เมื่อวันพุธที่ 7 มีนาคม 2561 บริเวณสำนักงานโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ เกียกกาย นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พร้อมคณะ เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการเร่งรัดโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่พร้อมอาคารประกอบ โดยมี นายชัชวาล อภิบาลศรี สนช.เป็นประธานฯ เพื่อติดตามความคืบหน้าของโครงการก่อสร้างแห่งใหม่ฯ
หลังรับฟังบรรยายสรุปความคืบหน้าการก่อสร้างฯ ประธานพรเพชรเข้าเยี่ยมชมโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ฯ และให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงความคืบหน้าโครงการ ระบุว่า ปัจจุบันคืบหน้าไปแล้วกว่า 50% และคาดว่าจะเข้าใช้พื้นที่บางส่วนได้ในปี 2562 เป็นไปตามแผนงานที่กำหนดไว้
“ถ้าเป็นไปตามแผน หลังการเลือกตั้งเสร็จสิ้น อยากให้สภาชุดใหม่ได้เข้ามาทำงานที่รัฐสภาใหม่ โดยห้องประชุม สว. คาดว่าจะเสร็จในปลายปีนี้ และห้องประชุม สส.คาดว่าจะเสร็จในเดือนมี.ค. 2562 แต่จะเร่งรัดให้เสร็จเร็วกว่านี้อย่างไรก็ตาม สมัยทำสัญญาก่อสร้างมีการตัดรายการบางอย่าง คือ ระบบไอที และระบบโสตทัศนูปกรณ์ออก เพื่อให้อยู่ในวงเงินงบประมาณ ดังนั้น จึงต้องขอจาก ครม.เพื่ออนุมัติงบประมาณดำเนินงานดังกล่าว ซึ่งจะต้องมีการประมูลใหม่” ประธานพรเพชร กล่าว
นอกจากนี้ นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสำนักงานสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่า งบประมาณการตกแต่ง และระบบไอที ได้ของบประมาณไป 8,000 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เห็นชอบแล้ว คาดว่าจะเสนองบประมาณต่อ ครม.ในวันที่ 13 มี.ค.นี้ เพื่อจัดทำระบบเทคโนโลยี ควบคู่ไปกับการก่อสร้าง
ขอให้ประเด็นข้อสังเกตบางประการ เกี่ยวกับการส่งมอบรัฐสภาเดิม และการก่อสร้างรัฐสภาใหม่
1. เมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ทางสำนักงานเลขาธิการรัฐสภา เพิ่งจะต่อสัญญาจ้างก่อสร้างให้แก่บริษัทชิโน-ไทยฯ ออกไปอีก 674 วัน นับจากวันที่หมดการต่อสัญญาครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2561
นับเป็นการต่อสัญญารอบที่ 4
2. เกี่ยวกับระบบไอซีทีของรัฐสภาแห่งใหม่
ก่อนหน้านี้ ได้มีการดำเนินโครงการจัดซื้อจัดจ้างการออกแบบระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ อาคารรัฐสภาแห่งใหม่ โดยใช้วิธีพิเศษดำเนินการ
อ้างว่า เพื่อให้การติดตั้งระบบดังกล่าวมีความรวดเร็ว ติดตั้งเสร็จทันเวลากับระยะเวลาก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ หากการติดตั้งระบบไอซีทีเสร็จไม่ทันกับการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ จะเป็นเหตุให้ผู้รับจ้างหยิบยกเป็นเหตุผลขอขยายระยะเวลาก่อสร้างออกไปอีก และเรียกร้องค่าเสียหายจากรัฐสภา
อย่าลืมว่า การจัดจ้างออกแบบมีความสำคัญ เพราะจะเป็นตัวชี้ขาดว่า การดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างระบบไอซีทีใหม่ทั้งหมดนั้นจะมีรายละเอียดทางเทคนิคอย่างไร สเปกไหน เข้าทางใคร ฯลฯ
แม้นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสำนักงานสภาผู้แทนราษฎร เคยอธิบายว่า การดำเนินการโดยวิธีพิเศษดังกล่าวสอดคล้องกับระเบียบรัฐสภาว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2555 และการแต่งตั้ง น.ส.สุนทร รักเมือง อดีต ผอ.การคลังสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เข้ามาเป็นประธานคณะกรรมการโครงการจัดซื้อจัดจ้างการออกแบบไอซีที ทั้งๆ ที่ เป็นผู้ถูกสอบสวนเกี่ยวกับกรณีทุจริตในสมัยนายสุวิจักขณ์ นาควัชระชัย เป็นเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรนั้น นายสรศักดิ์การันตีว่าตนทำการแต่งตั้งเอง โดยไม่ได้มีผู้มีอำนาจเข้ามาบงการก็ตาม แต่ก็ยอมรับว่า สังคมยังไม่สิ้นสงสัย เพราะต้องไม่ลืมว่างานนี้มีมูลค่าผลประโยชน์เกี่ยวข้องกว่า 8 พันล้านบาท แถมการดำเนินการก่อนหน้านี้ ก็มีการดึงดันกันมาหลายรอบ เป็นที่ครหาสงสัยตลอดมา
น่าคิดว่า สุดท้ายแล้ว สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรก็ขยายเวลาให้กับเอกชนอีกครั้งซึ่งขัดแย้งกับข้ออ้างว่าจำเป็นต้องใช้วิธีพิเศษจัดจ้างออกแบบระบบไอซีที และที่ล่าช้า ส่วนสำคัญน่าจะมาจากปัญหาการส่งมอบพื้นที่
3. โครงการระบบไอซีทีรัฐสภาใหม่ กำลังถูกจับตามอง เพราะกลิ่นไม่ค่อยดี
ในขณะที่การดำเนินงานอีกมากมายที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างรัฐสภาใหม่ และที่รัฐสภาเดิม ที่เคยถูกทักท้วงว่าส่อทุจริต ก็ยังไม่ปรากฏผลการสอบสวนเปิดเผยสู่สาธารณะ ว่าถึงที่สุดแล้วมีใครทุจริตโกงกิน มีใครถูกลงโทษไปบ้างอย่างไร ทั้งๆ ที่ รัฐสภาถือเป็นหน่วยงานสำคัญในระบอบประชาธิปไตยที่ต้องมีธรรมาภิบาลเป็นแบบอย่าง
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ควรจะเอาจริงกับเรื่องนี้ เพราะมิฉะนั้น จะเกิดปัญหาในระยะต่อไป ทั้งการคืนพื้นที่รัฐสภาเดิม และการใช้รัฐสภาใหม่ ซึ่งจะเป็นการไม่บังควรเลย
การปล่อยให้คนที่เคยทำงานใกล้ชิดกับอดีตเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งถูกกล่าวหาเกี่ยวกับการทุจริตโครงการของสภาฯในหลายโครงการ เช่น โครงการจัดซื้อนาฬิกาดิจิตอล โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์ลานอนุสาวรีย์ ร.7 เป็นต้น ยังคงมีบทบาทสูง โดยเฉพาะเข้าไปจัดการจัดซื้อจัดจ้างในโครงการรัฐสภาใหม่อีกด้วย ยิ่งเพิ่มข้อครหา
เรื่องสอบสวนทุจริตอันเดิม ผลสอบสวนเป็นอย่างไร? ลงโทษใคร? อาทิ
กรณีปรับปรุงห้องประชุมรัฐสภา 3301 อาคารรัฐสภา 3 วงเงิน 36.5 ล้านบาท เมื่อปี 2556 เบื้องต้น คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเห็นว่าข้อกล่าวหามีมูล ต่อมา มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรง สุดท้าย แว่วๆ ว่า คณะกรรมการสอบสวนทางวินัยวินิจฉัยว่า ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ยุติเรื่อง!!!
กรณีนี้ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ซึ่งตรวจสอบโครงการปรับปรุงห้องประชุมดังกล่าว ได้ทำข้อโต้แย้งรายงานผลการสอบของคณะกรรมการสอบสวนทางวินัย สรุปความว่า ไม่เห็นพ้องกับรายงานผลการสอบสวนทางวินัยเนื่องจากตามผลการสืบสวนข้อเท็จจริงพบว่า ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 5 ราย เกี่ยวข้องกับกระบวนการจัดจ้าง ได้อนุญาตให้บริษัทเอกชนรายหนึ่งเข้าปรับปรุงห้องประชุมดังกล่าว ก่อนลงนามในใบสั่งจ้าง เป็นการปฏิบัติไม่เป็นไปตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุฯ มีการนำเสนอเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร (ขณะนั้น) พิจารณาอนุมัติลงนามในใบสั่งจ้าง ก่อนได้รับอนุมัติเงินประจำงวดจากสำนักงบประมาณ
มันแปร่งๆ ไหม?
ไหนจะโครงการที่มีครหาอีกมากมาย เช่น
กรณีการจัดซื้อนาฬิกาเรือนละ 75,000 บาท มูลค่ากว่า 15 ล้านบาท อ้างว่า ปรับปรุงระบบนาฬิการะบบอนาล็อกไปเป็นระบบดิจิตอล ปัจจุบัน นาฬิกาตายไปนานแล้ว ถูกไปนานแล้ว ไม่มีการเอาผิดใครเลย
กรณีปรับปรุงลานพระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 7 วงเงิน 13.9 ล้านบาท ไม่รวมโครงการปรับปรุงฐานและพื้นที่ฐานของพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ อีกต่างหาก
กรณีโครงการปรับปรุงห้องออกกำลังกาย พร้อมอุปกรณ์ ที่สโมสรรัฐสภา ห้องฝึกอบรมข้าราชการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร และปรับปรุงห้องสื่อมวลชนรัฐสภา 27.5 ล้านบาท
กรณีโครงการปรับปรุงห้องน้ำอาคารสโมสรรัฐสภาและสโมสรเล็ก ปรับปรุงห้องสุขา สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ประดิพัทธ์ 16.8 ล้านบาท
กรณีโครงการจัดสร้างห้องจำหน่ายสินค้าที่ระลึกของรัฐสภา และห้องรับเรื่องร้องทุกข์ 3.8 ล้านบาท ฯลฯ
ปัจจุบัน ยังไม่มีการแถลงไขให้ชัดเจนว่า ใครผิด ใครโกง ใครต้องรับผิดชอบใครต้องถูกลงโทษอย่างไร?
ยังไม่นับกรณีสินบนข้าวชาติอื้อฉาว กระทรวงยุติธรรมสหรัฐอเมริกา แถลงว่า มีการจ่ายสินบนแก่บุคคลที่อ้างตัวเป็นที่ปรึกษาในโครงการติดตั้งกล้องวงจรปิด (ซีซีทีวี) ในรัฐสภาไทย อันเป็นโครงการที่เกิดขึ้นในปี 2549 โดยระบุถึงขนาดว่า บริษัทลูกของไทโคในไทย จ่ายเงินจำนวนหนึ่งให้กับ “ที่ปรึกษาคนหนึ่ง” เพื่อให้ได้มาซึ่งสัญญาการติดตั้งกล้องวีดีโอวงจรปิด (ซีซีทีวี)ในรัฐสภาไทย ปัจจุบัน ยังไม่มีข้อสรุป
ส่วนโครงการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ ก็มีโครงการย่อยหลายโครงการที่มีปัญหา ไล่ตั้งแต่การจัดการดิน การบริจาคดินไม่โปร่งใส การขนดินไปไว้ที่เอกชน รวมไปถึงการขายดินให้เอกชนราคาถูก แล้วเอกชนที่ซื้อไปก็มีฐานะเป็นผู้ขายดินให้งานก่อสร้างธนาคารแห่งหนึ่งไม่ไกลกัน รัศมีไม่เกิน 10 กม. ในราคาแพง ฯลฯ
อย่าปล่อยให้รัฐสภาเปื้อนด้วยรอยมลทิน
ทั้งรัฐสภาเก่า และรัฐสภาใหม่ จะต้องคลีน (Clean)
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี