ประเทศไทยประสบปัญหาการใช้น้ำมันและก๊าซเป็นพลังงานในการขับเคลื่อนยานยนต์มาเป็นระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 60 ปี เนื่องจากน้ำมันและก๊าซเป็นต้นทุนที่มีราคาสูงส่งผลกับภาวะเศรษฐกิจและเป็นต้นทุนการขนส่งของประเทศทำให้ต้องเสียเงินตราออกไปซื้อเชื้อเพลิงเป็นจำนวนมหาศาลแต่ในปัจจุบันอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าของโลกได้มีความก้าวหน้าเพิ่มมากขึ้นทำให้ต้นทุนในการเดินทางและขนส่งถูกลงกว่าการใช้น้ำมันและเป็นการทำให้ชาติผู้ผลิตน้ำมันไม่กล้าขึ้นราคา
ปัจจุบันทิศทางและเทคโนโลยีผลิตรถยนต์ได้มีการเปลี่ยนผ่านจากรถยนต์ที่ใช้ระบบสันดาบภายในไปสู่รถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ซึ่งการเปลี่ยนผ่านนี้ทำให้มีผลกระทบในวงกว้างต่ออุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศเพราะไทยเป็นฐานในการผลิตรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ที่สำคัญติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลกและผลิตรถยนต์ได้มากกว่าปีละ 2 ล้านคัน ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้ไทยต้องหันมาพัฒนาการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าให้มากขึ้นโดยเร็ว
ขณะนี้เทคโนโลยีในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วเป็นอย่างมากจากเดิมต้นทุนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสูงกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมันและก๊าซมากกลับเป็นมีต้นทุนในราคาที่ไล่เลี่ยกันต้นทุนในการผลิตแบตเตอรี่เริ่มลดลงเรื่อยๆ ส่งผลให้ความแตกต่างในเรื่องราคารถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้ากับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันมาเท่ากันแล้วในตลาดโลกนั้นธนาคารเจพีมอร์แกนของสหรัฐอเมริกาได้คาดการณ์ไว้ว่าปี 2025 ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกจะสูงถึงร้อยละ 35
ปี 2040 ยอดรถยนต์ไฟฟ้าจะมากกว่าร้อยละ 60 หรือมากกว่าในขณะที่ปีนี้ 2018 มีการระบุว่าจีนตลาดใหญ่ของยานยนต์มีการผลิตและใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มถึง 1 เท่าตัวในขณะที่เกาหลีใต้ สวีเดน สหราชอาณาจักร แคนาดา ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา ฯลฯ ก็มีการใช้รถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นจำนวนหลายแสนคัน
สำหรับประเทศไทยนั้นมียอดรถยนต์ไฮบริดประมาณ 1 แสนคันและรถไฟฟ้า 100 คัน ในสิ้นปีที่แล้วปีนี้คาดว่าปริมาณรถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้าจะเพิ่มมากขึ้นและมีสถานีจ่ายไฟฟ้าให้รถยนต์ในประเทศไทยประมาณ 1,000 แห่งในปีนี้และมีมติครม.ของไทยในวันที่ 28 มีนาคม 2560 ที่มีมาตรการส่งเสริมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบทำให้อุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ก้าวไปข้างหน้าอย่างทันกับสถานการณ์ของตลาดโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
เป็นที่คาดหมายว่าเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าจะเข้ามาแทนที่รถยนต์ที่ใช้พลังงานน้ำมันและก๊าซอย่างรวดเร็วในขณะนี้ไทยมีมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อสร้างอุปทานเพิ่มในตลาด มาตรการกระตุ้นตลาดในประเทศ การเตรียมความพร้อมในโครงสร้างพื้นฐานการผลิต การจัดทำมาตรฐานรถยนต์ไฟฟ้าและการบริหารจัดการเก็บและทำลายแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าที่จะต้องมีเพิ่มมากขึ้นจากเดิมหลายเท่า
อุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าของไทยกำลังมีความสำคัญเพิ่มมากขึ้นซึ่งทั้งภาครัฐบาลและภาคเอกชนต้องเตรียมการรองรับให้ทันกับเหตุการณ์ที่สำคัญโดยเฉพาะการเปลี่ยนผ่านจากโครงสร้างอุตสาหกรรมรถยนต์ที่ใช้น้ำมันและก๊าซมาเป็นอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ซึ่งเชื่อว่าจะใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีต่อจากปีนี้เป็นต้นไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี