บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เคจีไอ(ประเทศไทย)วิเคราะห์หุ้นบริษัท เมืองไทย แคปปิตอล หรือ MTC กำไรสุทธิของ MTC ใน 1Q62 อยู่ที่ 1.0 พันล้านบาท (+0.3% QoQ, +21% YoY)ซึ่งเป็นไปตามประมาณการของเรา แต่ต่ำกว่า consensus 5% ถึงแม้ว่าผลประกอบการจะเป็นไปตามที่เราคาดไว้ แต่รายได้เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดเนื่องจาก yield สินเชื่อลดลง ในขณะที่
กำไรสุทธิใน 1Q62 คิดเป็น 21.5% ของประมาณการกำไรปีนี้ของเรา ทั้งนี้ เรามองว่าโมเมนตั้มของกำไรจะเร่งตัวขึ้นในไตรมาสที่เหลือของปีจากปัจจัยฤดูกาล

yield สินเชื่อลดลง

yield อัตราผลตอบแทนของสินเชื่อลดลงต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่สี่เหลือ 21.7% (-70bps QoQ, -160bps จากระดับสูงสุดใน 2Q61) ในขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมลดลง 7% QoQ และ 8% YoY ดังนั้น yield ของสินเชื่อ (รวมรายได้ค่าธรรมเนียม) จึงลดลงถึง 90bps QoQ และ 190bps จากระดับสูงสุดใน 2Q61 ทั้งนี้ บริษัทยังคงรักษาระดับต้นทุนทางการเงินเอาไว้เท่าเดิมได้ที่ 4.1% แต่เนื่องจาก yield ของสินเชื่อลดลง
ในอัตราที่เร็วกว่าที่คาดไว้ ดังนั้น อัตราการเติบโตของรายได้รวมจึงออกมาน่าผิดหวัง และต่ำกว่าประมาณการของเรา 3.5%

การเติบโตของรายได้ต่ำกว่าสินเชื่อ

บริษัทยังคงขยายสาขาเพิ่มอีก 165 สาขา QoQ และ +806 สาขาYoY ซึ่งช่วยหนุนให้สินเชื่อโต 5% QoQ และ 30% YoY แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก yield สินเชื่อลดลงรายได้จึงเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลงที่ 2% QoQ และ 24.5% YoYทั้งนี้ MTC มีแผนจะชะลอการขยายสาขาในปี 2562-63 ลงเหลือปีละ 600 สาขา และตั้งเป้าหมายระยะยาวว่าจะมีสาขาทั้งหมด 4,500 สาขาทั่วประเทศ ดังนั้น บริษัทจึงตั้งเป้าอัตราการเติบโตของสินเชื่อไว้ที่ปีละ 30% YoY

คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น

Gross NPL ลดลงต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่สามแล้ว โดยลดลง 2.4% QoQ และ 6% จากระดับสูงสุดใน 3Q61 ส่งผลให้สัดส่วน NPL ของ MTC ลดลงเหลือ 1.04% จาก 1.3% ใน 3Q61 โดย NPLs ที่ลดลงทำให้บริษัทยังคงกำหนด credit cost ไว้ในระดับต่ำที่ 92bps (เท่ากับ 4Q61 แต่ลดลงจาก 164bps ใน 1Q61) ในขณะที่สัดส่วน NPL coverage เพิ่มขึ้นเป็น 294% (จาก 278% ใน 4Q61 และ 261% ใน 1Q61)

ถึงแม้ว่ากำไรสุทธิใน 1Q61 จะคิดเป็นแค่ 21.5% ของประมาณการกำไรปีนี้ของเรา แต่เรามองว่าโมเมนตั้มของกำไรจะเร่งตัวขึ้นในไตรมาสที่เหลือของปีนี้จากปัจจัยฤดูกาล เรายังคงประมาณการกำไรเอาไว้เท่าเดิม และคงราคาเป้าหมายเอาไว้ที่ 52.00 บาท อิงจาก P/E ที่ 23.5x เราแนะนำให้ซื้อ แต่อยากให้รอซื้อเมื่อราคาหุ้นอ่อนตัว

ความเสี่ยงจากกรณีที่มีผู้เล่นรายใหม่เพิ่มเข้ามาในตลาด และกระตุ้นให้การแข่งขันทวีความรุนแรงมากขึ้น, สินเชื่อไม่โตตามคาด

ที่มา : บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)