วันที่ 22 มิ.ย. 2561 เว็บไซต์บีบีซีไทย เผยแพร่คลิปวีดีโอ และบทสัมภาษณ์ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่หลบหนีคำพิพากษาจำคุกของศาลไทยและหมายจับอีกหลายคดี ภายหลังงานเลี้ยงวันเกิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่หนีคุกและหมายจับเช่นเดียวกันกับพี่ชายของเธอ โดยนายทักษิณ ให้สัมภาษณ์ถึงการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปี 2562 หรือไม่ว่า “สาธุขอให้เกิดเถอะ เพราะสงสารประชาชน”
เมื่อถามว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะการเลือกตั้งหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า เพื่อไทยชนะที่หนึ่งแน่นอน มั่นใจ อย่าประเมินประชาชนต่ำไป วันนี้ประชาชนคนไทยเป็นคนพุทธเป็นส่วนใหญ่ อาจยอมอดทน อดกลั้น นั่งนิ่งเฉย รอไปก่อน คิดว่าวันหนึ่ง เขาจะมีพลังแสดงอำนาจของเขาอย่างสุจริต แล้ววันนั้นเราจะได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร ถ้าลูกผู้ชายก็อย่าไปโกง เป็นลูกผู้ชายโดยเฉพาะชาติทหารอย่าไปคิดโกงเลือกตั้งเด็ดขาด อายเขา ไม่อายใคร ก็อายตัวเอง
ระหว่างการให้สัมภาษณ์ นายทักษิณ อธิบายถึงความมั่นใจว่ายังติดต่อกับประชาชนและโทร.หากำนันผู้ใหญ่บ้านเป็นระยะ ทำให้รู้ว่าพวกเขาคิดอะไรอยู่ “สังเกตดูครับสส. ที่ออกจากเพื่อไทยมีน้อย ส่วนใหญ่ก็มีคดี จะได้หลุดคดีซะที ไปเหอะ ไปเข้าข้างนั้นเหอะ เพราะเขาเอาคดีมาขู่แล้ว กับอีกประเภทคือเป็นหนี้เป็นสิน อยู่ๆ เอาเงินก้อนใหญ่มาให้ก็น่าสนใจอยู่ กับอีกประเภทคืออาจจะมั่นใจตัวเองว่าตัวเองเป็นที่นิยมดี และคิดว่าได้ตังค์เยอะด้วย ก็น่าจะไป แต่เป็นเรื่องที่ผมต้องแสดงความยินดีกับพรรคเพื่อไทยที่บุคคลเหล่านี้ออกไปจากพรรค เพื่อเปิดโอกาสให้พรรคเพื่อไทยได้คัดนักการเมืองรุ่นใหม่เข้ามาบ้าง เป็นเรื่องที่ดี”
นอกจากนี้นายทักษิณยังให้ความเห็นต่อการเยือนอังกฤษและฝรั่งเศสของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า เป็นการต้อนรับที่หวังผลประโยชน์ทางการค้า การต้อนรับในโลกทุนนิยม คือ
ถ้าเรามีทุน เขาจะนิยมเรา เอาตังค์ไปซื้อของเขา เขาก็ขอบคุณ แล้วเราได้อะไรจากการไปเยือน
ผมคิดว่า เรื่อง “สกปรก” แบบนี้ ต้องฟังจากทักษิณครับ เพราะรูปการณ์ในอดีต คล้ายๆ กับว่า เขามีประสบการณ์เช่นนี้มาก่อน
1) ในอดีต ทักษิณก็ “ดูด” สส.ของพรรคอื่น มาเข้าพรรคไทยรักไทย มีทั้งดูดเดี่ยว ดูดกลุ่ม ดูดมุ้ง และดูดพรรค แต่ละคนที่ดูดไป ส่วนหนึ่งก็อยู่ในพวกที่ถูกดูดออกมารอบนี้แหละครับ ก็ไม่รู้ว่าเวลานั้น มีกี่คนที่ถูกขู่เรื่องคดี อันนี้ลองไปถาม “บ้านใหญ่” แห่งพรรค “พลังชล” ดูก็ได้ อาจได้ข้อมูลดีๆ มาเตือนความจำพี่แม้วเขา มีกี่คนที่ได้เงินกองโต เอาไปใช้หนี้ ดังนั้น วิธีแบบนี้ เมื่อทักษิณแฉ เราต้องเชื่อครับว่ามีจริง เพราะเขาอาจพูดด้วย “ประสบการณ์” ของเขา
2) ทักษิณเคยโกงเลือกตั้งไหมครับ ที่ทักษิณบอกว่า “ถ้าลูกผู้ชายก็อย่าไปโกง เป็นลูกผู้ชายโดยเฉพาะชาติทหารอย่าไปคิดโกงเลือกตั้งเด็ดขาด” ผมจำได้ว่า พรรคไทยรักไทยของทักษิณถูกยุบ เพราะโกงการเลือกตั้งนะครับ และดูเหมือนว่ากระบวนการโกงนั้น มี “ชายชาติทหาร” ระดับรองหัวหน้าพรรคไปเอี่ยวด้วย เอ๊ะ หรือผมจำผิด
3) ที่ทักษิณบอกว่า “การต้อนรับในโลกทุนนิยม คือ ถ้าเรามีทุน เขาจะนิยมเรา เอาตังค์ไปซื้อของเขา เขาก็ขอบคุณ” อันนี้ยิ่งต้องเชื่อครับ เพราะทักษิณเอาตังค์ไปซื้อสัญชาติในต่างประเทศมาแล้ว จนมีหนังสือเดินทาง มีบัตรพลเมืองของบางประเทศ ตามเงื่อนไขของ “การลงทุน” ตอนนี้ก็รอแค่ความชัดเจนว่า เอาตังค์ไปซื้อ เอ๊ย!! ลงทุนในประเทศไหน เพื่อให้น้องสาวมีหนังสือเดินทางและสัญชาติ พอที่จะเข้านอกออกอังกฤษ จนสารวัตรหนุ่ยต้องลาพักร้อนไปเดินตามตูดต้อยๆ อยู่ ดังที่ปรากฏเป็นข่าว
ผมคิดว่า ทักษิณรู้ชะตากรรมทางการเมืองของตนเองดีแล้วครับ แรกทีเดียวกบดานเงียบ จนคนเข้าใจกันไปมากแล้วว่า ทักษิณยอมเงียบ แลกกับ คสช. ยอมปล่อยยิ่งลักษณ์ออกนอกประเทศ แต่จู่ๆ ก็ออกมาเคลื่อนไหว เมื่อสัญญาณการเลือกตั้งชัดขึ้น ผมไปกับน้องสาวได้หนังสือเดินทางต่างประเทศแล้ว ก็คงจะโล่งใจเรื่องการจะถูกจับส่งกลับประเทศไทย เลยหันมาเล่นเกมหาเสียงทางการเมืองในช่วงใกล้เลือกตั้ง ตามสันดานปกติ
แต่เวลานี้ ความนิยมของทักษิณไม่ได้เป็นปกติเหมือนที่เคยเป็นมาแล้วล่ะครับ
1) สามสี่ปีที่ท่อน้ำเลี้ยงไม่ไหล หรือไหลแบบหยดๆ มันทำให้ราคาแห่งความสวามิภักดิ์ของลิ่วล้อหน้าเงิน (ซึ่งทักษิณก็แสวงหาอำนาจจากคนกลุ่มนี้เป็นหลักอยู่แล้ว) จางไป เรียกง่ายๆ ว่า ไม่จ้างก็ไม่ทำงานให้ ไม่ชุบเลี้ยงก็ไม่สวามิภักดิ์ ยิ่ง “พรรคพลังประชารัฐ” เดินเกมดูดลูกน้องเก่าทักษิณออกไปหมด จะชนะการเลือกตั้งหรือไม่ชนะนั้นก็เรื่องหนึ่ง แต่การ “ตีค่ายทักษิณ” ให้แตกยับ ก็เป็นชัยชนะในขั้นต้นแล้ว
2) ทักษิณไม่มีวันกลับมามีอำนาจทางการเมืองได้ด้วยตัวเอง เพราะกฎหมาย ตัดสิทธิการหวนกลับมาดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ในทุกๆ ประตู ไม่ใช่ว่าเขียนกฎหมายกลั่นแกล้งเขาหรอกนะครับ แต่เป็นเพราะ “กรรมชั่ว” ซึ่งส่วนมากเกิดจากการคดโกงและใช้อำนาจแสวงหาประโยชน์เข้าตัวของเขาเองเป็นต้นเหตุ ทำให้เขาขาดคุณสมบัติตามกฎหมาย ทางเดียวที่ทักษิณจะกลับมาได้คือ นิรโทษกรรม กับ แก้กฎหมาย ยกเลิกกฎเกณฑ์ที่ไม่อนุญาตให้คนต้องคดีทุจริตดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถามว่า แล้วใครจะทำให้ทักษิณ? เวลานี้ก็ได้ยินแต่พรรคอนาคตใหม่เท่านั้น ที่ร่ำๆ เรื่องฉีกรัฐธรรมนูญกับคืนความเป็นธรรมให้คดีคุณทักษิณ
3) ในพรรคของทักษิณเอง ก็แตกเป็น 2 ขั้ว ขั้วของน้องสาว
หน้าบวม กับคุณหญิงเที่ยงคืน ที่ยังหาจุดลงตัวไม่ได้ จนทำให้ทักษิณเองก็ยังไม่บัญชาลงมา ว่าจะให้ซีกไหนขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค
4) การติดคุกของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ กับวลีเด็ด “กูพูดไม่ได้” คือ ตราบาปที่ยิ่งใหญ่ของ “ชินวัตร” ที่หลายคนไม่คิดจะทุ่มเทชีวิตให้อีกแล้ว
5) พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ คือการฆาตกรรมหมู่คนเสื้อแดงให้ “ตายเปล่า” ตายไปเถอะ อย่ารู้เลยว่าใครฆ่าพวกมึง จบนะ คือบาดแผลลึกที่จับเมื่อไหร่ก็เจ็บ อยู่ในหัวใจคนเสื้อแดงที่ “รู้เจ็บ-รู้จำ” และรู้ทันว่า ถูกใช้เป็นเบี้ย!!
6) วาทกรรม “น้องผมต้องไม่ติดคุกแม้แต่วินาทีเดียว” กับชีวิตจริงที่คนเสื้อแดงติดคุกเป็นแรมปี คือลิ่มที่ตอกลงไปบนหัวใจของคนที่เคยสู้ถวายหัวเพื่อทักษิณมาก่อน ให้ตาสว่าง และรู้แล้วว่า ไอ้มนุษย์หน้าเหลี่ยมผู้นี้ คือ คนจริง คนดี คนที่ควรสู้เพื่อมันอีกต่อไปหรือไม่
7) เงินของทักษิณก็คงไม่ได้มากมายเหมือนเดิม เพราะมีแต่รายจ่าย การต้องอยู่ในต่างประเทศ การต้องรักษาหน้า กินอยู่ฟู่ฟ่า การรักษาความปลอดภัย การจ่ายเพื่อให้ไปไหนมาไหนได้โดยไม่ถูกจับ แถมต้องเอาน้องสาวหนีคุกไปกระเตงอยู่ด้วยอีกคน ลูกเต้าก็ไม่มีอาชีพการงาน มันทำให้ทักษิณไม่ “ใจป้ำ” เหมือนที่เคยเป็น ดังนั้น เมื่อเงินไม่มา งานก็เลยไม่มี
8) คดีของทักษิณที่เคย “คาศาล” บัดนี้ทยอยถูกนำมาพิจารณาแล้ว ตามกฎหมายใหม่ ที่ให้ “พิจารณาคดีลับหลังจำเลย” ได้ โดยจำเลยตั้งทนายขึ้นสู้ หลายปีที่ทักษิณหนีไป หมดค่าทนายไปแล้วเท่าไหร่ไม่รู้ นี่คือค่าใช้จ่ายสำคัญอีกเรื่องหนึ่งของเขา และนี่ก็เป็น “ประตูที่ปิดตาย” ทำให้ทักษิณไม่กล้าหวนกลับมา “กราบแผ่นดิน” อีกแล้ว
ดังนั้น การแอ๊กอาร์ต อวดตัว โชว์ตัวเวลานี้ ไม่ได้เป็นผลดีกับตัวเขาเลย มีแต่ตอกลิ่มความเหลื่อมล้ำทางฐานะ ความเป็นอยู่ ความสุขสบาย ของเขาให้บริวารเห็น แล้วเริ่ม “ตาสว่าง”
อีกด้านหนึ่ง คู่ปรับคราวนี้ของทักษิณไม่ใช่คน “เก็บปากเก็บคำ” แต่เป็นประเภท “มึงมาพาโวย” ไม่แพ้แม้ว (ฮ่าๆๆ)
26 มิถุนายน 2561 “บิ๊กตู่” ฉะกลับคำให้สัมภาษณ์ของ “แม้ว” ชนิดกองเชียร์เช็ดน้ำหมากแทบไม่ทัน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า การเดินทางไปต่างประเทศครั้งนี้ไปด้วยศักดิ์ศรีของตัวเองโดยเอาคนไทยและประเทศไทยไปด้วย เราไปเพื่อทำเพื่อประชาชนคนไทยทุกคน และขอร้องสื่อมวลชนให้ช่วยตนมากขึ้นและทุกอย่างจะดีขึ้นบ้านเมืองจะสงบขึ้น ประเด็นความขัดแย้งจะลดลง เปิดโอกาสให้มีการพูดคุยกันมากขึ้น เพื่อหาทางออกร่วมกัน ไม่ใช่จะเชียร์กันไปมาคนละข้าง ความขัดแย้งก็จะเป็นอยู่แบบนี้ โดยที่ตนไม่สามารถช่วยอะไรได้ ทั้งนี้ การที่ทุกคนอยากปรองดองจะต้องเริ่มจากจิตใจของทุกคนวันนี้ทุกคนต้องหาทางออกเพื่อพูดคุยกันให้ได้
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สื่อมวลชนสามารถช่วยการทำงานของรัฐบาลได้มากที่สุด วันนี้อ่านข่าวจากสื่อและโซเชียลมีเดียแล้ว รู้สึกไม่สบายใจ เพราะทำให้เกิดการแบ่งแยกเป็นสองฝ่าย แม้จะเป็นธรรมดาของการนำเสนอข่าว แต่ขอร้อง ว่า อะไรที่จะก่อให้เกิดความขัดแย้งหรือเรื่องที่ยังไม่มีข้อเท็จจริง และขอถามว่าสื่อมวลชน ควรนำเสนอสิ่งที่คนพูดไม่น่าเชื่อถืออีกต่อไปหรือไม่ ไปให้เกียรติเขาทำไม นำเสนออีกทำไม เราควรให้เกียรติคนที่ทำงานให้ประเทศในตอนนี้ ไม่ใช่หรือ ไม่ใช่ให้เครดิตคนที่ทำผิดแล้วหนีไปอยู่ต่างประเทศ
“ผมไปสองประเทศมาในครั้งนี้ เขาก็มีคนให้เครดิตและสนับสนุนผม แต่คนที่ไม่ชอบผมก็มี ผมไม่ได้โกรธเขา เพราะผมเป็นคนไทย คนเหล่านั้น ไม่ว่าจะทำอะไรที่ไหนก็คือคนไทย ผมต้องรักเขา เพียงแต่วันนี้เขาไม่เข้าใจ วันข้างหน้าอาจจะเข้าใจก็ได้ หรือไม่เข้าใจก็แล้วแต่ แต่ผมทิ้งเขาไม่ได้ ขอร้องว่าอย่าไปให้เครดิตกับคนไม่สร้างสรรค์ โจมตีประเทศตัวเอง ไปอาศัยประเทศคนอื่นเขาอยู่ แล้วเกิดมาเป็นคนไทยทำไม ไปอยู่กันแบบคนชั้นสอง ขออาศัย ขออยู่อย่างนี้นะหรืออย่าทำ เพราะไม่ใช่สิ่งที่ควรจะทำ”
สิ่งที่ควรทำคือกลับมาสู่ครรลองของกฎหมาย ซึ่งเปิดโอกาสให้ต่อสู้ทางคดีเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ถ้าคิดว่าตัวเองถูกขอให้กลับมา ที่พูดนี้หมายถึงทุกคนไม่ได้หมายถึงใครคนใดคนหนึ่ง เพราะสิ่งที่ผมทำวันนี้นั้น ไม่ได้ทำเพื่อตัวเองแม้แต่สักนิดเดียว ผมไม่เคยได้ประโยชน์จากสิ่งที่ทำในวันนี้เลย ประโยชน์จะตกกับคนข้างหลังผม และคณะรัฐมนตรีเหนื่อยกันทุกคน ไปต่างประเทศก็ไม่ได้ไปแบบสบายๆ จะต้องเตรียมข้อมูลและแสดงออกให้เห็นว่าเราคือมิตรประเทศ ไม่ใช่ให้เขามองเราเพียงว่าเป็นตัวแทนของประเทศที่มีความขัดแย้ง ซึ่งเขาก็ไม่อยากคุยด้วย วันนี้ทุกคนต้อนรับและให้เกียรติผมเป็นอย่างดี มีทั้งรถนำ รปภ. ทหารกองเกียรติยศ ได้รับการตอบรับอย่างดี ขอร้องอย่าเอาบ้านเราไปประจานให้คนต่างชาติเห็น
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า มีคนบางประเภทที่ไม่ยอมเข้าใจอะไรแต่กลับออกมาประกาศว่ารักประเทศไทย รักประชาธิปไตย ซึ่งมันไม่ใช่ทุกประเทศมีความเป็นมาคล้ายเรา ตนเข้ามาทำให้ทุกอย่างเร็วขึ้น แต่บางคนกลับทำให้ทุกอย่างวุ่นวายต่อไปอีก ขอถามอีกว่าเราจะอยู่กันอย่างไรต่อไปในเมื่อไม่มีความสุขจึงขอให้ช่วยกันอีกครั้ง วันนี้ถือเป็นวันมงคลวันคล้ายวันประสูติของสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งตนจะเดินทางไปกราบขอพรให้กับคนไทย เพราะไม่อยากให้ปัญหาเก่าๆ เกิดขึ้นอีก
ตนพยายามสร้างความเข้าใจให้มากขึ้น ขอร้องอย่าเอาการเมืองมาเป็นเรื่องเดียว เพราะประเทศอื่นใช้เศรษฐกิจเป็นตัวนำ ไม่ใช่การเมืองไทยเรามีสภาเหมือนประเทศอื่นๆ ซึ่งตนไม่สามารถ
สั่งการได้ ถ้าสั่งได้คงไม่เป็นเช่นนี้ ตนไม่สามารถสั่งการสภาหรือศาลได้ทั้งนั้น แม้จะมีอำนาจตามมาตรา 44 ก็ตาม แต่ก็ไม่ควรสั่ง ดังนั้น ใครก็ตามที่มีอำนาจเหมือนตนในวันนี้ ให้กลับไปคิดดูว่า หากมีอำนาจจริงๆ แล้วจะทำอะไร เพราะมีหลายคนต้องการให้ตนทำตามใจฝ่ายตัวเองซึ่งไม่สามารถทำได้
ครับ อ่านเพลินๆ ก็สนุกดี แสบดี ได้ใจดี แต่จะดีกว่านี้หากมี “แอ๊กชั่น” ในสิ่งที่ควรแอ๊กชั่น เช่น
1) อธิบายความเลวร้ายของโครงการรับจำนำข้าว ภาระที่ต้องแบกรับ และความฉิบหายด้านต่างๆ ออกรายการให้คนรับรู้ แบบความจริงล้วนๆ เนื้อๆ เข้าใจง่ายๆ ให้คนได้รู้ได้เข้าใจอย่างทั่วถึงกัน
2) เผยแพร่คดีความและพฤติกรรมต่างๆ ที่ทักษิณสร้างไว้ บนความฉิบหายของประเทศ
3) เดินหน้ายึดทรัพย์ยิ่งลักษณ์ และแจกแจงให้ประชาชนได้ทราบถึงความคืบหน้า ไม่ใช่นิ่งเฉย เงียบฉี่ อย่างที่เป็นอยู่นี้ จนคนเขาระแวงว่า สงสัยสมประโยชน์กันแล้ว ถึงไม่ทำอะไรเลย ปล่อยให้หนีแล้วก็ไม่ยึดทรัพย์ อย่างนี้คงไม่เป็นผลดีแน่ๆ
ฉะนั้น อย่าแค่ทำสงครามน้ำลาย แต่ต้องทำทุกสิ่งทุกอย่างที่คนในชาติได้เห็น ได้ประจักษ์ตรงกันว่า พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาเพื่อขจัดความชั่วร้าย อย่างมุ่งมั่นและแน่วแน่
วันหน้า หากอยากจะกลับมา ภาพนี้จะได้ติดตาและนำไปสู่การตัดสินใจเทคะแนนให้ของผู้คนที่รักความถูกต้อง รักประเทศชาติ มากกว่ารักผลประโยชน์จากใคร...คนใดคนหนึ่ง!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี