มติคณะรัฐมนตรีเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่แต่งตั้งนายสนธยา คุณปลื้ม หัวหน้าพรรคพลังชลเป็นที่ปรึกษา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ขณะเดียวกันตั้งนายอิทธิพล คุณปลื้ม น้องชายของนายสนธยา เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมืองจากการถูกบรรดาแกนนำพรรคการเมืองโจมตีว่าเป็นการตกเขียวนักการเมืองพรรคต่างๆ เพื่อปูทางให้ พล.อ.ประยุทธ์ สืบทอดอำนาจนั่งเก้าอี้ผู้นำประเทศรอบสองหลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า
ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีรอบสองหลังการเลือกตั้งจากการเสนอชื่อของพรรคการเมือง ขณะที่รัฐมนตรีในรัฐบาลหลายคนแสดงท่าทีชัดเจนสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้งครั้งหน้าเพื่อเสถียรภาพความมั่นคงและความต่อเนื่องของประเทศ พร้อมทั้งยอมรับว่ากำลังประสานงานเพื่อจัดตั้งพรรคการเมืองเพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ที่มีข่าวว่าจะได้รับการเชิญให้เป็นประธานที่ปรึกษาพรรคการเมืองที่จะตั้งขึ้นซึ่งจะมี ดร.อุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นหัวหน้าพรรคและมีนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นเลขาธิการพรรค
ทั้งนี้มีข่าวว่า ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจมีบทบาทสำคัญในการชักชวนนักการเมืองจากพรรคต่างๆ ให้เข้าร่วมกับพรรคที่จะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีรอบสอง อาทิ พรรคพลังชลกลุ่มบ้านริมน้ำที่มี นายสุชาติ ตันเจริญอดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นแกนนำ กลุ่มอดีตสส.นครปฐม ตระกูล “สะสมทรัพย์”ที่แยกตัวออกจากพรรคเพื่อไทย กลุ่มอดีตสส.ภายใต้การนำของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง
การเดินเกมดึงนักการเมืองจากพรรคต่างๆ เข้าร่วมกับพรรคสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ถูกพรรคการเมืองใหญ่โจมตีว่าเป็นการซื้อตัวพรรคการเมืองซึ่งเป็นเรื่องเลวร้ายไม่ต่างจากในอดีต โดย นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โจมตีอำนาจรัฐคสช.อย่างรุนแรงว่าเป็นการย้อนยุคกลับไปสู่การเมืองน้ำเน่าแบบเก่าๆ ที่มุ่งหวังใช้ประชาธิปไตยและการเลือกตั้งเป็นเครื่องมือในการสืบทอดอำนาจเพื่อประโยชน์ตัวเองและพวกพ้องด้วยการใช้ผลประโยชน์ต่างตอบแทนซื้อนักการเมือง
ขณะที่ นายประมวล เอมเปีย อดีตสส.ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ชี้ว่าการตกเขียวกลุ่มการเมืองต่างๆ เพื่อสืบทอดอำนาจซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้ไม่ต่างจากนักการเมืองที่ถูกคสช.ด่าว่าเลว และไม่ต่างจากระบอบทักษิณที่ดูดกลุ่มก๊วนการเมืองต่างๆเพื่อให้พรรคไทยรักไทยได้ตั้งรัฐบาล
จากความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เกิดขึ้นทำให้เห็นแนวโน้มการได้มาซึ่งอำนาจรัฐที่ยังใช้วิธีการที่อาจเรียกได้ว่าน้ำเน่าแบบเดิมๆ ยังไม่พูดถึงบรรดาพรรคหรือโฉมหน้านักการเมืองส่วนใหญ่ที่จะลงสนามเลือกตั้งครั้งหน้าที่ล้วนมีปูมหลังภาพลักษณ์อื้อฉาวหน้าเดิมๆ จนน่าวิตกว่าแนวโน้มรัฐบาลหลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้าคงหนีไม่พ้นยังวนเวียนอยู่ในวังวนวงจรอุบาทว์อย่างที่ผ่านๆ มา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี