ข่าวดีในยุครัฐบาลคสช.หลังก่อรัฐประหารโค่นรัฐบาลที่ชอบอ้างว่ามาจากการเลือกตั้งในระบอบทักษิณ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ที่ครบรอบ 4 ปี ไปเมื่อเดือนที่แล้วก็คือภาวะเศรษฐกิจของประเทศมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ซึ่งหากไปค้นข้อมูลย้อนหลังและศึกษาแบบไม่มีอคติจะพบข้อเท็จจริงว่าการรัฐประหารของทหารไม่ได้ส่งผลกระทบกับภาวะเศรษฐกิจไทยเท่าใดนักกลับทำให้ดีกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ
ส่วนพวกที่ออกมาโจมตีรัฐบาลคสช.มาตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปีนี้ 2561 นั้นไปดูหลักฐานแล้วมันก็ไม่จริงพวกที่โจมตีดูกันให้ดีเถอะไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองนักธุรกิจพ่อค้าแม่ขายนักข่าวนักหนังสือพิมพ์เหล่านั้นล้วนเป็นสมัครพรรคพวกบริษัทบริวารของทักษิณทั้งสิ้นหรือไม่ก็พวกคนเสื้อแดงที่เป็นศัตรูกับทหารและคสช.มานานปีตั้งแต่รัฐประหารล้มรัฐบาลทักษิณในวันที่ 19 กันยายน 2549
สำหรับคนในระดับรากหญ้าที่ออกมาบอกว่าเศรษฐกิจไม่ดีราคาพืชผลย่ำแย่สู้สมัยรัฐบาลระบอบโกงไม่ได้ก็เพราะรัฐบาลทหาร คสช.ไม่เอางบประมาณไปละเลงเล่นแจกประชาชนแบบประชานิยมแต่ใช้ระบบประชารัฐแทนหมายถึงการแจกจ่ายเงินงบประมาณแบบมีหลักการและเหตุผลที่สมควรมากกว่านั่นเองไม่ใช่เอาเงินภาษีอากรไปใช้แบบไร้หลักเกณฑ์แจกเงินให้ดื้อๆ
ส่วนปัญหาแรงงานที่พบในปัจจุบันก็คือคนไทยหวังรวยเร็วนิยมชมชอบการเดินทางไปขายแรงงานในต่างประเทศ เช่น ตะวันออกกลาง, ไต้หวัน, เกาหลีใต้, ฮ่องกง, ญี่ปุ่น กันทั้งๆ ที่งานในประเทศไทยก็มีแต่ไม่ชอบเพราะได้ค่าจ้างน้อยไปสู้ไปเสี่ยงทำงานในต่างประเทศไม่ได้นี่คือข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้
ข้อมูลจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยล่าสุดระบุว่าเศรษฐกิจไทยไตรมาสแรกขยายตัว 4.8% สูงกว่าที่สำนักวิจัยหลายแห่งคาดการณ์เอาไว้ ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าเป็นผลจากอัตราการใช้กำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบ 5 ปี โดยอุตสาหกรรมที่สำคัญ 21 กลุ่ม มี 7 กลุ่ม ที่ใช้กำลังการผลิตเกินกว่า 80% ถือเป็นสัญญาณที่นำไปสู่การลงทุนเพิ่มเติมในปีนี้และปีต่อๆ ไป
กลุ่มอุตสาหกรรมเหล่านี้ได้แก่การผลิตน้ำตาลใช้กำลังผลิตถึง 134.1% การผลิตพลาสติกและยางกำลังการผลิต 98.5% การผลิตรถยนต์ 93.4% การผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม 88.1% การแปรรูปและถนอมเนื้อสัตว์ 86.3% การผลิตจักรยานยนต์ 80.2% และ การผลิตคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง 80.1%
การที่เศรษฐกิจไทยเติบโตต่อเนื่องในต้นปีนี้คาดหมายว่าตลอดทั้งปี 2561 เศรษฐกิจของไทยจะขยายตัวได้ปีละ 5% เป็นอย่างต่ำปีหน้า 2562 อาจจะขยายตัวได้ถึง 6% การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจรากหญ้าให้เกษตรกรลืมตาอ้าปากได้ดีขึ้นก็คือการตั้งงบประมาณเพิ่มราคารับซื้อพืชผลที่ล้นตลาดเสริมด้วยการกระจายเม็ดเงินในชนบทและหาตลาดส่งออกให้เกษตรกรซึ่งเป็นหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์, กระทรวงอุตสาหกรรมที่ต้องเร่งทำงานร่วมกันต่อไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี