บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เคจีไอ(ประเทศไทย)วิเคราะห์หุ้นบริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น หรือ TICON การที่บริษัทเปลี่ยนปีบัญชีจากเดิมสิ้นสุดเดือนธันวาคม มาเป็นสิ้นสุดเดือนกันยายน และอัพเดตแผนธุรกิจทำให้เราปรับสมมุติฐานและประมาณการกำไรของบริษัท เราคาดว่ากำไรTICON จะโต 11.0% CAGR ในช่วงสามปีข้างหน้า (FY2562-64) จาก occupancy rate ที่เพิ่มขึ้นของโรงงานสำเร็จรูป(Ready-to-Built Factory: RBF) และโกดังสำเร็จรูป (Ready-to-Built Warehouse: RBW) รวมถึง การขยายโกดังประเภท built-to-suit warehouse (BTS) ด้วย การที่บริษัทมีที่ดินเปล่าจำนวนมาก (1,500 ไร่ จากทั้งหมด 3,800 ไร่) ในเขต EEC จะเป็นโอกาสให้บริษัทสามารถตอบสนองต่ออุปสงค์ที่รออยู่ข้างหน้าได้ ในขณะเดียวกัน งบดุลของบริษัทก็แข็งแกร่ง โดยมีสัดส่วนหนี้ที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนต่ำเพียงแต่ 0.6X ซึ่งจะช่วยลดความกังวลในกรณีที่บริษัทต้องก่อหนี้เพิ่มขึ้น
เราคาดว่าธุรกิจให้เช่าจะโต 16% ในปี FY2562 (บริษัทตั้งเป้าไว้ที่ 15%) ตาม occupancy rate ที่เพิ่มขึ้นของ RBF และ RBW หลังจากที่เพิ่มขึ้นจาก 55% ในเดือนกันยายน 2560 เป็น 65% ในเดือนกันยายน 2561 เราคาดว่า occupancy rate ของ RBF และ RBW จะเพิ่มเป็น 77%, 86% และ 91% ในอีกสามปีข้างหน้า (มีพื้นที่ปล่อยเช่ารวม1.1 ล้าน ตรม.) ขณะเดียวกัน เราคาดว่า platform โกดังแบบ built-to-suit จะสร้างรายได้ให้บริษัทในปี FY2564 เนื่องจากใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 9-12 เดือน เราใช้สมมุติฐานพื้นที่ปล่อยเช่าใหม่ (เฉพาะ built-to-suit) ที่ 100,000 ตร.ม./ปี
การมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่าง Fraser Property limited ซึ่งชำนาญในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในหลายๆ ประเทศจะช่วยสร้างเครือข่ายที่แข็งแกร่ง พร้อมๆ กับการถ่ายโอนความรู้ให้กับ TICON ทั้งนี้ การเข้าสู่ตลาด data center (ด้วยการเข้าเป็นพันธมิตรกับ STTelemedia Global Data Centers) และการขยาย platform ไปสู่บริการที่เกี่ยวข้อง (อย่างเช่นการเข้าเป็นพันธมิตรกับ JustCo เพื่อดำเนินกิจการ Co-working office) จะเป็นการขยายฐานลูกค้าซึ่งจะทำให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน แต่อย่างไรก็ตามต้องอาศัยเวลาอีกระยะหนึ่งในการพัฒนา
เรามองว่า platform ธุรกิจของบริษัท และการผนึกกำลังกับพันธิตรที่แข็งแกร่งน่าจะช่วยสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับบริษัทได้ แต่ต้องเริ่มจากการวางรากฐานที่แข็งแกร่งซึ่งต้องใช้เวลา เราคาดว่าช่วงปี FY2562-FY2563 จะเป็นช่วงของการสร้างรากฐานที่มั่นคง และกว่าจะเริ่มเก็บเกี่ยวได้ก็น่าจะเป็นช่วงปลาย FY2563 เป็นอย่างเร็ว
ทั้งนี้ เนื่องจากเหลือ upside ถึงราคาเป้าหมาย DCF ของเราที่ 16.7 บาท อีกไม่มากแล้ว เราจึงปรับลดคำแนะนำหุ้น TICON จาก “ซื้อ” เป็น “ถือ” แนะนำให้จับตาดูว่าการพัฒนา platform ธุรกิจใหม่ของบริษัทจะทำได้เร็วแค่ไหน
ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitical risk), เศรษฐกิจชะลอตัว, ภัยธรรมชาติ, การกระจุกตัวของกลุ่มอุตสาหกรรม, เงินทุนไม่พอเพียง, สัญญาระยะสั้นหมดอายุ
ที่มา : บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี