“ทุ่งหญ้าป่าไม้เขียว แหล่งท่องเที่ยวก็อับเฉา
เหวผาเงียบซึมเซา น้ำตกหลั่งอยู่เดียวดาย
นกน้อยผาดโผนฟ้า หลบหนีหน้าพากันหาย
พุ่มหญ้าเหี่ยวแห้งตาย พลิ้วไหวลมคลุกฝุ่นดิน
ทวยราษฎร์วิปโยค ความเศร้าโศกครอบงำสิ้น
ยากไร้ไม่มีกิน หฤโหดย้ำราวี”
จาก “กวีนิพนธ์ฉบับคณะกวีสมานฉันท์”
ยกคำกลอนจากบทกวีดังกล่าว ซึ่งจัดพิมพ์ในวโรกาสพระราชพิธีรัชมังคลาภิเษกของ ร.9 เมื่อพ.ศ.2531 มาให้ได้ฟังกันอีกครั้งหนึ่งในวันนี้ ก็เพราะว่าในสมัยนั้นเป็นสมัยที่บ้านเมืองได้รับการแก้ไขให้พลิกฟื้นจากสภาพของเหตุการณ์ต่างๆในประเทศกำลังเป็นไปอย่างบทกลอนดังกล่าวว่าไว้ จากการครอบงำของอำนาจที่ผู้บริหารบ้านเมืองในยุคนั้นสมัยนั้นทำไว้เพื่อประโยชน์ตน โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ได้ทรงดำเนินการตามโครงการพระราชดำริหลายอย่างดังที่ทราบกันดีนำมาแก้ไข จนสามารถพลิกฟื้นสภาพต่างๆ ที่เกิดขึ้นดังคำกลอนข้างบนที่ว่าไว้ให้พลิกฟื้นคืนกลับมาได้นำความร่มเย็นเป็นสุขให้เกิดขึ้นกับประเทศชาติและประชาชนทั้งปวงได้อยู่ดีกินดี ดังที่ทราบกันมาแล้ว
สภาพความเป็นไปที่เกิดขึ้นในประเทศเราขณะนี้ เมื่อมองไปแล้วเห็นว่า กำลังอยู่ในสภาพเหมือนในคำกลอนดังกล่าวข้างต้น ภายใต้การบริหารจัดการของคนมีอำนาจที่ได้อำนาจมาทั้งในระบบการเมืองการปกครอง และที่ได้อำนาจมาจากการแย่งยึดจากคนอื่น ซึ่งบริหารจัดการกันในลักษณะพวกใครพวกมัน ไม่ค่อยได้คิดถึงประโยชน์ส่วนรวมเท่าไร บริหารจัดการกันอย่างมัวเมาในอำนาจ โดยเฉพาะในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมานี้ จนถึงในขณะนี้ ซึ่งผลเป็นอย่างไรนั้น ดูคำตอบได้จากกลอนข้างบนนี้
ความมัวเมาในอำนาจก็ดี ความบ้าในอำนาจก็ดีทั้งสองอย่างนี้ไม่ควรมีอยู่ในตัวตนของคนถืออำนาจโดยเฉพาะคนถืออำนาจในการบริหารปกครองบ้านเมือง ไม่ว่าจะได้อำนาจมาอย่างถูกต้องตามระบบที่วางไว้ หรือได้อำนาจมาจากการไปแย่งยึดจากคนอื่น
เพราะความมัวเมาและความบ้าเป็นสิ่งไม่ดี
ความมัวเมา คือความหลง สติฟั่นเฟือน
ความบ้า คือวิกลจริต สติฟั่นเฟือน หลงใหลหรือมัวเมาในสิ่งนั้นๆ จนผิดปกติ
ใครก็ตามที่มีอำนาจ ใช้อำนาจอย่างมัวเมาหรือใช้อำนาจที่มีอยู่อย่างคนวิกลจริตในอำนาจ ที่เรียกว่าบ้าอำนาจนั้นนำความเดือดร้อนไปสู่คนอื่นหรือสู่ตัวเองได้ทั้งสิ้น ยิ่งมีอำนาจใหญ่โตเท่าไรก็สร้างหรือทำลายได้มากเท่านั้น
คนประเภทนี้เป็นคนที่ “ต่อมจริยธรรมคุณธรรมบกพร่อง” ถ้าได้อำนาจไปใช้ จะใช้อำนาจนั้นไปในทิศทางที่ไม่ถูกต้องได้ตลอดเวลา เพราะไม่มีจริยธรรมและคุณธรรมเป็นเครื่องกำกับ
คนประเภทนี้ก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ในบ้านเมืองใน 3 ลักษณะ ซึ่งได้แก่ 1) การฉ้อราษฎร์บังหลวง 2) การใช้อำนาจในทางมิชอบ 3) การตักตวงผลประโยชน์แก่ตนเองและพรรคพวก โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของสังคมประเทศชาติ
ทั้ง 3 ลักษณะดังกล่าว ยังคงเกิดขึ้นและมีอยู่ในขณะนี้
ขอนำความคิดความเห็นของผู้เคยรับผิดชอบในการทำงานและบริหารจัดการปัญหาต่างๆของบ้านเมืองในงานเสวนาเรื่อง “มองการณ์ไกลประเทศไทย ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรมทางสังคม และการผูกขาดเศรษฐกิจ” ซึ่งสมาคมนักข่าวและนักหนังสือพิมพ์ จัดขึ้นเมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2561 โดยมีนายเกียรติ สิทธีอมร อดีตประธานผู้แทนการค้าไทย นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาลอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายปรีดา เตียสุวรรณ์นักธุรกิจระหว่างประเทศ ร่วมกันแสดงความคิดเห็นต่อสภาพการณ์ต่างๆ ขณะนี้ สรุปได้ว่าทุกอย่างในบ้านเมืองตกต่ำลงไปทุกอย่าง
เฉพาะอย่างยิ่งความเหลื่อมล้ำใน 3 ปี ที่ผ่านมาสูงขึ้นกับคนไทย โดยเฉพาะในต่างจังหวัดทุกพื้นที่ รายได้หายไปกว่าครึ่ง สะท้อนให้เห็นว่ามีปัญหาในระบบเศรษฐกิจซึ่งสิ่งที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำมากขึ้นคือ
1) เรื่องการบังคับใช้กฎหมาย ตีความกฎหมายในลักษณะที่ไม่เป็นธรรม
2) นโยบายรัฐต่อการกระจายรายได้ ผูกขาดเอื้อผลประโยชน์กลุ่มทุน และมีแต่นโยบายปูพรมอย่างเดียว ซึ่งสร้างปัญหาและไม่มีการแก้ไข การไม่มีนโยบายที่จะไปดูแลกลุ่มด้อยโอกาส รายได้น้อย เกษตรกรทั้งประเทศ สร้างความเหลื่อมล้ำมากขึ้น
ทั้งนี้ปัญหาคอร์รัปชั่นมากขึ้น เช่น โครงการไทยนิยม มีการกำหนดงบไว้ก่อน แต่โครงการคืออะไร สอดคล้องกับกลุ่มที่ต้องการจะช่วยเหลือหรือไม่ จึงมีโอกาสที่จะคอร์รัปชั่นสูง บอกว่าเป็นโครงการส่งเสริม ให้ความรู้และการมีส่วนร่วม งบหมื่นล้าน หากไปดูในเนื้อหาเป็นงบจัดฝึกอบรม แต่ต้องเลี้ยงอาหารทุกคนที่มา หากไม่มีการเลี้ยงอาหาร จะเบิกเงินส่วนอื่นไม่ได้
โครงการประชารัฐ มีการยกเว้น พ.ร.บ.จัดซื้อจัดจ้างเป็นโครงการเอื้อกลุ่มทุน
ไม่มีนโยบายช่วยเหลือภาคเกษตรผู้มีรายได้น้อย 3 ปีที่ผ่านมา ข้าว ข้าวโพด มัน ยาง ปาล์ม ราคาตก เพราะไม่มีนโยบายที่เป็นรูปธรรมที่ยั่งยืน ราคาพืชผลตกในประเทศ แต่ไม่ได้ตกในต่างประเทศ มีแต่ขาใหญ่ได้ประโยชน์ สร้างความเหลื่อมล้ำ เอื้อกลุ่มทุน
เอาแค่นี้ก่อนก็พอจะมองเห็นว่าคนมีอำนาจในการบริหารจัดการบ้านเมืองขณะนี้ ทำงานกันอย่างไรในการคืนความสุขให้ผู้คนที่ต้องมีชีวิตอยู่อย่างบอบช้ำขณะนี้
เพราะ “ทวยราษฎร์ยังวิปโยค” ดังคำกลอนข้างต้น แม้กระทั่ง ความเศร้าโศกครอบงำสิ้น ยากไร้ไม่มีกินหฤโหดย้ำราวีในขณะนี้
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี