เป็นอีกหนึ่งครั้งที่ “หมุนตามทุน” ได้รับเกียรติจากท่านอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ...ที่ออกมาแถลงข่าวชี้แจงเรื่อง... คณะกรรมการพิจารณามาตรการปกป้อง (คปป.) ขยายเวลาในการใช้มาตรการปกป้อง (เซฟการ์ด) จากการนำเข้าสินค้าเหล็กแผ่นรีดร้อนเจืออื่นๆ ชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน ที่เพิ่มขึ้น...หลังจากที่ “หมุนตามทุน” ได้นำเสนอไปเมื่อสัปดาห์ก่อน...
สรุปสาระสำคัญของเหตุผลที่ คปป.ได้มีมติออกมาอย่างนั้นตามที่ท่านอดุลย์ได้แถลงข่าวก็คือ...” ไม่มีความจำเป็นต้องขยายเวลาการบังคับใช้มาตรการปกป้องดังกล่าวออกไปอีก เพราะมีผลการไต่สวนออกมาชัดเจนว่า ปริมาณการนำเข้าของสินค้าที่ถูกไต่สวนมีแนวโน้มลดลงส่วนแบ่งตลาดสินค้านำเข้าลดลง ขณะที่ อุตสาหกรรมภายในประเทศมียอดขายและการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นในปี 2560 และปี 2561 ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีก ส่วนผลกระทบจากสินค้านำเข้า พบว่า มีผลการขาดทุนลดลง และในด้านการจ้างงาน มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น และไม่พบความเสียหายอย่างร้ายแรงที่เกิดแก่อุตสาหกรรมภายในประเทศ อันเนื่องมาจากการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น...การพิจารณาใช้มาตรการปกป้องฯ หากประเทศใดประเทศหนึ่งมีการใช้มาตรการและมีการต่ออายุมาตรการออกไปอีก ประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการใช้มาตรการสามารถที่จะยื่นขอเจรจา เพื่อให้ชดเชยความเสียหาย ซึ่งกรณีของไทย หากมีการต่ออายุการใช้มาตรการ ประเทศคู่ค้าที่เห็นว่าได้รับผลกระทบ ก็จะยื่นขอเจรจาเพื่อให้ไทยชดเชยได้ เช่น การเพิ่มโควตานำเข้า หรืออื่นๆ ที่เห็นว่าเหมาะสม แต่หากไทยไม่ชดเชย ก็อาจจะมีผลกระทบถึงขั้นที่คู่ค้าจะพิจารณาใช้มาตรการตอบโต้ทางการค้าได้ และมาตรการตอบโต้นี้อาจจะไม่ใช่กับอุตสาหกรรมเหล็ก แต่อาจจะดำเนินการกับอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น การปรับขึ้นภาษีกับสินค้าส่งออกอื่นๆ ของไทย เป็นต้น ทำให้อุตสาหกรรมที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอาจได้รับผลกระทบอย่างไม่เป็นธรรมและไม่สามารถเยียวยาได้”
!! ครับผม...รับทราบครับ...และขอขอบคุณครับท่านอธิบดี....แต่ถึงกระนั้น “หมุนตามทุน”ก็ยังมีคำถามอีกหลาย....ข้อแรก...เรื่องการตอบโต้จากประเทศที่ถูกใช้มาตรการ...ขณะนี้ยังไม่มีประเทศใดแสดงตนว่าจะขอชดเชย ซึ่งจริงแล้วหากมีการยื่นขอชดเชยจริง ควรจะให้เกิดการเจรจาก่อนว่าประเทศต่างๆต้องการอะไร ซึ่งอาจจะสามารถทำความตกลงกันได้ และไม่เกิดการตอบโต้ทางการค้าขึ้น…ส่วนที่ คปป.ยกตัวอย่างเรื่องของประเทศตุรกีขอชดเชยในประเด็นที่ขัดต่อกฎหมาย และการตอบโต้ที่ตุรกีดำเนินการผิด WTO ซึ่งขณะนี้อยู่ในกระบวนการฟ้อง WTO อยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ใช่ประเด็นที่จะสามารถนำมาเป็นกรณีตัวอย่างได้…ดังนั้นการที่คปป. เกรงว่าจะถูกตอบโต้....น่าจะเป็นการพิจารณาจากดุลพินิจโดยไม่พิจารณาจากข้อเท็จจริงและสถานการณ์จริงในปัจจุบัน...ซึ่งขัดต่อหลักการดำเนินการของนโยบายภาครัฐ และจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการในประเทศ ที่สำคัญการตัดสินนี้เป็นการตัดสินที่ไม่อยู่บนหลักของข้อกฎหมายใน พ.ร.บ.มาตรการปกป้องจากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น พ.ศ. 2550…!! ใช่หรือไม่ครับท่านอธิบดี
ข้อสอง...ปริมาณการนำเข้าสินค้ามีปริมาณลดลงเนื่องจากมีการบังคับใช้มาตรการ เซฟการ์ด ซึ่งเป็นเรื่องปกติ และหมายถึงมาตรการมีประสิทธิภาพ แต่หากไม่มีมาตรการปริมาณการนำเข้าจะกลับมาสูงขึ้น และคาดว่าจะสูงกว่าก่อนมีมาตรการ เซฟการ์ด เนื่องจากขณะนี้มีสงครามทางการค้า ประเทศต่างๆ ประกาศมาตรการ เซฟการ์ด คุ้มครองผู้ผลิตในประเทศมากมาย เช่น EU ใช้มาตรการ SG 28 สินค้า ตุรกี 10 สินค้า แคนาดา 6 สินค้า ซึ่งไม่เคยมีปรากฏการณ์เช่นนี้มาก่อน (มีแต่ประเทศไทยที่พยายามยุติมาตรการทั้งๆ ที่ต่างประเทศพยายามใช้มาตรการเพื่อคุ้มครองอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศ) ดังนั้นสินค้าที่ไม่สามารถเข้าสู่ประเทศต่างๆ ได้จะไหลทะลักเข้ามาสู่ประเทศไทยแน่นอน...!! “หมุนตามทุน”คิดถูกไหมครับ...
ข้อสาม...การที่ผู้ผลิตในประเทศไม่เสียหายอย่างร้ายแรงเนื่องจากขณะนี้มามาตรการ เซฟการ์ดคุ้มครองอยู่ และเป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายที่ต้องการให้ผู้ผลิตในประเทศมีเวลาปรับตัว
แต่หากไม่มีมาตรการ เซฟการ์ด ผู้ผลิตในประเทศได้รับผลกระทบอย่างร้ายแรงจากการไหลทะลักของสินค้านำเข้าอย่างแน่นอนและไม่มีโอกาสได้ปรับตัวแข่งขันกับสินค้านำเข้าอีก ซึ่งขัดต่อเจตนารมณ์ของข้อกฎหมายอย่างชัดเจน…!! จริงไหมครับท่านอธิบดี
ข้อสี่....ผลประกอบการของผู้ผลิตในประเทศปรับตัวดีขึ้นแต่ตอนนี้ยังมีผลประกอบการขาดทุนนั่นหมายถึงว่าผู้ผลิตในประเทศกำลังปรับตัวเพื่อให้สามารถแข่งขันกับสินค้านำเข้าได้ แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถแข่งขันได้จึงจำเป็นต้องดำเนินการตามแผนปรับตัวที่วางแผนไว้ต่อไปเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ ซึ่งเป็นเจตนารมณ์ตามกฎหมาย และ มีกฎหมายรองรับ (ตาม พ.ร.บ.มาตรการปกป้องจากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น พ.ศ. 2550 มาตรา 36 สามารถขยายมาตรการ เซฟการ์ด ได้ โดยผู้ผลิตในประเทศต้องอยู่ระหว่างการปรับตัวเพื่อแข่งขันกับสินค้านำเข้า)…!! ข้อนี้ก็มั่นใจว่า “หมุนตามทุน”คิดไม่ผิดนะท่านอธิบดี...
ยังไม่จบง่ายๆ แค่นี้...พรุ่งนี้ว่ากันต่อใน “โลกการค้า”...แล้วพบกันครับท่านอธิบดี.....
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี