นับแต่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบหมายพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ไปเจรจากับรัฐบาลจีนเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2557 ขอให้ฝ่ายจีนช่วยซื้อข้าวเน่าจากโครงการรับจำนำข้าว 1 ล้านตัน ข้าวใหม่ 1 ล้านตัน และยางพาราอีก 2 แสนตัน และขอให้จีนร่วมมือกันทำรถไฟสามเส้นทาง คือ หนองคาย-โคราช, โคราช-กรุงเทพฯ และแก่งคอย-แหลมฉบัง มาถึงวันนี้เป็นเวลาสามปีเศษแล้ว
รัฐบาลจีนซื้อข้าวของกันไปแล้ว แต่รถไฟไทย-จีนยังไม่ไปถึงไหน และที่กำลังทำเฟสแรกระยะทาง 3.5 กิโลเมตร โดยกรมทางหลวงเป็นผู้ดำเนินการ ได้กลายเป็นเรื่องตลกฮือฮากันไปทั่วโลก กระทั่งบางคนริอ่านจะทำโครงการ Thailand Silk Road แข่งกับเส้นทางสายไหมที่จะเชื่อมทั่วโลกเข้าด้วยกัน นั่นก็เพราะมีกลุ่มบริวารจากต่างชาติคอยขัดขวางจนไม่ไปถึงไหน และทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบเสียหายยับเยินในทุกด้าน
ในขณะที่ภาคประชาชนก็นำความจริงมาเปิดเผยถึงเล่ห์ร้ายอุบายกลต่างๆ ที่จะทำให้ประเทศไทยถูกปิดกั้น เชื่อมต่อกับใครไม่ได้ และการทำลายการขนส่งระบบรางเพื่อให้ต้องใช้รถยนต์ สนองผลประโยชน์ผู้ผลิตรถยนต์ของต่างชาติอย่างครึกโครม
ที่สำคัญคือได้ชี้ให้เห็นว่า การบูดเบี้ยวเพื่อล้มโครงการรถไฟไทย-จีนนั้นเป็นความเสียหายใหญ่หลวงของประเทศไทย และทุกภาคส่วนของไทย และชี้ให้เห็นประโยชน์ที่ประเทศไทยจะต้องรีบทำโครงการรถไฟร่วมกับลาว เชื่อมจังหวัดหนองคาย กับนครหลวงเวียงจันทน์ ระยะทาง 16 กิโลเมตร ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อระหว่างประเทศ และจะเชื่อมไปถึงนครคุนหมิง ของจีน และเชื่อมกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก
โดยยืนยันให้สร้างรถไฟเชื่อมหนองคาย-นครหลวงเวียงจันทน์ ก่อนเพื่อน เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเข้าสู่ประเทศไทยที่หนองคาย ซึ่งจะทำให้ภาคอีสานและภาคเหนือของไทยเจริญรุ่งเรือง
ในขณะที่คนไทยทั่วประเทศก็สามารถเดินทางขึ้นรถไฟสายนี้ไปยังประเทศจีนและทั่วโลกได้โดยสะดวกและรวดเร็ว โดยการลงทุนก็ไม่สูงมาก เพียงแค่ประมาณ 20,000 ล้านบาท ก็สามารถเชื่อมต่อประเทศไทยกับทั่วโลกได้แล้ว
ผิดกับเส้นทางกรุงเทพฯ-โคราช ที่ต้องลงทุนถึง 179,000 ล้านบาท แต่เชื่อมต่อกับประเทศไหนไม่ได้เลย และดีกว่าเส้นทางรถไฟจิ่งกังเซ็น ที่ต้องลงทุน 420,000 ล้านบาท และเชื่อมต่อกับใครก็ไม่ได้เหมือนกัน แต่จะขาดทุนจนเจ๊งตลอดกัลปาวสานเหมือนกัน
ดังนั้นเส้นทางรถไฟไทย-จีน จุดที่จะเชื่อมต่อระหว่างหนองคายกับเวียงจันทน์ จึงเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของเส้นทางสายไหมทางบก สายจีน-อาเซียน เพราะเส้นทางสายนี้ล้วนต้องผ่านจุดเชื่อมหนองคาย-เวียงจันทน์ทั้งหมด
และเมื่อเริ่มสร้างรถไฟไทย-จีน ตรงจุดนี้แล้ว ก็สามารถเชื่อมต่อจากหนองคายลงมาอุดรธานี ขอนแก่น โคราช กรุงเทพฯได้สะดวก สร้างส่วนไหนเสร็จก็เปิดการเดินรถได้ทันที ดีกว่าสร้างเฟสละ 3.5 กิโลเมตร 10 กิโลเมตรและ 100 กิโลเมตร ของเส้นทางกรุงเทพฯ-โคราช ที่แม้จะสร้างเสร็จแล้ว ก็ยังเดินรถไม่ได้
เมื่อความจริงเปิดเผยมาเช่นนี้ แม้กระบวนการขี้ข้าต่างชาติจะขัดขวางประการใดก็หนักแรงขึ้นทุกวัน เพราะน้ำหนักของผลประโยชน์แห่งชาติท่วมท้นจนไม่อาจเถียงเป็นอย่างอื่นได้ ยิ่งบูดเบี้ยวต่อไปก็ยิ่งเสียผู้เสียคน เพราะขณะนี้ประชาชนภาคอีสาน ภาคเหนือ และทั่วประเทศกำลังเรียกร้องกดดันหนักหน่วงขึ้น
ในที่สุดนายกรัฐมนตรีก็สั่งการให้ผู้มีหน้าที่รีบเร่งเจรจาเพื่อเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟหนองคาย-เวียงจันทน์ และรีบเร่งการก่อสร้างรถไฟไทย-จีน สายโคราช-หนองคาย ให้สอดคล้องกัน
ในที่สุดก็มีการเจรจากับฝ่ายจีนเพื่อดำเนินการดังกล่าว และล่าสุดก็ตกลงกันได้แล้ว
โดยรัฐบาลจีนจะเป็นตัวกลางในการเจรจาสามฝ่าย คือ ไทย ลาว และจีน เพราะเส้นทางช่วงนี้เป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างประเทศที่ต้องมีการตั้งด่านตรวจคนเข้าเมืองและด่านศุลกากร ทั้งฝั่งไทยและฝั่งลาว โดยจีนจะเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง เพราะเป็นผู้ก่อสร้างรถไฟจีน-ลาว จากคุนหมิง ถึงเวียงจันทน์ อยู่แล้ว
แม้มีการแถลงผลการเจรจาดังกล่าวอย่างเป็นทางการแล้ว ก็อย่าเพิ่งวางใจ เพราะยังมีกระบวนการอีกสามกระบวนการคือ
กระบวนการแรก การทำความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลลาว ในการลงทุนสร้างทางรถไฟเชื่อมหนองคาย-เวียงจันทน์ ว่าจะลงทุนกันอย่างไร เท่าใด และแบ่งปันผลประโยชน์อย่างไร รวมทั้งการจัดตั้งด่านตรวจคนเข้าเมือง และด่านศุลกากรที่ชายแดนทั้งสองฝ่าย
กระบวนการที่สอง คือการทำความตกลงสร้างทางรถไฟเชื่อมเวียงจันทน์-หนองคาย ที่เชื่อมต่อจากคุนหมิง-เวียงจันทน์ และที่จะรองรับจากหนองคาย มายังโคราช รวมทั้งการตั้งสถานีรถไฟที่ชายแดนทั้งสองประเทศ
กระบวนการที่สาม คือการทำความตกลงระหว่างไทย ลาว และจีน ในการสร้างทางรถไฟ และสถานีรถไฟเวียงจันทน์-หนองคาย ว่าจะตกลงกันประการใดเป็นวงเงินเท่าใด และกำหนดแล้วเสร็จเมื่อใด ซึ่งกำหนดการสุดท้ายจะต้องแล้วเสร็จพร้อมๆกันกับรถไฟสายคุนหมิง-เวียงจันทน์ เพื่อให้สามารถเปิดเดินรถได้พร้อมกัน
ทั้งสามกระบวนการนี้จะต้องทำไปพร้อมๆ กัน และต้องคอยป้องกันดูแลอย่าให้มีการเตะตัดขา หรือขัดขวาง หรือถ่วงเวลา หรือบูดเบี้ยวด้วยประการใดๆ เหมือนที่ผ่านมาอีก
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี