nn ในภาวะเศรษฐกิจเช่นนั้นเป็นเรื่องจำเป็นต้องระดมสมองจากทุกภาคส่วนเข้ามาร่วมกันแก้ปัญหา ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่าสนับสนุนกับการที่นายกรัฐมนตรีลงนามเซ็นคำสั่งแต่งตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด- 19) หรือศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) ซึ่งมีรัฐมนตรี จาก 11 กระทรวง ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) และสมาคมธนาคารไทย และเลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เป็นกรรมการและเลขานุการ...เพราะถือว่าเป็นการทำงานที่เปิดรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน
หมุนตามทุน...เชื่อว่านอกจากเวทีของ ศบศ. แล้ว การแสดงข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากผู้นำองค์กรเอกชนชั้นนำของไทยหลายๆองค์กรในวาระต่างๆ รัฐบาลก็จะควรจะนำกลับไปศึกษาและพิจารณาปรับใช้ซึ่งก็จะยังประโยชน์แก่ประเทศชาติได้ด้วยเช่นกัน อย่างกรณีของคุณศุภชัยเจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด และประธานกรรมการ บมจ.ทรูคอร์ปอเรชั่น ที่ได้รับเชิญเป็นวิทยากรพิเศษบรรยายหลักสูตร “การปฏิรูปธุรกิจและสร้างเครือข่ายนวัตกรรม” รุ่นที่ 4ประจำปี 2563 (Business Revolution and Innovation Network : BRAIN 4) ในหัวข้อ“มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยหลังวิกฤติโควิด-19ด้วยเทคโนโลยีและดิจิทัล” (Technology & Digital Solutions) ซึ่งเป็นหลักสูตรปั้นผู้นำองค์กรที่จัดโดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ(สอท.) โดยมีผู้บริหารระดับสูงจากองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนกว่า 90 คน ให้ความสนใจเข้าฟังและซักถามประเด็นต่างๆ
ในการนี้นายศุภชัยได้สร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้เข้าอบรมว่าในวิกฤติมีโอกาสเสมอสิ่งสำคัญคือทุกภาคส่วนต้องร่วมมือกันปรับตัวให้ทันโลกที่เปลี่ยนแปลงและจะเป็นพลังสำคัญในการฟื้นเศรษฐกิจและก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงในยุคดิจิทัลโดยย้ำว่าหลังสถานการณ์วิกฤติโควิด-19 ทุกภาคส่วนต้องไม่ทำเฉพาะเรื่องเยียวยา หรือทำให้อยู่รอดเท่านั้นแต่ต้องทำแบบ Reform เพื่อสร้างศักยภาพใหม่ให้ประเทศเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสิ่งสำคัญคือต้องให้ช่วยกันทำให้ประเทศฟื้นตัวและเติบโตอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้คุณศุภชัยได้นำเสนอ 5 ข้อเสนอหลัก เพื่อฟื้นเศรษฐกิจไทยประกอบด้วย1.ด้านการเกษตรต้องเน้นการปฏิรูปเพื่อเข้าสู่เกษตรอุตสาหกรรม 4.0 ควบคู่กับการปฏิรูประบบชลประทานเพื่อส่งเสริมโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรการเปลี่ยนรูปแบบ(Reform) สหกรณ์การเกษตรรวมไปถึงการจัดตั้งกองทุนหมู่บ้านการจัดทำโซนนิ่งและเพิ่มมูลค่าทางการตลาดเพื่อส่งออกต่อไป 2.ด้านการท่องเที่ยวผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องต้องปรับตัวรองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวระยะยาวมากขึ้นซึ่งเชื่อว่าจะมีแนวโน้มเติบโตจากนี้และเกิดมูลค่าการใช้จ่ายสูงขึ้น 3.ด้านอสังหาริมทรัพย์โดยใช้ระบบสร้างแจงจูงใจ(Incentive) ในการดึงคนมีความสามารถและให้วีซ่าจากการลงทุนอสังหาริมทรัพย์4.การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานใหม่และดึงดูดการลงทุน EEC&SEC เป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรม 4.0 หนุนเสริมศักยภาพในด้านโลจิสติกส์เทคโนโลยีการค้าและการเงินซึ่งสามารถดึงดูดการลงทุนของทั่วโลกได้ และ5.การพัฒนาทรัพยากรบุคคลในอนาคตเพื่อเพิ่มทักษะทั้งในส่วนของ Reskill และ Upskillซึ่งทั้ง 5 เรื่องหลัก มีส่วนสำคัญที่จะทำให้ประเทศไทยก้าวไปสู่ยุค 4.0 ได้
นอกจากนี้ คุณศุภชัยได้เสนอ 3 มาตรการในการฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยหลังจากวิกฤตการณ์โควิด-19 ได้แก่ 1.มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในมิติผู้ประกอบการรายย่อยSMEs รวมไปถึงการให้ความสำคัญกับเกษตรและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นจุดแข็งของประเทศไทยและการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ EEC+SEC 2.เน้นการแก้ปัญหาการว่างงานให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของนักศึกษาจบใหม่ให้มีงาน และ 3.โครงสร้างการขับเคลื่อนที่ไม่ธรรมดาคือการจัดตั้งศูนย์ฟื้นฟูเศรษฐกิจการสนับสนุนธุรกิจในกลุ่มNew S-Curve หรือกลุ่ม Startup
หมุนตามทุน...มั่นใจว่าข้อเสนอเหล่านี้ล้วนเป็นประโยชน์และเป็นข้อเสนอแนะที่ดีที่จะช่วยเศรษฐกิจไทยได้จริง และบางเรื่องก็ดูเหมือนว่าแนวนโยบายของรัฐบาลกำลังจะเดินไปแนวทางนั้น ตอนนี้เหลือแต่ว่าหากรัฐบาลนำข้อเสนอแนะนี้ไปกำหนดเป็นนโยบายและเร่งทำให้นโยบายที่วางไว้ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว เชื่อว่าเศรษฐกิจของไทยจะฝ่ามรสุมโควิด-19 ได้เป็นประเทศแรกๆ ของโลก
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี