เหลือบไปเห็นค่ายมือถือ “ดีแทค” ยิงสลุดสปอตโฆษณาออกมาถี่ยิบ “เราสัญญาว่าจะไม่หยุดค่า...” หลังคว้าคลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ไปแบบไร้คู่แข่งไปเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ดูทั้งดีแทคและ กสทช. จะตีปี๊บการประมูลลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ ครั้งนี้ ราวกับ “สามล้อถูกหวย”...ทั้งๆ ที่ก่อนประมูลนั้น กสทช. ต้องงัดมาตรการทั้งขู่ทั้งปลอบเพื่อบีบให้ “ดีแทค” เข้าประมูลคลื่นความถี่ดังกล่าวเพื่อรักษาหน้าให้ กสทช. หลังจากดำเนินการในทุกวีทางแล้วไม่มีใครเอาด้วย
จะว่าไปดีแทคนั้น ไม่มีความจำเป็นต้องไปขวนขวายประมูลคลื่นใหม่มานอนกอดให้งานเข้า เพราะแค่ที่มีอยู่ในมือเวลานี้ก็มีคลื่นในมือมากกว่าค่ายอื่นๆ อยู่แล้ว ทั้ง 1800, 2100 และยังมีคลื่น
2300 MHz ที่ไปโรมมิ่งกับทีโอทีถึง 60 เมกะเฮิรตซ์ แถมยังมีต้นทุนต่ำกว่ารายอื่นๆ อีก แต่เมื่อถูกบีบจนหน้าเขียวให้ต้องประมูลเอาคลื่น 9010 มาอย่างเสียไม่ได้ จึงทำให้สถานะของดีแทคในเวลานี้ต้องตกกระไดพลอยโจน แบกภาระค่าคลื่น (ที่แทบไม่ได้นำไปใช้งาน) ไม่ต่างจากอีก 2 ค่ายมือถือ
เรื่องของคลื่นมือถือที่แต่ละค่ายออกมาเกทับบลั๊ฟแหลกกันนั้น คงปล่อยให้เป็นเรื่องของธุรกิจที่ต้องว่ากันไป แต่ในส่วนของอนาคต “มือถือ 5จี” ที่วันวานรองนายกฯสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ จุดพลุประเทศไทยจะต้องเร่งพัฒนาผลักดันให้ 5จี เกิดขึ้นภายในปี 2563 หรือในอีก 2 ปีข้างหน้านั้น กำลังเป็นคำถามที่หลายฝ่ายสงสัย...ประเทศไทยพร้อมจะกระโจนเข้าสู่ 5จี แล้วหรือ ????
ฟากฝั่งกสทช.ดูจะกระโดดขานรับแนวคิดของรัฐบาลสุดลิ่มทิ่มประตู โดย นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)นั้นบอกว่า การเปิดตัวของ 5จี เกี่ยวข้องโดยตรงกับเทคโนโลยีอัจฉริยะ หรือ เอไอ และ IoT (Internet of thing) ที่สามารถเชื่อมโยงการทำงานของเครื่องจักร ทดแทนการใช้แรงงานคนได้ ทั้งยังเตือน 3 ภาคส่วนหลัก ที่จะได้รับผลกระทบจากการเข้ามาของ 5จี ในอนาคตอันใกล้ ได้แก่ ภาคอุตสาหกรรม เนื่องจากมีการใช้แรงงานจำนวนมาก ภาคค้าปลีก และธนาคาร เนื่องจากสามารถทำธุรกรรมทางการเงินผ่านดิจิทัลและตู้อัตโนมัติมากขึ้น โดยสิ่งที่ทั่วโลกกังวลเมื่อมีการใช้งานเอไอและไอโอที คือคนจะตกงานเฉลี่ย 10-30% เป็นข้อกังวลของสหภาพยุโรปที่พบปัญหามากที่สุดในขณะนี้
หากจะถามว่าบ้านเราพร้อมกับเทคโนโลยี 5จี แล้วหรือ เราควรจะเร่งเครื่องกระโจนเข้าสู่เทคโนโลยี 5จี ก่อนใครๆ ดั่งที่รัฐบาลปรารถนาหรือจะรอ Settle เรื่องของคลื่นความถี่ให้สะเด็ดน้ำเสียก่อนค่อยไปพิจารณา 5จี กันดีกว่ามั้ย
สำหรับผู้ที่คว่ำหวอดในวงการโทรคมนาคมแล้ว กล่าวได้ว่าหากวันนี้กสทช.นำเอาคลื่น 5จีออกประมูลภายใต้บริบทของการประมูลจัดสรรคลื่นอย่างที่เป็นอยู่ ที่รัฐและกสทช.หวังแต่จะยึดเอาค่าต๋ง-ค่าธรรมเนียมประมูลเป็นหลักแล้ว ประเทศไทยคงสิ้นหวังจะก้าวเข้าสู่ยุค 5จี แน่ เพราะการพัฒนา 5จี นั้นต้องใช้คลื่นความถี่นับ 100 เมกะขึ้นไป... ขณะที่บริบทของการจัดสรรคลื่นในบ้านเราที่ยังคงติดยึดอยู่กับการประมูลเพื่อออกใบอนุญาตที่ต้องให้บริษัทสื่อสารเอกชนจ่ายค่าคลื่นแพงระยิบนั้น ด้วยบริบทเช่นนี้คงยากที่ประเทศไทยจะไปถึงฝั่งได้ เพราะเชื่อแน่ว่าบริษัทสื่อสารเอกชนหน้าไหนก็คงไม่เอาด้วยแน่ ลำพังแค่ประมูลคลื่น 4จี วันนี้ บริษัทสื่อสารเอกชนยังถอดใจ จนเหลือคลื่นอยู่ในมือ กสทช.บานเบรอะ!
ที่ผ่านมากว่าที่ประเทศไทยจะเปิดให้บริการ 3จี และ 4จี ได้ก็ตามหลังเพื่อนบ้านเขาเป็น 5-10 ปีจนถึงขนาดลาว-เขมร ป้องปากหากไทยต้องการที่ปรึกษาก็พร้อมจะเป็นที่ปรึกษาพัฒนา 3 และ 4จี ให้เพราะเปิดให้บริการไปก่อนไทยไปหลายขุม แต่กับเทคโนโลยี 5จี ที่ยังไม่รู้หมู่หรือจ่ารัฐบาล คสช.กลับเร่งรัดจะเปิดก่อนใคร ทั้งที่เป็นเรื่องที่สุ่มเสี่ยงเป็นอย่างยิ่ง เพราะ User case ก็ยังไม่แพร่หลาย หนทางที่จะสร้าง Value Added จากตลาดนี้ก็ยังไม่มี....
ประเทศอื่นเขาถึงใช้วิธีจัดสรรคลื่นฟรีให้แก่บริษัทสื่อสารเพื่อเร่งให้เกิด หรือที่เรียกการจัดสรรคลื่นแบบ Beauty Contest ยกคลื่นฟรีให้ไปเลย แต่เมืองไทยขืน กสทช.ชงเรื่องยกคลื่น 5จี ไปให้เอกชนคงได้งานเข้า เพราะบริบทการประมูลจัดสรรคลื่นของกสทช.วันนี้ยังติดยึดอยู่กับเกณฑ์ค่าต๋งเข้ารัฐสูงสุดเป็นเกณฑ์ นักวิชาการบ้านเรายังคงติดอยู่กับรูปแบบเดิม ประเภทจะเที่ยวไปยกคลื่นความถี่ให้บริษัทสื่อสารรายไหนไปฟรีๆนั้นเป็นไปไม่ได้แน่นอน จริงไม่จริง!!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี