“รายได้ค่าธรรมเนียมลดลง”

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) วิเคราะห์หุ้น ธนาคารกรุงเทพ หรือ BBL กำไรสุทธิของ BBL ใน 2Q68 อยู่ที่ 1.18 หมื่นล้านบาท (-6% QoQ, ทรงตัว YoY) ต่ำกว่าประมาณการของเรา 2% โดยกำไรสุทธิงวด 1H68 อยู่ที่ 2.44 หมื่นล้านบาท (+9.5%) คิดเป็น 54% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา  กำไรที่ลดลง QoQ สะท้อนถึงรายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลงอย่างมากถึง 20% และ ค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้น 18% ส่วนกำไรที่ทรงตัว YoY สะท้อนถึงกำไรจากการลงทุนก้อนใหญ่ที่มาชดเชย NII ที่ลดลง

สินเชื่อทรงตัว QoQ และ เพิ่มขึ้น 1% YTD ในขณะที่ margin ลดลงตามคาด สินเชื่อทรงตัวเพราะสินเชื่อต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นหักล้างกันไปกับสินเชื่อในประเทศที่ลดลง ขณะเดียวกัน  NIM ลดลงประมาณ 8bps QoQ และ 25bps YoY ทำให้ NII ทรงตัว QoQ และ ลดลง 4% YoY ใน 2Q68 และ ลดลง 4% ในงวด 1H68

รายได้ค่าธรรมเนียมการธนาคารลดลงอย่างมากถึง 20% QoQ และ 11% YoY ใน 2Q68 และ ลดลง 1% ในงวด 1H68 จากการลดลงของค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวกับสินเชื่อ, ค่าธรรมเนียม bancassurance และ ค่าธรรมเนียมการบริหารสินทรัพย์

NPL ขยับเพิ่มขึ้นติดต่อกันมาสองไตรมาสแล้ว โดยเพิ่มขึ้น 8% QoQ ใน 2Q68 และ เพิ่มขึ้น 23% YTD ส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อที่ปรับโครงสร้างไปในไตรมาสก่อน ๆ กลับมาเป็น NPL ใหม่ ทั้งนี้ สัดส่วน NPL coverage ลดลงอย่างมากอยู่ที่ 284% ใน 2Q68 (จากระดับสูงสุดที่ 334% ใน 4Q67 และ 300% ใน 1Q68) ขณะที่ค่าใช้จ่ายสำรองฯ (credit cost) ขยับขึ้นไปสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 1.6% ใน 2Q68 (จาก 1.3% ใน 4Q67 และ 1.5% ใน 2Q67)

เราคาดว่าผลการดำเนินงานใน 2Q68 จะผันผวนมากขึ้นเพราะคุณภาพสินทรัพย์ ซึ่งจนถึงขณะนี้ ธนาคารยังคงบริหารจัดการความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ด้วยการบันทึกกำไรจากการลงทุนก้อนใหญ่มาหักล้างกัน แต่จากนี้ไป สถานการณ์ที่อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจเปราะบางอาจจะทำให้ผลการดำเนินงานของ BBL อ่อนไหวมากกว่าธนาคารอื่น ๆ  เนื่องจากกำไรในงวด 1H68 คิดเป็น 54% ของประมาณการกำไรเต็มปีของเรา ดังนั้น เราจึงยังคงคำแนะนำถือ โดยประเมินราคาเป้าหมายปี 2568F ที่ 155 บาท

ปัจจัยเสี่ยงจากNPLs และ credit cost เพิ่มขึ้น, NIM ถูกกดดัน

ที่มา..บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)