“แสนเสียดายนันทาที่น่ารัก
ชะล่านัก วิ่งออก นอกถนน
มัวแต่เพลิน ปลาบปลื้ม จนลืมตน
ถูกรถยนต์ แล่นทับ ดับชีวา”
จากหนังสือแบบเรียนเร็วของเด็กสมัยหนึ่ง
เป็นแบบเรียนเร็วที่สอนเด็กไม่ให้ซ่าเกินเหตุ โดยยกนิทานเรื่องไก่ตัวหนึ่งที่ชื่อ “นันทา” มาเป็นตัวอย่าง โดยไก่ตัวนี้มีท่าทางคึกคะนอง เดินกระพือปีกไปทางโน้นทางนี้จนหลุดประตูรั้วบ้านออกไปกลางถนน และถูกรถยนต์ทับตาย
ยกเรื่องอย่างนี้มาพูด ก็เพราะขณะนี้มีพฤติการณ์อย่างนี้ที่ดูๆแล้ว จะเกิดเหตุการณ์อย่าง “ไก่นันทา” ตัวนี้ดังคำกลอนที่ว่า
“น่าสงสาร รัฐประหาร คราวนี้นัก
ชะล่าหนัก อยากอยู่ต่อ ขออีกหน
เที่ยวดูดลัก คนหลายพรรค เป็นของตน
ประชาชน ทนไม่ไหว ไล่กระเจิง”
รัฐประหารคราวนี้จะเสียของอีกก็เพราะเรื่องอย่างคำกลอน (แต่งเอง) ข้างต้นนี่แหละ ทั้งๆที่เมื่อตอนถือปืนเข้ามาไล่พวกที่บริหารบ้านเมืองไม่ได้ท่า เดือดร้อนกันไปหมดนั้น ผู้คนเห็นดีเห็นงามด้วยเป็นส่วนใหญ่ แต่สี่ปีผ่านพ้นไปจนย่างเข้าปีที่ห้าในขณะนี้ที่มีปืนมาจัดการอย่างที่เห็นในขณะนี้ เสียงเชียร์ของผู้คนอย่างในตอนต้นแทบไม่ได้ยิน จากพฤติกรรมดังคำกลอน (แต่งเอง) ข้างต้น ความศรัทธาเชื่อถืออย่างที่เคยมีจางหายไปแทบหมดสิ้น
นอกจากพวกสมุนบริวารที่ประจบสอพลอ อยู่รอบตัว
ความตื่นตัวของประชาชนในบ้านเมืองขณะนี้ ปรากฏให้เห็นมากขึ้นในรูปแบบต่างๆ ในลักษณะของการเรียกร้องในเรื่องนั้นเรื่องนี้เพื่อการแก้ไขปัญหาให้ตรงเป้า โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวกับวิถีชีวิตความเป็นอยู่ในแต่ละวันของตน ซึ่งขณะนี้ทรุดหนักลงไปเรื่อยๆ
โดยเฉพาะผลประโยชน์แอบแฝงในหมู่พวกคนถือปืน ซึ่งมีกุศโลบายหลายอย่างหลอกใช้คนมีอำนาจให้ทำอย่างโน้นอย่างนี้ในการสืบทอดอำนาจให้ยืดยาวออกไป เช่น การ “ตั้งพรรคการเมือง” ขึ้นสนับสนุนในวันข้างหน้า เป็นต้น อย่างที่เห็นๆกันอยู่ในขณะนี้
เรื่องการตั้งพรรคการเมืองขึ้นนั้นไม่มีใครว่า แต่เรื่องที่ไปเที่ยวดูด เที่ยวตอด คนของพรรคการเมืองอื่นๆมาใช้นี่สิที่ไม่เป็นสิ่งบังควร โดยเฉพาะจากพรรคการเมืองที่เคยสร้างความเสียหายให้บ้านเมืองมาแล้วอย่างมากมายในอดีต
คนที่กำลังถืออำนาจรัฐในขณะนี้เป็นทหาร ที่เข้าสู่อำนาจรัฐด้วยการทำรัฐประหาร ส่วนพวกที่เข้ามาเกาะแข้งเกาะขาห้อมล้อมอยู่มากหน้าหลายตาก็เป็นคนหลายประเภท ซึ่งมีทั้งพวกนักวิชาการ หรือพวกที่รับเชิญเข้ามาร่วมทำงาน ซึ่งมีทั้งคนดีและคนไม่ดี
คนที่เป็นทหารนั้น ความรู้ทางการเมืองคงมีน้อย เพราะไม่ได้เล่าเรียนมาเป็นการเฉพาะ และสำหรับพวกนักวิชาการนั้น ถ้าเล่าเรียนมาในวิชาการที่เกี่ยวกับการเมืองการปกครอง ก็ย่อมมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องของการเมืองการปกครองดีกว่านักวิชาการสายอื่นๆ ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา แต่ความสำคัญทั้งหลายแหล่นั้นอยู่ที่การใช้ความรู้ที่มีอยู่ไปในทิศทางไหนต่างหาก
ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลนั้นๆ ว่าเป็นคนดีหรือไม่ดี เป็นคนที่ใช้วิชาความรู้ไปในทางที่ชอบธรรม หรือใช้ความฉลาดจากความรู้ไปในทิศทางที่ไม่คำนึงถึงความถูกต้องชอบธรรม หรือใช้เพื่อประโยชน์ตนและพรรคพวก หรือเพื่อเอาใจคนสั่งที่มีอำนาจ
การใช้ความฉลาดไปในทางที่ไม่คำนึงถึงความดีงามของส่วนรวม หรือไม่คำนึงถึงความถูกต้องชอบธรรมนี่แหละ หรือไม่คำนึงถึงความถูกต้องชอบธรรมนี่แหละที่เป็นการใช้ความฉลาดแบบวิปริต จะทำให้ประเทศชาติบ้านเมืองในส่วนรวมเกิดความวิกฤติ และความวินาศตามมา
การทำงานทางการเมืองนั้น ไม่เหมือนกับการทำธุรกิจหรือค้าขาย เพราะถ้าลงทุนผิด หรือบริหารจัดการผิด ความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้น หรือต้องล้มละลายลงนั้น ก็จะเสียหาย หรือล้มละลายเฉพาะตัวเองเท่านั้น แต่การทำงานทางการเมืองนั้น ถ้าทำการเมืองผิดหรือทำโดยปราศจากความรู้ทางการเมืองแล้ว ไม่เพียงแต่ตัวเองจะล่มจมเท่านั้น หากแต่ยังทำให้ประเทศชาติบ้านเมือง และประชาชน ต้องล่มจม วินาศ ย่อยยับไปด้วย
การทำงานทางการเมืองจึงเป็นภารกิจสำคัญยิ่งของผู้ที่ต้องเข้ามารับผิดชอบในบ้านเมือง ไม่ว่าผู้นั้นจะเข้ามาตามระบบหรือกระบวนการที่วางไว้ หรือผู้ที่ได้อำนาจมาจากการปฏิวัติรัฐประหาร
ผู้ที่ได้อำนาจรัฐไปถือ และใช้อำนาจรัฐที่ได้มาโดยไม่คิดหรือคำนึงถึงเรื่องดังกล่าว บั้นปลายของชีวิตผู้นั้นจะจบไม่สวยสักราย ดังที่ปรากฏให้เห็นมาแล้วหลายคน
หลักวิชาต่างๆนั้นไม่ได้เกิดขึ้น หรือกำหนดขึ้นจากผู้ใด แต่มาจากปรากฏการณ์แห่งความเป็นจริงที่มีอยู่ในธรรมชาติ และหลักวิชาการเป็นเครื่องตัดสินความถูกหรือความผิดของ “นโยบาย” ที่กำหนดขึ้น ถ้าหลักวิชาหรือความเห็น หรือนโยบาย ขัดแย้งกับหลักวิชาแล้ว ก็ต้องยึดหลักวิชาเป็นหลัก เพราะนโยบายนั้นกำหนดขึ้นจากความต้องการของมนุษย์ ที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา และไม่แน่นอนว่าจะถูกต้องเสมอไป
แต่สำหรับหลักวิชาแล้วถูกต้องเสมอไป
นำไปใช้ในการแก้ไขปัญหาอย่างถูกต้องอีกด้วย
การอยากอยู่ในอำนาจต่อไปต้องรู้จักนึกถึงเรื่องอย่างนี้อย่าชะล่าใจ เพราะจะเป็นเหมือน “ไก่นันทา” ตัวนั้น
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี