู้แทนพระองค์ออกไปทำหน้าที่มอบของพระราชทานแก่ราษฎรทุกหนทุกแห่ง ทำให้ราษฎรทั่วประเทศมีความรู้สึกเหมือนกันว่า “เย็นศิระเพราะพระบริบาล” อย่างแท้จริง ทรงเป็นพระสยามเทวาธิราชพระองค์จริง ที่แผ่เมตตาคุณปกป้องราษฎรโดยไม่เลือกหน้าให้พ้นจากทุกข์เข็ญและเป็นสุขโดยทั่วกัน
อาการน้ำท่วมทั่วประเทศ โดยเฉพาะในเขตเมืองมีประจักษ์พยานหลักฐานอันอุดมสมบูรณ์ว่าไม่ใช่เพราะน้ำท่วมมากกว่าในอดีตอันยาวนานของประเทศไทยเลย น้ำที่ว่าท่วมมากแล้วก็ยังไม่มากเท่าน้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2484 แต่ที่ท่วมมากขนาดนี้มีมาแต่เหตุที่เกิดจากฝีมือการสร้างถนนสารพัดชนิดโดยเฉพาะถนนเลียบเมือง ถนนเลี่ยงเมือง และถนนในเมืองที่ทำกันทั่วประเทศ
ทำเพื่อให้รถยนต์ที่เป็นของต่างชาติได้วิ่งกันมากๆ ได้ผลิตขายกันมากๆ ได้ทำให้คนไทยเป็นหนี้กันมากๆ ทำให้ประเทศชาติเสียเงินในการซื้อพลังงานมาเผาผลาญกันมากๆ และทำให้คนไทยและประเทศไทยฉิบหายกันมากๆ อันเป็นผลโดยตรงจากการเป็นหนี้ต่างชาติชาติเดียวเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ และเป็นเหตุให้ต้องรับใบสั่งทำร้ายชาติบ้านเมืองของตนดังที่เห็นอยู่
ดังนั้นเมื่อถึงเทศกาลหน้าฝน ฝนตก น้ำหลากไหลมา ทั้งต้นน้ำลำธารก็ตื้นเขินหรือถูกถม น้ำระบายไม่ได้ ก็ไหลมาคั่งติดถนนที่ทำขึ้นทั่วทุกหนทุกแห่ง เมื่อปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นก็ท่วมบ้านท่วมเมืองจนป่นปี้วายวอด
เมื่อน้ำท่วมเหนือระดับถนนมากเข้า แรงดันของน้ำก็รุนแรงมากขึ้น ทำให้แนวถนนกั้นน้ำไม่อยู่ ตรงไหนมีจุดอ่อนก็จะพังทลาย ซึ่งเป็นความจริงที่เกิดขึ้นทุกหนทุกแห่งทั่วประเทศ และให้สังเกตดูตามคอสะพานต่างๆ จะขาดก่อน
เมื่อถนนพังทลายลงน้ำก็จะไหลระบายออกไปได้ ไม่ช้าไม่นานน้ำก็จะแห้ง แต่ขณะที่น้ำแห้งนั้นได้เกิดความฉิบหายวายวอดทั่วถึงแล้ว รวมทั้งถนนที่เป็นเหตุขวางทางน้ำจนเกิดน้ำท่วมก็พังพินาศไปด้วย เรียกว่าฉิบหายทั้งประชาชนและทรัพย์สินของรัฐ จนต้องสูญเสียงบประมาณในการซ่อมบำรุงในแต่ละปีเป็นจำนวนมหาศาล
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงเห็นปัญหานี้อย่างแจ่มชัดด้วยพระปัญญาทัศน์อันสว่างไสว จึงทรงมีพระราชดำริให้แก้ไขในหลายพื้นที่ ดังตัวอย่างเช่นที่อำเภอหาดใหญ่ที่อดีตน้ำท่วมทั้งปีทั้งชาติทุกปีและท่วมหนักหนาสาหัส หลังจากได้แก้ไขตามพระราชดำริคือเพิ่มทางระบายน้ำและเพิ่มการเชื่อมต่อการระบายน้ำสู่แหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่แล้ว จากบัดนั้นถึงบัดนี้พื้นที่นั้นก็ไม่ถูกน้ำท่วมอีกเลย
จึงควรที่ผู้มีอำนาจหน้าที่จะได้เร่งคิดอ่านทำการอัญเชิญกระแสพระราชดำรินั้นไปปฏิบัติให้ทั่วถึงทั้งประเทศ เร่งสำรวจตรวจสอบเส้นทางทุกเส้น ถนนทุกสายว่ามีทางระบายน้ำพอเพียงหรือไม่ โดยต้องเทียบเคียงกับปริมาณน้ำของทุกพื้นที่ให้สอดคล้องเป็นไปตามความจริง แล้วจัดทำทางระบายน้ำไม่ว่าจะต้องรื้อถนนเป็นส่วนๆ เพื่อทำเป็นสะพานแทน ทำให้ระบายน้ำได้โดยสะดวกไปยังแหล่งน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ แม้กระทั่งถ้าจำเป็นก็อาจต้องสร้างแหล่งน้ำธรรมชาติไว้ใช้สอยจะได้ไม่ขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 เสด็จสู่สวรรคาลัยแล้ว แต่พระราชมรดกแห่งพระสติปัญญาอันยิ่งของพระองค์ท่านยังแผ่ปกคลุมอยู่ในราชอาณาจักรนี้ หากอัญเชิญมาปฏิบัติอย่างจริงจังเมื่อใด ภัยจากน้ำท่วมที่ประสบอยู่ก็จะมลายไป ดังที่เป็นมาแต่อดีตกาลโพ้นนั้น
จะได้ไม่ต้องฉิบหายวายวอดหนักหนาสาหัสเพิ่มขึ้นทุกปีดังที่เป็นอยู่ และต่อไปนี้ใครจะทำถนนหรือเส้นทางใดๆ จะต้องคำนึงถึงการระบายน้ำให้เป็นไปตามพระราชดำรินั้นจงทุกประการ มิฉะนั้นก็อย่าทำเลย!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี