ประเทศซาอุดีอาระเบีย ซึ่งได้เสียสมดุลในการดำเนินวิเทโศบายหรือการดำเนินนโยบายต่างประเทศมาเป็นเวลานานแล้ว กำลังเกิดวิกฤติอย่างร้ายแรงที่สุดนับแต่ได้มีการสถาปนาประเทศนี้หลังสงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นต้นมา
คือได้เกิดความขัดแย้งภายในอย่างรุนแรงทั้งภายในวงอำนาจรัฐของราชวงศ์ชาอุด ทั้งระหว่างอำนาจรัฐกับประชาชน ทั้งระหว่างประเทศซาอุฯกับประเทศอิสลามต่างๆ ซึ่งขยายตัวรุนแรงในทุกวงทุกระดับ
จนเกิดเหตุการณ์ก่อรัฐประหารขึ้นเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยตามข่าวระบุว่าเป็นการรัฐประหารของผู้สูญเสียประโยชน์หลายกุล่ม โดยเฉพาะเชื้อพระวงศ์สายสกุลต่างๆ ของตระกูลชาอุด รวมทั้งนายทหารและนักธุรกิจอีกจำนวนมาก จนกระทั่งปรากฏข่าวว่ากษัตริย์ซัมมานและมกุฎราชกุมาร ต้องหลบภัยไปอยู่ในการอารักขาของกองทหารสหรัฐ
ดังนั้นจึงเป็นอุทาหรณ์หรือบทเรียนที่ประเทศใดก็ตามที่เสียดุลความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จะต้องพิจารณาใคร่ครวญและทบทวนให้จงดี จะได้ป้องกันแก้ไขไม่ให้เหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้นในบ้านเมืองของตน ซึ่งขณะนี้ประเทศไทยของเราก็ออกอาการเสียดุลความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จนแทบจะรั้งไม่หยุด ฉุดไม่อยู่ไปแล้ว
นั่นหมายถึงทิศทางที่ก้าวไปจะเพิ่มความเสี่ยงภัยอันตรายทั้งแก่ประเทศชาติ สถาบันต่างๆ และประชาชนมากขึ้นทุกที จึงจำเป็นต้องรีบศึกษาบทเรียนเพื่อจะได้รั้งม้าไว้ที่ริมหน้าผาได้ทันท่วงที
ประเทศซาอุดีอาระเบียสถาปนาขึ้นหลังสงครามโลกครั้งที่ 1โดยการเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของอังกฤษที่ได้ตกลงร่วมประโยชน์กับหัวหน้าเผ่าอาหรับแห่งตระกูลชาอุดและคณะ ซึ่งเป็นผู้สืบทอดนิกายวาฮาบีในอิสลามที่เงียบหายไป หลังสงครามใหญ่ภายหลังการสิ้นพระชนม์ของอิหม่ามอาลี ซึ่งเป็นองค์ปฐมแห่งการก่อตั้งนิกายชีอะห์
ได้มีการใช้ชื่อคาบสมุทรอาระเบียกับชื่อตระกูลชาอุดสนธิกันเป็นชื่อประเทศว่า ซาอุดีอาระเบีย และอังกฤษได้สนับสนุนกำกับดูแลตลอดมา จนกระทั่งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 อังกฤษอ่อนแอลงเพราะผลจากการก่อสงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 ไม่สามารถกำกับดูแลต่อไปได้ จึงถ่ายโอนการกำกับดูแลนี้ให้แก่สหรัฐ โดยมีหน่วยงานของกระทรวงกลาโหมเป็นผู้รับผิดชอบ
หลังจากนั้นปรากฏการณ์สำคัญของความร่วมมือระหว่างสหรัฐกับซาอุดีอาระเบียก็เกิดขึ้นและส่งผลกระทบต่อทั่วโลก กล่าวคือ
ประการแรก ศูนย์กลางนิกายซุนหนี่ที่อียิปต์ และศูนย์กลางนิกายซีอะห์ที่อิหร่านถูกกระทำให้อ่อนแอลง โดยผลของสงคราม 6 วัน ระหว่างอิสราเอลและกลุ่มประเทศอาหรับ และโดยการเข้าครอบงำอิหร่าน จนเป็นเหตุให้เกิดการปฏิวัติอิสลาม ที่นำโดยท่านอิมาม โคมัยนี่ ทำให้สาธารณรัฐอิสลามแห่งแรกเกิดขึ้นในโลก
ประการที่สอง ซาอุดีอาระเบียได้กลายเป็นศูนย์กลางของนิกายวาฮาบี และกลายเป็นผู้นำของกลุ่มประเทศอาหรับ ได้เป็นแก่นกลางในการก่อตั้งกลุ่มประเทศสันนิบาตอาหรับ และองค์กรอื่นๆ รวมทั้งโอเปก ที่ควบคุมกิจการพลังงานของโลก
ประการที่สาม การใช้เงินดอลลาร์สหรัฐเป็นสกุลเงินในการซื้อน้ำมันของโลก เกิดระบบเปโตร์ดอลลาร์ขึ้นในโลกจนทำให้สหรัฐสามารถพิมพ์ธนบัตรได้โดยไม่ต้องมีทองคำ หรือเงินตราต่างประเทศหนุนหลังอีกต่อไป
ประการที่สี่ ราชวงศ์ชาอุดกลายเป็นราชวงศ์ที่มั่งคั่งของโลกและดำเนินการขยายนิกายวาฮาบีไปยังภูมิภาคต่างๆ ของโลก โดยเฉพาะการขยายตัวเข้าไปกลืนกินทำให้มุสลิมนิกายอื่นเข้ารับวาฮาบี ล่าสุดก็คือที่มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย และพม่า ซึ่งนิกายวาฮาบีนั้นมุ่งเน้นในการเชิดชูคำสอนเรื่องสงครามศาสนา และการพลีชีพเพื่อศาสนา หรือชาฮิต
ปรากฏว่าในขณะที่ปรากฏการณ์ทั้งสี่ประการเกิดขึ้นนั้น สหรัฐและนาโตก็ได้ขยายแสนยานุภาพจนเป็นมหาอำนาจหลักของโลก คือมีฐานทัพบนบกกว่า 800 แห่ง มีกองเรือควบคุมมหาสมุทรและน่านน้ำต่างๆ ทั่วโลก และเข้าไปครอบงำครอบครองทรัพยากรต่างๆ ในทุกประเทศทั่วโลก
การดำเนินการมากหลายที่เกี่ยวข้องกันนี้ทำให้สถานการณ์โลกพัฒนาไปสู่ขั้นใหม่ คือ การเกิดขึ้นขององค์การความร่วมมือแห่งเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเป็นองค์กรคู่กรณีโดยตรงของนาโต โดยมีรัสเซียและจีนเป็นศูนย์กลางหลัก และมีประเทศสมาชิกกว่า 20 ประเทศ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นประเทศที่ถูกคว่ำบาตรจนเจ็บปวดสาหัสมาแล้วทั้งสิ้น ดังนั้น ด้วยขนาดประเทศที่ใหญ่
ลำดับต้นของโลก ด้วยจำนวนประชากรที่มากกว่าครึ่งหนึ่งของโลก และความมั่งคั่งที่เกิดขึ้นจึงทำให้องค์การนี้ยืนขึ้นได้
ในขณะเดียวกัน สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน และเกาหลีเหนือ ก็ประสบความสำเร็จและเข้มแข็งเติบใหญ่ชนิดผิดคาด และต่างก็เป็นประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์อยู่ในความครอบครองเสมอกัน
ส่วนอีกด้านหนึ่ง ยุโรปอ่อนแอลง และกลายเป็นประเทศผู้บริโภคด้วยลัทธิประชานิยมตามอย่างสหรัฐ ในขณะที่ญี่ปุ่นก็เสื่อมโทรมด้วยโรคสังคมที่หมกมุ่นอยู่กับเทคโนโลยีและกลไก
ที่ไร้สาระ จนทำให้ประชาชาติรุ่นใหม่ของญี่ปุ่นกลายเป็นกลุ่มคนประหลาดของโลก
สภาพในตะวันออกกลางก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างใหญ่หลวง ที่สำคัญคือ
ประการแรก ในขณะที่ซาอุดีอาระเบียกำลังก้าวไปในทิศทางทุนนิยมเผด็จการ อิหร่านกลับก้าวไปสู่รัฐศาสนาตามแบบอย่างในสมัยพระศาสดา และกลายเป็นศูนย์กลางการนำของนิกายชีอะห์ที่ขับเคี่ยวกับซาอุดีอาระเบีย และกำลังก้าวไปสู่บทพยากรณ์ถึงกาลสิ้นสุดและการอุบัติขึ้นของพระผู้มาโปรดพระองค์ใหม่ คือ อิหม่ามมะห์ดี
ประการที่สอง อิหร่านได้ดำเนินนโยบายแนวร่วมระหว่างซีอะห์และซุนหนี่ต่ออียิปต์ เพื่อรับมือกับวาฮาบี
โปรดติดตามตอนต่อไป!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี