nn ในกระบวนการทำงานของรัฐบาลนอกจากการป้องและลดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) แล้ว การดูแลและเยียวยาผลกระทบ รวมทั้งมาตรการเพื่อการปรับตัวและฟื้นฟูเศรษฐกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ก็เป็นอีกประเด็นสำคัญที่ต้องดำเนินการควบคู่กันไป ดังนั้น ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน จึงได้ตั้งทีมที่ปรึกษาด้านธุรกิจภาคเอกชนขึ้นมา ซึ่งแบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ กลุ่มมาตรการเพื่อแก้ปัญหาด้วยดิจิทัล (Digital Solution) ที่มีคุณศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ในฐานะประธานสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย เป็นประธาน
ล่าสุดได้มีการประชุมหารือเกี่ยวกับมาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบ รวมทั้งมาตรการเพื่อการปรับตัวและฟื้นฟูเศรษฐกิจ จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่จัดขึ้นโดย สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์)
คุณศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ในฐานะประธานสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย ได้กล่าวภายหลังการประชุมว่า การระบาดของโควิด-19ส่งผลกระทบให้มูลค่าภาคธุรกิจลดลงอย่างมาก โดยเฉลี่ยที่ 20-30% ทำให้ต้องมีมาตรการที่ “พิเศษ”และ “รวดเร็ว” ตามความหนักเบาของผลกระทบที่เกิดขึ้นในแต่ละอุตสาหกรรม ทั้งนี้เพื่อให้เศรษฐกิจไทยขับเคลื่อนต่อไปได้ทั้งในยามนี้และหลังวิกฤติโควิด-19 โดยในส่วนของสภาดิจิทัลฯ ได้เสนอมาตรการเพื่อการแก้ไขปัญหาด้วยดิจิทัล หรือ Digital Solution ประกอบด้วย 6 ยุทธศาสตร์
1.ควบคุม ป้องกัน และรักษา ได้แก่ การการจัดทำฐานข้อมูลดิจิทัลขนาดใหญ่ของประชากรทุกคน และทุกนิติบุคคลในประเทศให้สำเร็จ รวมถึงการใช้ AI เพื่อวิเคราะห์การกระจายตัวของประชากรและผู้ติดเชื้อ ตลอดไปจนถึงการจัดทำระบบแสดงผลตามพื้นที่ Heatmap รวมไปถึง Digital Donation Platform เพื่อเป็นศูนย์กลางการบริจาคสนับสนุนทางการแพทย์และสาธารณสุข รวมทั้งรวบรวมสิ่งที่โรงพยาบาลต่างๆ ต้องการความช่วยเหลือไว้ในที่เดียว
2.ความต่อเนื่องของธุรกิจ ได้แก่ การแก้กฎหมายเพื่อรองรับ การจัด E-GOV, Digital ID,Online KYC , E-Signature, Smart Contract ให้ทดแทนกระดาษได้ เพราะปัจจุบันกฎระเบียบและกฎหมายหลายเรื่องยังไม่สามารถทำเรื่องเหล่านี้ได้ ในจังหวะที่เกิดวิกฤตินี้ควรใช้เป็นโอกาสทำให้เกิดขึ้น รวมไปถึงระบบสื่อสารและโซลูชั่น ที่รองรับการทำงาน WORK AT HOME ตลอดไปจนถึงการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลรองรับ New Normal ของการทำธุรกิจและการกลับมาเปิดตัวใหม่
3.การจ้างงานและพัฒนาคน ถือเป็นเรื่องสำคัญ ต้องมีมาตรการสนับสนุนผู้จบการศึกษาใหม่ปีละกว่า 1 ล้านคนทั่วประเทศ ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากโควิด-19 คาดว่า 80-90% อาจจะไม่มีงานทำ ทางออกคือการสร้าง ICT Talent หรือนำกลุ่มเด็กจบใหม่ที่มีความสามารถด้าน ICT ไปช่วยพัฒนาการศึกษาออนไลน์ได้ รวมไปถึงการให้ทุนแก่มหาวิทยาลัย และอาชีวะทั่วประเทศในการสร้าง New Skill ด้านดิจิทัล ด้านข้อมูล(Data) และด้าน Automation เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงหลังวิกฤติโควิด-19 ที่เชื่อว่าเศรษฐกิจและสังคมจะเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุค 4.0 เร็วขึ้น
ในส่วนของคนว่างงาน หรือ Unemployed เสนอรัฐให้เงินเลี้ยงชีพในช่วงว่างงาน และให้เงินสนับสนุนเพื่อการเรียนรู้งานแห่งอนาคต รวมไปถึงการจัดทำ Platform ในการหางาน และบริษัทที่ต้องการจ้างงานที่ใช้ Skill ใหม่ ด้านการจ้างงานเสนอให้รัฐสนับสนุนค่าใช้จ่าย 80% เพื่อรักษาสถานภาพพนักงาน พร้อมกับการ Re-Skill พนักงาน ไม่ปลดออก และสร้างทักษะใหม่ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
4.ความมั่นใจในตลาดทุน คือการสร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุน ตลาดการค้า และการลงทุน เพิ่มสภาพคล่องให้กับธุรกิจ โดยการให้ความช่วยเหลือแก่ ผู้ประกอบการ Startup ด้าน Digitalผู้ประกอบการเอสเอ็มอีด้านดิจิทัล มีการจัดตั้งและ reactivate กองทุนต่างๆ เพื่อสนับสนุนรายได้ที่ขาดช่วง การขาดกระแสเงินสด การลดต้นทุน และการรักษาพนักงาน เนื่องจากในภาวะวิกฤติเช่นปัจจุบันการระดมทุนเต็มไปด้วยความยากลำบาก
5.เศรษฐกิจใหม่ หรือ EconomicReform เตรียมรองรับเศรษฐกิจใหม่ที่จะเกิดขึ้นหลังวิกฤติ ได้แก่ Smart Farming และE-commerce รวมไปถึงการวางแผนพื้นที่การเพาะปลูก (Agrimap/Zoning) การพัฒนาระบบชลประทาน Digital Irrigation การป้องกันน้ำท่วม นอกจากนี้ยังมี Smart City การออกแบบเมืองที่มีความปลอดภัยปลอดเชื้อ การป้องกันด้านสาธารณสุข หรือ Preventive Healthcareการท่องเที่ยวแนวใหม่ ไปจนถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมด้านเทคโนโลยีและดิจิทัล
6.โครงสร้างขับเคลื่อนยามวิกฤติ(Intelligence Center / Unlock Regulation) ได้แก่ การปรับปรุงโครงสร้างขับเคลื่อนพิเศษในสถานการณ์ฉุกเฉินภายใต้วิกฤติโควิด-19 ประกอบด้วย1.การปรับปรุงโครงสร้างการขับเคลื่อนพิเศษในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยให้สภาฯต่างๆ เป็นตัวแทนภาคเอกชนในศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 2.การแก้ไขกฎระเบียบด้านดิจิทัลเพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินธุรกิจ อาทิ การผลักดันDigital ID ที่เกี่ยวข้องกับ E-signature,E-Voting, Smart Contract และ Digital KYC รวมถึงการทำให้ E-Document สามารถทดแทนกระดาษได้ 3.พิจารณาเพิ่มความยืดหยุ่นการบังคับใช้พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งอาจสร้างภาระแก่เอกชนบางส่วนที่ยังไม่พร้อมนอกจากนี้ เสนอให้ใช้สภาดิจิทัลฯเป็น Certification Training Center สำหรับ Data Protection Officer เพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายนี้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี