ทุกประเทศในโลกนี้ต่างก็เผชิญกับปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่นโดยนักการเมืองผู้บริหารประเทศ ซึ่งจะต่างกันก็เพียงมากหรือน้อย เพราะความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาล้วนแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับพลังในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นของสังคมประเทศนั้นๆ เป็นสำคัญ
ประเทศเวียดนามถูกปกครองด้วยพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามแต่เพียงพรรคเดียว อำนาจสูงสุดของประเทศอยู่ที่พรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งไม่มีองค์กรอื่นใดในประเทศเวียดนามที่จะสามารถตรวจสอบ หรือถ่วงดุลอำนาจได้ ความเป็นไปทั้งหมดจึงขึ้นอยู่กับบรรดาผู้นำ ผู้บริหารพรรคเป็นสำคัญเท่านั้น
การบริหารและควบคุมความเป็นไปในประเทศ ครั้งเมื่อยังใช้ระบบเศรษฐกิจรัฐนำพา ก็ไม่ได้สลับซับซ้อนอะไร เพราะเงินตรามิใช่ตัวตั้ง หรือเป็นหัวใจของระบบเศรษฐกิจ โดยตัวพรรคคอมมิวนิสต์จะเป็นผู้จัดทำแผนเศรษฐกิจ สั่งการการผลิต การกระจายส่งมอบผลผลิต หรือการแลกเปลี่ยนผลผลิต เช่น การแลกเปลี่ยนข้าวจากสหกรณ์การเกษตร กับภาชนะเครื่องเรือนเครื่องใช้จากโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ เป็นต้น อีกทั้งประชาชนพลเมืองก็จะได้รับการจัดสรรส่วนแบ่งในเรื่องปัจจัยที่สำคัญต่างๆ ต่อชีวิต และฉะนั้นการใช้เงินตราจึงมีโอกาสหรือความจำเป็นน้อยมาก
แต่เมื่อเวียดนามเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจการตลาด หรือระบบทุนนิยม หรือเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโลกยุคโลกาภิวัตน์ด้วยการตัดสินใจของพรรคคอมมิวนิสต์เมื่อประมาณ 1 ชั่วคนหรือ 25 ปีมาแล้ว ชีวิตและสังคมของชาวเวียดนามก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างใหญ่หลวงเงินตรากลายเป็นพระเจ้า และเป็นสิ่งที่ยั่วยวน ไม่ว่าจะเป็นผู้ใด แม้แต่ผู้ที่มีอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ ว่าด้วยความทัดเทียมและเสมอภาคและการเห็นต่อส่วนรวมเป็นหลักก็ตาม
การทุจริตคอร์รัปชั่นในสังคมเวียดนามจึงเป็นไปอย่างกว้างขวาง แทรกซึมทุกวงการ และบ่อนทำลายสถานะของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ซึ่งหากไม่มีการแก้ไขใดๆ อย่างจริงจังแล้ว ก็จะนำมาซึ่งการล่มสลายของพรรคและของสังคมเวียดนามในระบอบคอมมิวนิสต์ในที่สุด
ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามจำนวนหนึ่งที่นำโดยเลขาธิการพรรค ต่างตระหนักในภยันตรายเหล่านี้ และได้กำหนดเป็นนโยบายที่จะปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างเอาจริงเอาจัง ซึ่งในช่วง 2 ปีกว่าๆ ที่ผ่านมานี้ เวียดนามมีคดีคอร์รัปชั่นจำนวนกว่าหมื่นคดี โดยในจำนวนนี้ประมาณพันกว่าคดีนั้นได้เกี่ยวข้องกับผู้บริหารพรรคคอมมิวนิสต์ และผู้มีตำแหน่งต่างๆ ในองค์กรการเมืองและหน่วยราชการทั้งในส่วนกลางและท้องถิ่น ส่งผลให้ในช่วง 2 ปีนี้เวียดนามต้องเปลี่ยนตัวประธานาธิบดีถึง 2 คน ในข้อหาทุจริตคอร์รัปชั่น นอกเหนือจากผู้ที่ดำรงตำแหน่งต่างๆ ในคณะรัฐมนตรี ผู้ที่ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคประจำเขตหรือเมือง ผู้ที่ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการจังหวัดและเมืองเล็กเมืองใหญ่ ไปจนถึงข้าราชการประจำระดับสูงต่างๆ
ก็เท่ากับว่าพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามขจัดบรรดา “มะเร็งแห่งสังคม” อย่างจริงจัง ทั้งเพื่อรักษาสถานภาพและเสริมสร้างความน่าเชื่อถือของพรรคคอมมิวนิสต์ และเสริมสร้างความน่าเชื่อถือของประเทศเวียดนามที่มีเป้าประสงค์ที่จะเป็น “โรงงานโลก” ต่อจากจีนให้ได้ ซึ่งโดยสรุปแล้ว พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามกำลังเดินหน้าขจัดคนเลวออกไปจากพรรค ออกไปจากฝ่ายบริหารราชการ และออกไปจากสังคม
เมื่อหันกลับมาที่ประเทศไทย พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งคณะรัฐบาลคณะปัจจุบัน และมีความคิดอ่านว่าจะต้องเอาผู้มีประสบการณ์แต่อดีตมาร่วมกันฟื้นฟูสถานภาพของพรรค เพื่อการนำพาประเทศไทย โดยมิได้คำนึงว่าบรรดาผู้ที่พรรคเพื่อไทยได้ไปกราบไหว้ วิงวอน แสดงความจงรักภักดี เคารพบูชา เป็นบุคคลประเภทใด หรือทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ มีคดีต้องโทษถูกศาลจำคุก ถูกการนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม บางคนก็ใช้ตำแหน่งหน้าที่ในการสร้างระบบเครือข่ายอุปถัมภ์ บางคนก็พูดจาแบบโกหกพกลม โดยทั้งหมดนี้มิได้มีจิตสำนึกใดๆ ในเรื่องศีลและธรรม จัดได้ว่าไม่อายฟ้าอายดิน ไม่เชื่อ ไม่เคารพเกรงกลัวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลก ขนบธรรมเนียมประเพณีและความดีงามต่างๆ
ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา พรรคเพื่อไทยเองก็ทำตัวเป็นพ่อกวาดต้อนผู้เป็นปัญหาต่อสังคมบ้านเมืองให้กลับเข้ามาร่วมกันเสริมสร้างฐานอำนาจ และการยึดครองสังคมบ้านเมืองให้เสมือนกับเป็นสมบัติส่วนตัว ประชาชนพลเมืองเป็นแค่ตัวเลข เป็นแค่เครื่องเล่น ที่จะล่อหลอกต่อไปอย่างสนุกสนานเมามัน และยิ่งในวันนี้ที่อำนาจบริหารล้นมือ พรรคเพื่อไทยก็ไม่ต้องเกรงอกเกรงใจความรู้สึกของประชาชนอีกต่อไป
เมื่อมองไปแล้ว เมื่อเทียบระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ที่ได้ชื่อเป็นเผด็จการ กับพรรคเพื่อไทย ที่บอกประชาชนว่าเป็นพรรคการเมืองประชาธิปไตย บริหารประเทศเทียบกันแล้ว ประชาชนตาดำๆ แบบเรา ชักไม่แน่ใจแล้วว่าใครจะมีอนาคตกว่ากัน
พรรคหนึ่งเอาคนเลวออก อีกพรรคหนึ่งเอาคนเลวเข้า
พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม มีบรรทัดฐานแห่งความคิด และมาตรฐานแห่งการปฏิบัติ พรรคเพื่อไทย ดูเป็นของเทียม ไม่แท้จริง
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี