ตั้งแต่ยุคสมัยพรรคเสรีมนังคศิลา ยุคสมัยพรรคสหประชาไทย ยุคสมัยพรรคสามัคคีธรรม มาจนกระทั่งยุคสมัยพรรคไทยรักไทย การเมืองของประเทศตกอยู่ในวงจรอุบาทว์ของกระบวนการดูด คือ การดูด สส. มาเข้าพรรค และอาศัย สส.นั้น ไปเป็นฐานการเมืองจัดตั้งรัฐบาลนักดูดขึ้น
พอเป็นรัฐบาลแล้ว วงจรอุบาทว์ของกระบวนการดูดก็จะกลายพันธุ์เป็นการดูดเลือดสูบเนื้อของประเทศชาติ และประชาชน จนชาติยับเยินเหลือแต่หนังและกระดูก ในขณะที่ประชาชนมีหนี้สินล้นพ้นตัวมากยิ่งขึ้น
เมื่อดูดเลือดดูดเนื้อไปสักพักหนึ่ง จนเลือดเนื้อของประเทศและประชาชนแห้งกรังแล้ว ก็จะพัฒนาการไปอีกขั้นหนึ่ง คือ การขายชาติ ขายผลประโยชน์แห่งชาติ และผลประโยชน์ของประชาชน และในที่สุดรัฐบาลนั้นก็ต้องล้มครืนลง อันควรจะเป็นบทเรียนเพื่อไม่เอาเยี่ยงเอาอย่างสืบไป
กระบวนการดูด ในวงจรอุบาทว์ทางการเมืองนั้น ได้พัฒนาไปอีกขั้นใหญ่ คือ นอกจากดูด สส. ดูดนายทุนพรรคทั้งหลายแล้ว ยังยกระดับไปถึงขั้นดูดพรรคการเมืองด้วยกัน ซึ่งได้ดูดกันไปหลายพรรค จนเกือบจะหมด คงเหลือแต่พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเล็กพรรคน้อยบางพรรค
สำหรับพรรคเล็กพรรคน้อยนั้น แม้ยังไม่ถึงขั้นถูกดูดไปรวมพรรค แต่ก็สูญสิ้นอิสรภาพแก่ตัว ไม่ต่างกับวัวควายที่ถูกเขาต้อนไปเข้าคอก และประพฤติตนเป็นอย่างเดียวกับวัวควายอยู่ในคอก
ดังนั้น วงจรอุบาทว์การดูดทางการเมือง จึงเป็นมะเร็งร้ายทางการเมืองของประเทศ ที่ทำลายระบอบประชาธิปไตยอย่างย่อยยับ ทำลายคุณธรรมศีลธรรมอย่างย่อยยับ จนกระทั่งเป็นที่ชิงชังรังเกียจของประชาชนทั้งประเทศ
วงจรอุบาทว์แห่งการดูดนั้น ได้ก่อให้เกิดความแตกแยกร้าวฉานใหญ่ที่สุด จนหวุดหวิดจนจะเกิดเป็นสงครามกลางเมืองเกือบหลายครั้ง โชคดีที่ว่าประเทศไทยนั้นแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ พระสยามเทวาธิราชมีจริง จึงปัดป้องผองภัยร้ายแรงให้สร่างคลายไปหลายครั้งหลายหน
แม้กระนั้น ความรุนแรงของสถานการณ์ก็ได้บีบคั้น ให้เกิดการยึดอำนาจต่อเนื่องมาแล้วถึง 2 ครั้ง และในครั้งวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 นั้น คนทั้งหลายก็หวังว่า จะมีการปฏิรูปใหญ่ประเทศไทยหลังจากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง โดยมีประชาชนกว่า 11 ล้านคน เข้าร่วมชุมนุนเดินขบวนเข้าพื้นที่ต่างๆ ซึ่งต้องถือว่าเป็นการแสดงออกของประชาชนครั้งใหญ่ที่สุด
นั้นคือประชาชนต้องการให้มีการปฏิรูปทางการเมืองให้แล้วเสร็จก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง และหลังจากยึดอำนาจแล้ว ปรากฏการณ์ทั้งหลายก็ส่อไปทางที่จะเกิดการปฏิรูปขึ้นตามความปรารถนาของปวงชน
แต่ในที่สุดก็ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง สภาปฏิรูปกลายเป็นสภามายากลและหมดสภาพไปอย่างอเนจอนาถและมาถึงวันนี้ก็ไม่มีการปฏิรูปใดๆ เกิดขึ้น สร้างความผิดหวังให้แก่ประชาชาติไทยครั้งสำคัญที่สุดอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งวันหนึ่งจะต้องคอยติดตามดูว่าประวัติศาสตร์จะตราหน้าใครว่าคือผู้ทรยศต่อประชาชน
มาถึงวันนี้ ไม่เพียงแต่การปฏิรูปใหญ่ประเทศไทยตายซากไปแล้ว ยังปรากฏว่าวงจรอุบาทว์การดูดทางการเมืองกำลังฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ประดุจดังผีดิบที่กำลังจะคืนชีพขึ้นมาสูบเลือดกินเนื้อประชาชนเหมือนอดีตอีกครั้งหนึ่ง
น่าห่วงใยว่าประเทศชาติ ที่บอบซ้ำมาเกือบ 15 ปีแล้ว ไฉนความซวยจึงไม่หมดสิ้นไปเสียที และเห็นทีว่าจะต้องทำบุญประเทศล้างซวยครั้งใหญ่เสียแล้ว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี