l ก. สภาพสังคมในประเทศสารขันธ์ เป็นอย่างไร? ประชาชนคนสารขันธ์รู้ดีและเข้าใจลึกซึ้ง คนส่วนใหญ่มีความทุกข์ที่ยังไม่ได้แก้ และไม่มีทางจะแก้ได้โดยคนชั้นนำและพรรคการเมืองเก่า เพราะชั่วชีวิตที่ผ่านมา “ความจริงมันฟ้องให้เห็นแนวคิด นโยบาย และพฤติกรรม” ที่ผิด
1.บางพรรคใหญ่ ผู้นำเก่งชาญฉลาด ได้นำเสนอแนวคิดใหม่ นโยบายเพื่อประชาชน คนจนในชนบท เป็นที่ถูกอกถูกใจประชาชนรากหญ้า เพราะเสนอว่า “ต่อไปนี้ ชีวิตประชาชนจะดีขึ้น หายทุกข์ มีสุข” แต่แล้วเมื่อประชาชนเลือกตัวแทนของเขาเข้าไปในสภา เพราะ “หลงเชื่อผู้นำ” หรือเงินทองที่ได้รับฯ ผ่านไป สี่ปี…สิบหกปีแห่งความหลัง “ดีขึ้น ร่ำรวยขึ้น มีอำนาจมากขึ้น” กลับเป็นของผู้นำและบริวาร ส่วนประชาชนยังไม่มีสุข แถมทุกข์มากขึ้น เพราะ “นโยบายประชานิยม มีเงินทอนหลายหมื่นล้าน” อีกทั้งตัวผู้นำและบริวารทั้งเคยมีอุดมการณ์และอุดมเงิน กลับเสพติดอำนาจ ไม่ยอมรับการตรวจสอบ ใช้อำนาจมิชอบ โดยอาศัยเสียงข้างมากแก้กฎหมายเพื่อเพิ่มอำนาจและให้ “เจ้านายโกงพ้นผิด” และไม่รับฟังกระบวนการยุติธรรมและศาลรัฐธรรมนูญ และการตรวจสอบจากประชาชน ฯลฯ
ก่อให้เกิดวิกฤติทางการเมืองที่ติดล็อก ไม่มีทางออก เพราะไม่เคารพกติกาบ้านเมือง ผู้นำพรรคนี้ อ้างประชาธิปไตยเลือกตั้ง “ใช้อำนาจของประชาชน โดยเขา เพื่อตัวเอง และพวกพ้อง”
2.บางพรรคเก่าแก่ มีคนดีอยู่ไม่น้อย แต่แก้ไขวิกฤติบ้านเมืองไม่ได้ เพราะติดกรอบความคิดตะวันตก ยึดประชาธิปไตยจากการเลือกตั้ง(ที่ไม่สุจริตเที่ยงธรรม) เป็นสรณะ, ต้องแก้ตามกรอบที่ไม่เป็นธรรม ฯลฯ โดยไม่เข้าใจลึกซึ้งถึงสภาพสังคมไทยที่เหลื่อมล้ำไม่เป็นธรรม มีคนมือยาวที่ได้เปรียบ คนส่วนใหญ่ที่มือสั้น ที่คนส่วนใหญ่ติดอยู่ในระบบอุปถัมภ์ ติดวัตถุและการบริโภคนิยม ขาดข้อมูลที่จะเข้าใจเลือกคนดีหรือคนไม่ดีฯ และไม่ได้ศึกษาถึงประวัติศาสตร์การพัฒนาของประเทศตะวันตก ที่ผ่านมาได้จาก “การใช้อำนาจเป็นธรรม” โดยมีรัฐบุรุษ นำการต่อสู้และเปลี่ยนแปลงระบบโครงสร้างของสังคมที่ไม่เป็นธรรมมาสู่ความเป็นธรรม และการพัฒนาประชาชนของเขาให้มีคุณภาพ เพื่อเป็นพื้นฐานในการตรวจสอบ ถ่วงดุลรัฐบาลที่มิชอบธรรม
อีกทั้งไม่เข้าใจการพัฒนาของทุนสามานย์ ที่แปลงร่างฝั่งตัว เข้ามาสู่การเมืองการเลือกตั้งด้วยทุนที่มิชอบที่โกงรัฐประชาชนมาใช้ในการเลือกตั้ง ซื้อสส. สว. พรรคการเมือง สื่อ นักวิชาการ มวลชน รวมทั้งคนเคยมีอุดมการณ์ที่ผิดหวังจากการต่อสู้ แต่ไม่สำเร็จ จึงหันมาซบเขา และได้เป็นสส.เป็นรัฐมนตรี ซึ่งกระบวนการเลือกตั้งและกระบวนการยุติธรรมที่ล้าหลัง ไม่สามารถแก้ไขหรือหยุดยั้ง พวกเขาได้ ทำให้ “การเลือกตั้งทั่วไปในระยะหลัง” พรรคของกลุ่มทุนสามานย์สามารถชนะเลือกตั้งได้มาตลอด
ผู้นำยึดมั่นหลักการที่ดูดี แต่ไม่เป็นจริง “เห็นแก่พรรคและตัวเอง” มาก่อน “การแก้ปัญหาของประชาชน”
3.บางพรรคที่เป็นพรรคเล็กๆ มีอุดมคติ อยากจะแก้วิกฤติของชาติของประชาชน แต่ไม่สำเร็จเพราะต้องต่อสู้แข่งขันในกติกาและการเลือกตั้งที่ไม่สุจริตเที่ยงธรรม เอื้อประโยชน์แก่พรรคใหญ่มากกว่า จึงทำได้แค่ตัวประกอบ ได้ตั้งพรรค ได้ลงสมัคร แต่ไม่ได้ในความเป็นจริงที่เสียเปรียบ ไม่ยุติธรรม
โดยสรุป = พรรคการเมืองเก่ามีกรอบคิดเพื่อตัวเอง หรือไม่สอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของสังคมไทย จึงไม่อาจแก้ไขปัญหาพื้นฐาน “ความไม่เสมอภาค ไม่เป็นธรรมความยุติธรรม ความทุกข์และวิกฤติของชาติได้” ทั้งนี้ นักการเมืองในระบบเก่านี้ ยังหลงติดยึดการเลือกตั้งเดิม ที่ไม่มีทางออกให้กับประชาชนและประเทศได้
l ข.ทางออกของชาวสารขันธ์ เพื่อไปสู่ทางรอดของประเทศคือการสร้างพรรคการเมืองใหม่ นักทฤษฎีและผู้รักชาติรักประชาธิปไตยได้ระดมความพลังความคิด ความรู้สติปัญญา เพื่อหาทางออก
1.ในสภาพสังคมที่มีความเหลื่อมล้ำ ไม่เป็นธรรม การเลือกตั้งที่ไม่สุจริตเที่ยงธรรม ไม่เป็นทางออก การเลือกตั้งโดยสุจริตเที่ยงธรรมจะเกิดขึ้น เมื่อสังคมมีประชาธิปไตยที่แท้จริง คือ ระบบโครงสร้างสังคม ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และกระบวนการยุติธรรม เป็นธรรม และประชาชนส่วนใหญ่มีคุณภาพ มีความรู้สติปัญญา แยกแยะข้อมูล “คนดีพรรคดี คนไม่ดีพรรคไม่ดี” ได้รวมทั้งมีหน้าที่และความรับผิดชอบต่อตัวเอง ผู้อื่น ชุมชนและบ้านเมือง ที่ทุกคนต้องมีส่วนร่วมใช้อำนาจ
2.การเปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมประชาธิปไตย ต้องมีระยะเปลี่ยนผ่าน (Transition Period) คือ
1.) ประชาชนมีทุกข์ เดือดร้อนถึงที่สุด ไม่อาจจะทนต่อไปได้ในระบบเดิม แล้วพร้อมใจกันลุกขึ้นเปลี่ยน ซึ่งสภาพสังคมไทยที่มีภูมิศาสตร์ที่ดี และการพัฒนาไปได้ในระดับหนึ่ง ทำให้เรายังไปไม่ถึงจุดวิกฤตินั้น
2.) ต้องมีระยะเวลาพัฒนาปรับตัวของประชาชนและนักการเมือง ให้เข้มแข็งมีพลัง และเห็นร่วมกัน โดยการอาศัย “พรรคการเมืองใหม่” ที่มีแนวทาง นโยบายเพื่อประชาชน ที่แตกต่างไปจากพรรคเก่า
l พรรคนี้ต้องมีอุดมการณ์เพื่อประชาชนและชาติอย่างแท้จริง จึงจะได้รับความเชื่อถือสนับสนุนจากประชาชน
-แนวทางเฉพาะหน้า คือ “ต้องปฏิรูป ก่อนเลือกตั้ง” ที่มวลมหาประชาชนเรือนล้านได้ออกมาสนับสนุน
-หลักนโยบายสำคัญคือ ยึดการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
-เป็นพรรคของมวลมหาประชาชน ที่ประชาชนกำหนด เกิดจากการระดมพลังรักชาติรักประชาธิปไตยเข้ามาร่วม ทั้งในการ(จำเป็น) ที่จะต้องลงสมัคร สส. เพื่อไปคานและตรวจสอบ อำนาจที่มิชอบ โดยต้องมีการสรรหา “ผู้สมัครที่เป็นตัวแทนของประชาชนในกลุ่มพื้นที่ต่างๆ ทั่วไทย” ในการลงสมัคร และการเข้ามาร่วมสร้าง “อุดมการณ์” ให้พรรคมีความเข้มแข็งที่เป็นจริงและเติบใหญ่ได้โดยการ “จัดตั้งโรงเรียนการเมืองและการพัฒนาคุณภาพคน” และกลุ่มองค์กรอาชีพต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งควรจะเริ่มต้นจากแห่งหนึ่งก่อน เพื่อพัฒนาให้ดีมีคุณภาพ สร้างคนดีมีคุณภาพขึ้นได้อย่างเป็นจริง
-การโฆษณาประชาสัมพันธ์ ข้อมูลที่ถูกต้องเป็นจริง แก่ประชาชน โต้ข้อมูลเท็จบิดเบือนของนักการเมืองเก่า
-คัดค้านพรรคใหญ่เดิมที่สร้างวิกฤติให้บ้านเมืองและมีพฤติกรรมจาบจ้วงเป็นภัยต่อบ้านเมือง
-คัดค้านการรวมตัวของพรรคเก่าหรือพรรคใดๆ ที่จะไปร่วมกับพรรคใหญ่เดิม เพื่อจัดตั้งรัฐบาล ที่จะก่อวิกฤติเหมือนเดิมหรือจะเลวร้ายกว่าเพราะ “มีอคติและความแค้นลึกฝั่งอยู่ในเรื่องอำนาจ”
-การนำเสนอนโยบายใหม่ และผลักดันทั้งก่อนและระหว่างและหลังการเลือกตั้ง
-โดยการสนับสนุนและหนุนช่วย “พรรคการเมืองหรือกลุ่มประชาชน” ที่มีแนวคิดใกล้เคียงกัน
l โดยสรุป แนวทางการเมืองเฉพาะหน้าของ พรรคการเมืองใหม่นี้มีดังนี้
1.หากมีความพร้อมและสามารถได้เสียงมากพอ ก็ดำเนินจัดตั้ง “รัฐบาล” เอง
2.หากยังมีเสียงไม่มากพอ ต้องสนับสนุน “พรรคการเมืองใหม่” ที่มีความพร้อม ขึ้นเป็นรัฐบาลชั่วคราว
3.คัดค้านพรรคการเมืองใหญ่เก่าที่เคยสร้างวิกฤติให้บ้านเมือง และไม่เคารพกระบวนการยุติธรรม
4.คัดค้านพรรคการเมืองใดๆ ทั้งเก่าและใหม่ ที่จะไปร่วมกับพรรคใหญ่เก่าจัดตั้งรัฐบาล
5.สนับสนุน บุคคล กลุ่ม องค์กร และพรรคการเมืองที่ดี รักชาติรักประชาธิปไตยที่แท้จริง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี