จนบัดนี้ คงไม่มีข้อถกเถียงใดๆ ในเรื่องอิทธิพลต่อความเป็นไปในสังคมการเมืองไทยของ คุณทักษิณ ชินวัตร ซึ่งที่ผ่านมาไม่ว่าจะขยับเขยื้อนไปไหน หรือแม้จะอยู่นิ่งๆ บนชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจ ก็สามารถเป็นข่าวได้ เพราะอยู่ในความสนใจของชาวไทย และชาวต่างประเทศ ที่ติดตามความเป็นไปในสังคมไทย หรือมีการข้องแวะต่างๆ กับสังคมไทย

แต่คุณทักษิณ ชินวัตร เป็นบุคคลที่ศัพท์การเมืองภาษาอังกฤษใช้คำว่า “Controversial Figure”เป็นบุคคลที่อยู่ท่ามกลางความเห็นต่าง หรือนัยหนึ่งเป็นบุคคลที่มีทั้งคนชอบ และไม่ชอบอย่างมากในสังคมเดียวกัน

ในระยะเริ่มต้นทางการเมือง คุณทักษิณ ชินวัตร มีการวางตัวในบทบาททางการเมือง มีความสำเร็จในเชิงธุรกิจการค้า เป็นคนกล้าคิด กล้าพูด กล้าทำ และกล้าทดลอง แบบกล้าได้กล้าเสีย จึงเป็นที่ชื่นชอบของผู้สนับสนุนชื่นชม เห็นอกเห็นใจ และจากกลุ่มผู้ที่ได้ประโยชน์จากการบริหารราชการ หรือกิจการต่างๆ ของคุณทักษิณ ชินวัตร

ในขณะเดียวกัน มีกลุ่มผู้คนที่ไม่เออออห่อหมกกับคุณทักษิณ ชินวัตร มีความแคลงใจเกี่ยวกับความไม่ชอบมาพากล และความเคลือบแฝงของท่าที และภารกิจที่ผสมผสานระหว่างการใฝ่หาผลประโยชน์ให้กับประชาชน ควบคู่กับการหาผลประโยชน์เข้าตนและพรรคพวก ซึ่งนำไปสู่การรวมตัวประท้วง คัดค้าน และขับไล่

ส่วนกลุ่มที่สาม ก็อาจจัดได้ว่าเป็นการรวมตัวของกลุ่มที่เคยรักใคร่ ชอบพอ และบูชาคุณทักษิณ กับกลุ่มที่ต่อต้านคุณทักษิณ และสนับสนุนการปฏิวัติรัฐประหารโดยฝ่ายกองทัพ ขจัดอำนาจและอิทธิพลของคุณทักษิณ ชินวัตร แต่ทั้งสองกลุ่มนี้ก็ต้องมาร่วมแรงร่วมใจหรือเป็นแนวร่วมกันไปโดยปริยาย เมื่อฝ่ายคุณทักษิณ ชินวัตร และฝ่ายกองทัพโดยนายพลรุ่นใหม่รุ่นเก่า ได้ออกมาจับไม้จับมือร่วมหอลงโรงกันอย่างเหนียวแน่น นำมาซึ่งความเจ็บปวด และอาการพูดไม่ออก หายใจไม่ทั่วท้อง และกระอักกระอ่วน ด้วยความมึนงงตามๆ กัน และอาการก็ไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น และจะอยู่กันต่อไปได้อย่างไร

ในสภาพการณ์นี้ ฝ่ายเชียร์คุณทักษิณ ชินวัตร ก็ออกมาประกาศโฆษณาชวนเชื่อถึงความเก่งกล้าสามารถของคุณทักษิณ ชินวัตร ว่าเป็นขวัญใจของประชาชนพลเมืองระดับรากหญ้า ดังจะเห็นได้จากโครงการประชานิยมต่างๆ เช่น 30 บาทรักษาถ้วนหน้า การประกันราคาพืชผล ค่าแรงประจำวันขั้นต่ำ กองทุนหมู่บ้าน และกองทุนสำหรับบริษัทเล็ก กลาง และย่อม อีกทั้งคุณทักษิณ ชินวัตร ก็รู้จักโลก รู้ทันโลก รู้จักผู้ที่อยู่ในวงการระดับโลกมากมาย เป็นคนอินเตอร์ กว้างขวางมีวิสัยทัศน์ โดยกลุ่มลูกสมุนเหล่านี้ต่างเลือกที่จะเพิกเฉยมองข้ามเรื่องคดีความต่างๆ ของคุณทักษิณ ชินวัตร ที่มีโทษจำคุกถึง 8 ปี

ในขณะที่ฝ่ายไม่เอาด้วยกับคุณทักษิณ ชินวัตร ก็ยังหมกมุ่นกับความไม่ดีงามต่างๆ นานา ของคุณทักษิณ ชินวัตร โดยไม่คำนึงว่าสถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะเมื่อฝ่ายกองทัพผู้เป็นความหวังได้ “ตกร่อง ปล่องชิ้น” กับฝ่ายคุณทักษิณ ชินวัตร ดังกล่าว และยังไม่คิดอ่านที่จะวิพากษ์วิจารณ์ในระบบการนี้อย่างตรงไปตรงมา และต่อต้านความไม่ชอบมาพากล

ในเมื่อสังคมไทยกำลังเผชิญกับสามมุมมองโดยสังเขปดังกล่าว สังคมไทยก็ต้องถามตนเองว่า จะอยู่กันแบบคาราคาซังกันไปแบบนี้เหรอ หรือจะมีการพูดจากันเพื่อถอยกันคนละก้าว เพื่อลดราวาศอก หาจุดออมชอม และจะได้เคลื่อนไหวกันไปข้างหน้า เพื่อความเจริญก้าวหน้าและเสถียรภาพและสันติสุขของประชาชนไทย

แต่ในอีกมุมมองหนึ่ง การที่จะคาดหวังหรือฝากผีฝากไข้ไว้กับการเปลี่ยนอกเปลี่ยนใจและพฤติกรรมของบรรดากลุ่มอำนาจทางการเมืองต่างๆ ให้คิดคำนึงถึงแต่ประโยชน์ของประเทศชาติ ก็ดูจะเป็นเรื่องยากลำบากหรือเป็นความเพ้อฝันเท่านั้น หรือสังคมไทยต้องยอมรับความจริงว่า กลุ่มอำนาจต่างๆ เขาต่างก็คิดถึงการคงอยู่ในอำนาจต่อไปเท่านั้น และจะไม่มีเรื่องผลประโยชน์ของประเทศชาติอยู่ในความคิดหรือจิตสำนึกของเขา ฉะนั้น ปวงชนชาวไทยก็ต้องคิดอ่านที่จะต้องร่วมกันแก้ไขสถานการณ์บ้านเมืองที่ไม่ดีงามด้วยตนเอง ซึ่งก็คงไม่เป็นการดำเนินการที่โดดเดี่ยวแต่อย่างใด เพราะสังคมไทยยังมีสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ที่เป็นที่รักและหวงแหนของปวงชนชาวไทย เป็นสถาบันแห่งความถูกต้องชอบธรรม ดังนั้น ปวงชนชาวไทยก็ต้องร่วมกันออกมาถวายงานต่อองค์พระมหากษัตริย์แสดงความรักและหวงแหนชาติและตั้งหลักประพฤติตนอยู่ในธรรม

ความรักชาติ รักศาสน์ และรักพระมหากษัตริย์ เป็นจุดรวมที่จะช่วยในการขับเคลื่อน เพื่อขจัดความไม่ชอบมาพากลต่างๆ นานา ในสังคมไทยที่มีบ่อเกิดจากความเห็นแก่ตัวและการลุต่ออำนาจของบรรดาผู้อ้างว่าเป็นตัวแทนและผู้รับใช้สังคมและประชาชนทั้งหลาย

ณ วันนี้ การต่อสู้ ขับเคี่ยวภายในสังคมไทยระหว่างชนชั้นปกครอง กับปวงชนชาวไทย หรือระหว่างฝ่ายอธรรมกับฝ่ายธรรม ได้เกิดขึ้นแล้ว และชัยชนะในที่สุดก็ต้องตกอยู่กับฝ่ายปวงชนชาวไทยแห่งธรรม

กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com