เมื่อฝ่ายกองทัพไทยได้ก่อการรัฐประหารเข้ายึดอำนาจในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ขณะนั้น มีคนกลุ่มหนึ่ง (จำนวนไม่น้อย) ที่ดีอกดีใจจนออกนอกหน้า ในขณะที่อีกกลุ่มหนึ่ง (ซึ่งจัดว่าเป็นเสียงส่วนใหญ่) ก็บอกกับตัวเองว่า สบายอกสบายใจได้แล้ว เพราะบ้านเมืองจะได้มีการ “พักรบ”สงบเรียบร้อยกันเสียที หลังจากวุ่นวายกันมาร่วม 10 ปี
โดยคนทั้ง 2 กลุ่มดังกล่าว ต่างมีความนึกคิดและความคาดหวังที่คล้ายกันว่า ฝ่ายกองทัพจะดำเนินการปฏิรูปประเทศอย่างกว้างขวางใหญ่หลวงแบบถึงรากถึงโคน เพื่อขจัดซึ่งความสามานย์ต่างๆ นานา ในแผ่นดินสยามให้หมดสิ้นไป และเชื่อมั่นในวาจาและเกียรติยศของชายชาติทหารเสือ
ซึ่งความเข้าอกเข้าใจของคนทั้งสองกลุ่ม เกี่ยวกับการปฏิรูปนั้นประกอบไปด้วย
- การสร้างความสมานสามัคคี ปรองดอง สมานฉันท์ ก็ผ่านวิธีการค้นหาความจริง และข้อเท็จจริงของความขัดแย้งและการเผชิญหน้า พร้อมกับเหตุการณ์รุนแรง เพื่อรับทราบ รับอภัย แล้วก็เลิกรากันไป เพื่อสังคมไทยจักได้เริ่มต้นกันใหม่โดยมีพื้นฐานความเข้าใจทางการเมืองร่วมกัน
- การปฏิรูปโครงสร้างรูปแบบและเนื้อหาของการบ้านการเมือง อันได้แก่ การลดการกระจุกตัวของอำนาจรัฐที่ศูนย์กลาง หรือที่เมืองหลวง ด้วยการกระจายอำนาจต่างๆ ไปสู่ท้องถิ่นและชุมชน หรือเพิ่มผลการมีส่วนร่วมต่างๆ ของประชาชนพลเมืองในฐานะเจ้าของประเทศ ไปจนถึงการปฏิรูประบบราชการ โดยเฉพาะกระบวนการยุติธรรม ที่หัวใจคือการปฏิรูปตำรวจ ให้เป็นตำรวจของประชาชนและเพื่อประชาชน
- การเสริมสร้างโอกาสและความเท่าเทียม เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและขจัดการเลือกปฏิบัติ อันว่าด้วยการมีสิทธิและหน้าที่ ที่เสมอเหมือน ทัดเทียมกัน
- การลดช่องว่างระหว่างผู้คนและระหว่างพื้นที่โดยจะไม่มีผู้ใดหรือพื้นที่ใดถูกทอดทิ้งอีก
แต่ทว่าใน 4 ปีที่ผ่านมา ชาวประชาไทยกลับมิได้เห็นปรากฏการณ์ต่างๆ ตามที่คาดหวังไว้แต่อย่างใด
ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ชาวประชาไทยได้เห็นแต่การดำเนินการปฏิรูปแบบผิวเผิน ชนิดสุกเอาเผากิน เอาแต่แก้ปัญหาแบบสร้างภาพและคะแนนความนิยมด้วยนโยบายมาตรการประชานิยมแบบเอาตัวรอดไปวันๆ หนึ่ง ระคนด้วยคำพูด (ภาษาฝรั่ง) ใหญ่โต เกี่ยวกับโครงการโน้นนี้ ที่จะต้องใช้เงินงบประมาณมหาศาล โดยไม่ได้มีความโปร่งใสในกระบวนการพิจารณา ไม่มีการเปิดเผยความคุ้มค่า คุ้มทุน อีกทั้งยังคงมีความหมิ่นเหม่ต่อการทุจริตมิชอบ และประเด็นของผลประโยชน์ทับซ้อน หรือการทุจริตเชิงนโยบาย
นอกจากนั้น ชาวประชาไทยตาดำๆ หาเช้ากินค่ำหรือมนุษย์เงินเดือน ผู้อยู่กับการผ่อนส่ง ยังต้องมาบาดตาบาดใจเข้าไปอีก กับภาพความใกล้ชิดสนิทสนรักใคร่ ระหว่างฝ่ายผู้นำอำนาจรัฐ กับฝ่ายผู้นำอำนาจเศรษฐกิจเชิงผูกขาดของประเทศไทย
สรุปง่ายๆ ก็คือ ประชาชนไทยนั้นชอกช้ำมากับความวุ่นวายทางการเมืองเป็น 10 ปี แล้วยังต้องมาช้ำใจกันอีก กับการที่ฝ่ายกองทัพ สัญญาว่าจะเข้ามาทำงาน “ปฏิรูป” แล้วก็ลงจากเวทีไป แต่ดันกลับไปใช้เวลา 4 ปีที่ผ่านมาเพื่อการกระชับฐานอำนาจ และวางแผนปูทางต่ออำนาจให้ยาวนาน ก็เป็นว่าที่เข้ามยึดอำนาจนั้น ไม่คิดจะคืน แต่จะยึดอำนาจให้ประชาชนและคืนประชาธิปไตยไปโดยตลอด
การยึดอำนาจที่ผ่านมา จึงเป็นการผิดสัจจะ
การยึดอำนาจครั้งล่าสุด จึงถูกนับเป็นอีกหนึ่งวาระของการทำลายประชาธิปไตย
การยึดอำนาจ จึงกลายเป็นการสร้างเงื่อนไขแห่งความแตกแยกให้ลงลึกขึ้นไปอีก
แล้วที่สำคัญ ยังปล่อยให้บรรดาโจรการเมืองลอยนวลอยู่ทั้งในและนอกประเทศ โดยไม่ได้คิดขจัดให้หมดสิ้น ทั้งๆ ที่มีอำนาจเต็มมือ คุมกำลัง เหนือกว่รัฐบาลทหาร หรือพลเรือนใดๆ ที่ผ่านมา นั่นเพราะไม่มีกึ๋น หรือใจไม่ถึง ก็ไม่อาจทราบได้ หรือไม่สนใจเพราะสนใจแต่เรื่องอยู่ในอำนาจต่อไปเท่านั้น
แล้วบัดนี้ เมื่อประวิงเวลาการยึดอำนาจต่อไม่ได้ ก็เลยจะเปลี่ยนไปใช้วิธีต่อสู้กับโจรการเมืองในสนามเลือกตั้ง ด้วยวิธีการรวบรวมโจรการเมืองอีกกลุ่มหนึ่ง มาเป็นสมัครพรรคพวก มาเป็นฐานกำลังไว้ใช้สอยในอนาคต
การเมืองไทยในอนาคตอันใกล้ ก็เลยจะเปลี่ยนรูปแบบไปเป็น สนามต่อสู้ระหว่างโจรการเมืองทุนสามานย์ กับโจรการเมืองทุนทหารการเมือง
คนไทยก็คงต้องช้ำใจกันต่อไป กับสถานการณ์การเมือง โจรรบกับโจร
รัฐสยาม ทำไมถึงโชคร้าย และตกต่ำถึงเช่นนี้?
ไม่เป็นไร แม้อนาคตการเมืองไทยจะยังดูมืดมน แต่จิตใจรักความถูกต้องของพลเมืองไทยไม่มีวันจางหายไป ดังนั้น ไม่ว่าจะโจรกลุ่มไหนก็โปรดเตรียมใจไว้ให้ดีๆ ว่า เมื่อถึงวันหนึ่งที่คนไทย
ทนไม่ไหวอีกครั้ง เขาก็จะออกมาใช้สิทธิการเป็นประชาชนชาวไทย และทำหน้าที่ในการขจัดโจรการเมืองทุกประเภทออกไปจากสังคมไทย
และวันนั้น เมื่อคนไทยช่วยกันคนละไม้คนละมือ โดยไม่ฝากความหวังไว้ในมือพระเอกขี่ม้าขาวอย่างที่ผ่านมา การปฏิรูปประเทศที่แท้จริง คงจะเกิดขึ้นกับประเทศไทยได้เสียที
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี