ประเทศในโลกกว้างอาจแบ่งได้ออกเป็น 2 ประเภทคือ ประเทศที่เป็นราชอาณาจักร และประเทศที่เป็นสาธารณรัฐ หรือนัยหนึ่งคือการมีกษัตริย์เป็นองค์ประมุข และการมีประธานาธิบดีเป็นประมุข ตามลำดับ
ในทั้งสองกรณีต่างเป็นที่ยอมรับกันว่า ทั้งกษัตริย์ และประธานาธิบดี ต่างถือเป็นบุคคลที่มีความสำคัญสูงสุดของแต่ละประเทศ เป็นบุคคลที่ควรแก่การให้ความเคารพและนับถือ การให้เกียรติ การปกป้องคุ้มครองอย่างเหมาะสม ด้วยเหตุนี้ ทุกประเทศจึงจะมีการออกกฎหมายปกป้องคุ้มครอง และให้การเคารพนับถือต่อตำแหน่งกษัตริย์ และประธานาธิบดี ซึ่งรวมทั้งความเป็นส่วนตัวของตัวองค์บุคคล และบุคคลด้วย จัดได้ว่าเป็นหลักการและหลักปฏิบัติสากล
ส่วนวิธีการ ขั้นตอน และกระบวนการของการแสดงความเคารพ การปกป้องคุ้มครอง ก็แตกต่างกันไปตามหลักคิด ขนบธรรมเนียมประเพณีของแต่ละประเทศนั้นๆ แต่ที่สำคัญก็คือการยอมรับในความสำคัญของตำแหน่ง และการให้เกียรติ เคารพนับถือ ต่อตัวองค์บุคคลและบุคคลอย่างสมน้ำสมเนื้อ และคู่ควรด้วย ซึ่งประเทศทั้งหลายได้มีการออกกฎหมาย กฎเกณฑ์ กติกา และองค์กรหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบในการปกป้องคุ้มครองสถาบันกษัตริย์ และสถาบันประธานาธิบดี รวมทั้งตัวองค์บุคคลและบุคคล จัดได้ว่าเป็นเรื่องสามัญสำนึกที่พึงมีกฎเกณฑ์ไว้และปฏิบัติกัน
การที่มีความจำเป็นที่จะต้องมีองค์กรที่รับผิดชอบในการปกป้องคุ้มครององค์ประมุข และประมุขตามแต่กรณีนั้นสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งก็คือ องค์ประมุขและประมุขไม่อยู่ในฐานะที่จะเป็นคู่กรณีคู่ความ หรือคู่ขัดแย้งกับประชาชนพลเมืองของตัวพระองค์ หรือของตัวประธานาธิบดีได้อีกทั้งองค์ประมุขและประมุขเป็นผู้ที่จะต้องดำรงไว้ซึ่งความเมตตา กรุณา เป็นศูนย์รวมของจิตใจและความเที่ยงธรรมของประเทศ ศูนย์รวมนี้จึงจะไปแตกแยกกับประชาชนพลเมืองมิได้
การวิพากษ์วิจารณ์ต่อตัวสถาบันและตัวองค์บุคคล และบุคคลดังกล่าวโดยประชาชนพลเมืองเป็นเรื่องธรรมดาของธรรมชาติมนุษย์ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็ต้องมีขอบเขตที่มีความพอดีหรือความสมดุล หรือนัยหนึ่งสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกก็ต้องควบคู่ไปกับหน้าที่ในการให้ความเคารพต่อผู้อื่นด้วย และเมื่อมีพฤติกรรมที่เกินขอบเขตหรือเลยเถิดไปในทำนองการละเมิดตัว
สถาบันและองค์บุคคลหรือบุคคลก็จะดูกระไรอยู่ที่จะให้ตัวองค์บุคคลและบุคคลต้องออกมาชี้แจง โต้ตอบ โต้แย้งหรือฟ้องร้อง ก็จะเท่ากับว่าเป็นการมีเรื่องมีราวหรือทะเลาะเบาะแว้งกับลูกบ้านหรือพลเมืองของตนเอง และฉะนั้นฝ่ายรัฐก็จะต้องเข้ามารับผิดชอบผ่านองค์กรกลางดังกล่าว เพื่อพิจารณาเรื่องราว ชี้แจง ให้ความกระจ่าง ตักเตือน หรือฟ้องร้องตามแต่กรณี เพราะฝ่ายรัฐโดยเฉพาะคณะบริหารเป็นผู้บริหารประเทศในนามขององค์ประมุขหรือประมุข มีภาระหน้าที่ในการปกป้องคุ้มครอง จึงต้องดำเนินการตามครรลอง จะปล่อยให้ประชาชนพลเมืองหนึ่งใดไปฟ้องร้องกันเองว่า อีกฝ่ายหนึ่งไม่แสดงความเคารพ ไม่ปกป้องคุ้มครององค์ประมุขหรือประมุขมิได้ สมควรจะต้องให้เป็นเรื่องของฝ่ายรัฐ โดยองค์กรกลางดังกล่าวเท่านั้นที่จะต้องรับผิดชอบ
ในประเทศส่วนใหญ่จึงมิได้เปิดโอกาสให้ประชาชนพลเมืองหนึ่งใดดำเนินการฟ้องร้องกันเองในเรื่องการหมิ่นผู้นำ แต่เปิดช่องทางให้ประชาชนสามารถยื่นเรื่องไปยังองค์กรกลางดังกล่าวเพื่อพิจารณาได้ ก็จะสามารถหลีกเลี่ยงการมิให้การเห็นต่างเป็นเรื่องส่วนบุคคล โดยยกให้เป็นภาระหน้าที่รับผิดชอบของภาครัฐโดยองค์กรกลาง
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี