นับเป็นข่าวที่อาจจะเรียกได้ว่าค่อนข้างเศร้ามาก เมื่อเห็นข่าวเด็กไทยชนะการแข่งขัน Physics Olympic International ครั้งล่าสุด ซึ่งจัดที่กรุงลิสบอน โปรตุเกส โดยเด็กไทยได้รางวัลเหรียญทอง 1 เหรียญ และเหรียญเงิน 4 เหรียญ แต่ทว่าข่าวดีสุดวิเศษเช่นนี้กลับถูกรัฐบาลไทยมองข้ามไป ราวกับว่าข่าวดีเช่นนี้ไม่มีอะไรสลักสำคัญแม้แต่น้อย
แต่เมื่อนำข่าวนี้ไปเปรียบเทียบกับข่าวประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดประกวดนางงามจักรวาล กลับพบว่ารัฐบาลไทยให้ความสำคัญมากมาย ถึงกับเชิญผู้ชนะการประกวดหลายคน รวมถึงคณะผู้จัดงานประกวดไปแสดงความชื่นชมที่ทำเนียบรัฐบาล
เมื่อเห็นข่าวทั้งสองนี้ได้รับความสำคัญจากผู้นำการเมืองของประเทศในระดับที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงเช่นนี้ ก็ทำให้วิญญูชนในสังคมไทยเกิดคำถามตามมาว่า ตกลงแล้วประเทศไทยจะก้าวไปสู่ความเป็นประเทศ 4.0 ได้อย่างไร แล้วที่รัฐบาลโฆษณา (ซึ่งคนจำนวนไม่น้อยมองว่าเป็นการโฆษณาชวนเชื่อ) ว่าจะทำให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลางแล้วพัฒนาขึ้นเป็นประเทศที่มีรายได้สูง จะบังเกิดเป็นความจริงได้ในศตวรรษไหน
น่าอัศจรรย์ใจมากที่ทั้งกระทรวงศึกษาธิการและรัฐบาลไทยไม่ได้รู้สึกตื่นเต้น และไม่ได้แสดงความยินดีแต่อย่างใดกับความสำเร็จของเด็กไทยทั้งห้าคน รวมถึงคณะครูอาจารย์ผู้ให้การดูแลอบรมสั่งสอนเด็กกลุ่มนี้
เด็กไทยที่ได้รางวัลเหรียญทองในครั้งนี้คือ นายอัครวิศว์ นาคประเสริฐ จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ส่วนอีกสี่คนที่ได้รางวัลเหรียญเงินคือ นายพชรพล ลีนุเกียรติ์ และนายญาณวรุตม์พาราทิพย์เจริญชัย จากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา นายอิทธิพัทธ์พล ชัยพัฒนาการ จากโรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์ นครปฐม นายลภัสเปรมเจริญ จากโรงเรียนกำเนิดวิทย์ ระยอง ส่วนอาจารย์ประจำทีมคือ นายพิเชษฐ กิจธารา และนายธารา เฉลิมทรงศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยมหิดล นายมนต์สิทธิ์ ธนสิทธิโกศล จาก มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า ธนบุรี และนายกฤษชพล ทิวพุดซา จากสถาบันส่งเสริมการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
เป็นความจริงที่ว่าประเทศไทยให้ความสำคัญกับงบประมาณด้านการวิจัยและพัฒนาไม่มาก เท่าที่สามารถค้นหาตัวเลขที่ชัดเจนในเรื่องนี้ได้ พบว่าค่าใช้จ่ายทางการวิจัยและพัฒนาต่อประชากร 1 คน อยู่ที่ 638 บาท ส่วนร้อยละของงบประมาณแผ่นดินเพื่อการวิจัยและพัฒนาต่อค่าใช้จ่ายทางการวิจัยและพัฒนาของประเทศทั้งหมด คือ 38 เมื่อลงไปดูสัดส่วนของทุนวิจัยที่มาจากงบประมาณแผ่นดินเทียบกับทุนวิจัยที่ไม่ได้มาจากงบประมาณแผ่นดิน อยู่ที่ 38 ต่อ 62 (อ้างอิงจากดัชนีการวิจัยและพัฒนาของประเทศไทย ปี 2554 ค่าใช้จ่ายทางการวิจัยและพัฒนาของประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ) ขออภัยที่อ้างอิงข้อมูลจากสภาพัฒน์ ที่ดูเหมือนจะเก่ามากเกินไป แต่ทว่าไม่สามารถหาตัวเลขอ้างอิงที่ใหม่กว่านี้ได้
เมื่อดูจากตัวเลขอ้างอิงดังกล่าวแล้ว ก็ทำให้ได้แต่สะท้อนใจกับงบการวิจัยและพัฒนาของประเทศไทย แต่อย่างไรก็ตามผู้เขียนพยายามจะเชื่อเอาเองว่างบด้านนี้ในยุคปัจจุบันน่าจะมากกว่าเดิม แต่ต่อให้มากกว่าเดิมสักเท่าใด ก็คงไม่มีวันมากกว่างบประมาณการจัดซื้ออาวุธของกองทัพไทย
ตราบที่ประเทศไทยยังให้ความสำคัญกับการประกวดนางงาม และยังทุ่มงบฯ ให้กับการซื้ออาวุธสงครามมากกว่าการให้ความสำคัญกับเด็กไทยที่ชนะการแข่งขันด้านวิชาการในระดับสากล ก็คงไม่ต้องหวังอีกต่อไปว่าประเทศไทยจะก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลาง และไม่ต้องหวังจะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี