nn เป็นช่วงเวลาเขย่าขวัญภาวะเศรษฐกิจโลกอีกครั้ง....ในการประชุม G20 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา ในเดือนหน้า...เพราะหากว่าหากการเจรจาระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้น ผิง...ล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการค้าระหว่างกัน....สหรัฐก็จะประกาศ...เรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนครั้งใหม่ในวงเงิน 2.57 แสนล้านดอลลาร์...เพิ่มเติมจากที่เรียกเก็บภาษีสินค้าวงเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์ และ 2 แสนล้านดอลลาร์ก่อนหน้านี้....และเมื่อเป็นเช่นนี้เอาหัวเป็นประกันว่า...รัฐบาลจีนก็จะตอบโต้ทันทีทันใดเช่นกันด้วยการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐเพิ่มขึ้นอีกจากที่เก็บไปแล้วก่อนหน้านี้
6 พันกว่ารายการ...ซึ่งนั่นก็แปลว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนก็จะขยายวงกว้างมากขึ้น...กระทบต่อมูลค่าการค้าโลกให้ทรุดตัวหนักขึ้นอีก....
สำหรับประเทศไทยหลายส่วนงานภาครัฐ โดยเฉพาะหน่วยงานด้านเศรษฐกิจ เช่น กระทรวงพาณิชย์...ที่ไม่อยากพูดอะไรร้ายๆช่วงนี้เพราะเกรงว่ารัฐบาลอาจจะไม่พอใจ....ก็มักจะบอกว่า ณ ช่วงเวลานี้เรื่องของสงครามการค้ายังอาจจะไม่ส่งผลกระทบต่อไทยมากนักหรือบางโอกาสยังอาจจะส่งผลดีต่อสินค้าไทยด้วยซ้ำไป...!! ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันทำไมต้องมองอะไรแบบ “โลกสวย” ขนาดนี้...
เอาเป็นว่าอย่าไปเชื่อหรือสนใจกระทรวงพาณิชย์มากนักเลย...!! พายุใหญ่ตรงหน้ากำลังจะมา...ในเมื่อสหรัฐกำลังเล่นงานจีนอย่างหนักหน่วง...โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเหล็กจากจีนที่เป็นเป้าหมายใหญ่ของสหรัฐ...อุตสาหกรรมเหล็กไทยและอาเซียน...ก็เริ่มตกที่นั่งลำบากหนักขึ้น....เพราะรัฐบาลจีนกำลังดิ้นหนีตาย....เพราะตลาดหลัก คือ อเมริกาและยุโรป....กำลังเจอทางตัน...รัฐบาลจีนจึงออกมาประกาศอุดหนุนผู้ส่งออก โดยปรับโครงสร้างการคืนภาษีสินค้าส่งออกสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสินค้าเหล็ก จำนวน 85 รายการ เช่น สินค้าเหล็กแผ่นรีดเย็นที่มีความหนามากกว่า 3 มม. ที่มีค่า Yield Strength > 355 นิวตัน/มม. 2 ปรับเพิ่มอัตราการคืนภาษีจาก 9% เป็น 13% หรือ เหล็กเคลือบสีที่มีความกว้างน้อยกว่า 600 มม. ปรับเพิ่มอัตราการคืนภาษีจาก 0 เป็น 9% หรือท่อเหล็กและท่อเหล็กหล่อบางส่วนได้เพิ่มอัตราการคืนภาษีจาก 9% เป็น 13%
เมื่อเป็นเช่นนี้แน่นอนว่าเหล็กจากจีนก็จะทะลักเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้นอีก...และจะมากที่สุดในกลุ่มประเทศอาเซียนด้วยทั้งนี้ก็เพราะว่าประเทศไทยถือว่ามีกำแพงปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศที่อ่อนแอมากที่สุดเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ไม่ว่าจะเป็นอินโดนีเซีย มาเลเซีย ซึ่งเป็นผู้บริโภคเหล็กรายใหญ่ของอาเซียน...
ปัจจุบัน ไทยใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด(เอดี)กับเหล็กจากจีนอยู่ 12 รายการ...แต่รอบนี้รัฐบาลจีน ให้การอุดหนุนภาษีเหล็กมากถึง 85 รายการ...ซึ่งหากว่าเหล็กจากจีนที่เข้ามาทุ่มตลาด เป็นสินค้าในกลุ่ม 12 รายการเดิม....ผู้ผลิตก็สามารถร้องเรียนให้พิจารณาทบทวนอัตราอากรเอดีได้...และก็อาจจะเรียกเก็บเพิ่มขึ้น หรือก็อาจใช้มาตรการป้องกันการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น (เซฟการ์ด) ได้เพื่อสกัดการนำเข้า....
!! แต่ถ้าเป็นเหล็กรายการใหม่....แม้ว่าผู้ผลิตในประเทศจะสามารถยื่นเรื่องเข้าไปร้องเรียนได้ก็ตาม...แต่ปัญหาอยู่ที่...กว่าที่จะมีผลบังคับใช้...ไม่ว่าเป็น AD หรือ เซฟการ์ด...ก็ต้องใช้เวลานานร่วมปี....อันนี้แหละปัญหา...ส่วนที่จะหันไปใช้มาตรการที่หยิบมาใช้ได้ไวหน่อย อย่างเช่น...เซอร์ชาร์ท...อันนี้ก็ติดที่กระทรวงอุตสาหกรรมอีก...อ้างว่าเดี๋ยวจะถูก WTO ตำหนิเอาได้...หากไทยหยิบเอามาตรการนี้มาใช้...!! ไม่รู้อะไรมันหน่อมแน้มได้ขนาดนี้...ไม่หันไปมองประเทศอื่นๆ เขาบ้างเลย...เขาตั้งกำแพงกันโครมๆ เพื่อปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ....ยังจะมัวมานั่งทำตัวเป็นเด็กดีของ WTO อยู่นั่น...!!เอ๊ะ...หรือว่าจริงๆ แล้วเป็นข้ออ้าง...เพราะจริงๆ แล้วเกรงใจ “ผู้นำเข้า”....มากกว่า....nn
กระบองเพรช
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี