nn ตามที่ได้สัญญากันไว้เมื่อครั้งก่อนว่าจะมาขยายความเรื่องความอึดอัดใจของพนักงานของ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ในโครงการจัดซื้อจัดจ้าง 2-3 โครงการ ของ ธ.ก.ส....เช่น กรณีของโครงการ TV digital sinag...ที่ฝ่ายไอทีของ ธ.ก.ส. พยายามจะผลักดันให้ผู้บริหารอนุมัติเพื่อประโยชน์ในการสื่อสารประชาสัมพันธ์กิจการต่างๆ ของธนาคารและจัดการระบบการให้บริการด้วยระบบคิว...โดยว่าจ้างบริษัท “ย” เข้ามาเป็นผู้ติดตั้ง...หลักๆของ TV digital sinag…ก็จะมีจอทีวี ขนาด 52 นิ้วแล้วก็กล่องคอมพิวเตอร์เล็ก (Raspberry PI)...ไปติดตั้งในทุกสาขา ทุกสำนักงานจังหวัด และสำนักงานฝ่ายทั่วประเทศ (รวมทั้งหมดก็ประมาณ 1,200 จุด)...และมีความพยายามผลักดันมา 2-3 ครั้ง ก็ถูกรองผู้จัดการ ธ.ก.ส. ท่านหนึ่ง (ตอนนี้เกษียณอายุไปแล้ว) ตีตกไป...อันเนื่องมาจาก...บริษัทเอกชนที่ว่านี้...ทำได้แค่ติดทีวีแล้วเอาภาพกิจกรรมขอธ.ก.ส.กระจายไปด้วยกล่องคอมพ์ที่ว่านี้เท่านั้น แต่ในเรื่องของโปรแกรมที่บริหารระบบคิวนั้นไม่มีปัญญาทำได้...อดีตท่านรองฯท่านนั้นจึงคิดว่าไม่สมควรที่แบงก์จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพียงเพื่อติดตั้งจอทีวีแล้วแพร่ภาพวีดีโอ...ด้วยงบประมาณเท่านี้...!!เพราะโปรแกรมบริหารระบบคิว...พนักงานของ ธ.ก.ส.เองได้พัฒนาขึ้นมาใช้เองได้อยู่แล้ว (ชื่อว่าระบบคิวพอเพียง)...ถึงขั้นออกหนังสือเวียนภายในเป็นลายลักษณ์อักษรแจ้งให้สาขา นำระบบคิวพอเพียง ที่พนักงาน ธ.ก.ส.พัฒนาขึ้นมาเองมาใช้งาน...เพื่อที่จะได้ไม่ต้องสิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุกับการติดตั้ง...TV digital sinag...ที่ทำได้แค่ฉายภาพวีดีโอเก่าวนไปวนมา...อย่างไรก็ตาม ด้วยเหตุผลภายในอันลึกลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนงำอะไรไม่รู้หรือเปล่า....โครงการ TV digital sinag ก็ถูกอนุมัติออกมาจนได้...ด้วยยกเหตุผลว่า...TV digital sinag จะมีประโยชน์ตรงที่สามารถจะนำโปรแกรมระบบคิวที่เขียนขึ้นมาเองโดยพนักงานของ ธ.ก.ส.ขึ้นไปวางลงในช่องทีวีของโครงการนี้ได้...สุดท้ายผู้บริหาร ธ.ก.ส. ก็หลงคารมทำการจัดซื้อจากบริษัทคู่ค้าที่ว่านี้...โดยจัดซื้อ TV ยี่ห้อ TCL ของจีนขนาด 25 นิ้ว ในราคา 35,000 บาท และกล่องคอมพ์ในราคา 3,500 บาท รวม 1 เซต ที่มีอุปกรณ์ 2 ชิ้นเท่ากับ 38,500 บาท ติดตั้ง 1,200 จุด ก็ใช้เงินไป 46,200,00 บาท...
แต่ที่ต้องตั้งคำถามคือ ราคาทีวีในสเปกนั้น ราคาอยู่ที่ประมาณเครื่องละ 12,000 บาทกล่องคอมพิวเตอร์เล็ก (Raspberry PI) อยู่ที่ประมาณกล่องละ 900 บาท...ราคาจัดซื้อรวมก็น่าจะอยู่ที่ 15,480,000 บาท...ทำไมส่วนต่างจึงสูงถึงกว่า 30 ล้านบาท...โดยเฉพาะประเด็นของกล่องคอมพ์...ราคา 3,500 บาท นั้นบวกรวมกับไปกับโปรแกรมระบบคิวพอเพียง ซึ่งได้มีการสั่งการจากฝ่ายบริหารให้พนักงานผู้พัฒนาระบบคิวพอเพียง ส่งมอบ Source Code ไปให้คู่ค้า...ที่ทำโครงการติดตั้ง TV digital sinag ..ด้วยหรือเปล่า ????...!! โลกการค้า...ไม่อยากจะเชื่อ...เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นจริงก็เท่ากับว่ามีการ...ละเมิดลิขสิทธิ์ทางปัญญาของพนักงาน ธ.ก.ส.ผู้พัฒนาระบบคิวพอเพียง...แล้วเอามาขายให้กับ ธ.ก.ส. เอง...น่าสลดใจจริงๆ...!! ส่วนประเด็นเรื่อง ตู้ ATM...ในการเริ่มโครงการติดตั้งตู้ ATM ของ ธ.ก.ส. ก็มีความคิดค้นหาวิธีการลงทุนว่ารูปแบบใดจะได้ประโยชน์ สูงสุดกับธนาคาร...ซึ่งก็มีข้อเสนอออกมา 3 แนวทางคือ แนวทางที่ 1 ธ.ก.ส.. ดำเนินการเอง โดย ธ.ก.ส.รับผิดชอบรายได้และค่าใช้จ่ายทั้งหมด และ ธ.ก.ส. เป็นผู้รับผิดชอบ ความเสี่ยงในการดำเนินงานทั้งหมด แนวทางที่ 2 ธ.ก.ส.ดำเนินการร่วมกับเอกชนโดยใช้วิธีการจัดสรรรายได้ โดยรายได้จากค่าธรรมเนียมการออกบัตร ค่าธรรมเนียมรายปี และค่าธรรมเนียมการทำรายการ จะมีการจัดสรรรายได้ ให้ ธ.ก.ส. ร้อยละ 58และบริษัทเอกชน ร้อยละ 42 และบริษัทเอกชนรับความเสี่ยงในการดำเนินงานทั้งหมด แนวทางที่ 3ธ.ก.ส.ดำเนินการร่วมกับเอกชนโดยใช้วิธีประกันรายได้
โดยแนวทางนี้ บริษัทเอกชนเป็นผู้รับผิดชอบรายได้และค่าใช้จ่ายทั้งหมด โดยจะประกันรายได้ให้กับ ธ.ก.ส. ตามที่กำหนด และบริษัทเอกชนจะเป็นผู้รับความเสี่ยงจากการดำเนินงานเองทั้งหมด...!! ประเด็นข้อกังขาเกี่ยวกับการจัดการบริหารธุรกิจตู้ ATM นั้น...คือทำไม ธ.ก.ส. จึงเลือกเอาแนวทางที่ 2...ทั้งที่ตามความเป็นจริงธนาคารพาณิชย์เกือบจะทุกแห่งลงทุนตู้ ATM เอง หรือไม่ก็เช่าตู้ ATM แล้วมาบริหารจัดการเอง...!! คำถามที่ 1 ทำไมตลอดระยะเวลาไม่น้อยกว่า 14 ปี การบริหารจัดการเรื่องตู้ ATM ธ.ก.ส.มีความพยายามที่จะมีการต่อสัญญากับคู่ค้ารายเดิมแบบปราศจากคู่แข่ง...ด้วยสัญญารูปแบบเดิมคือมีการแบ่งส่วนรายได้...ทั้งที่ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นนั้นไม่มีเลย แต่กลับถูกหยิบยกเรื่องความเสี่ยงการประกันการขาดทุนขึ้นมา...นักการเงินทั้งวงการรู้ดีธุรกิจตู้ ATM นั้น นอกจากมีกำไรจากธุรกรรมที่ทำผ่านตู้ ก็ยังจะมาจากส่วนการออกบัตร ATM ด้วย...หาก ธ.ก.ส.เลือกแนวทางที่ 1 คือ ธ.ก.ส.ลงทุนเอง...หลายคนเชื่อว่าจะสร้างผลประโยชน์ได้คุ้มค่ากว่า ระบบจัดสรรรายได้...เช่น กรณีบัตร ATM ใหม่ของธ.ก.ส. ที่ใช้รหัส 6 หลัก เฉพาะบัตรทอง ค่าธรรมเนียม300 บาท...จากต้นทุนบัตรเพียงแค่ 80 บาท...เมื่อลูกค้าทุกรายของ ธ.ก.ส. ต้องมาทำบัตร ATM ใหม่ มูลค่าจากการนี้ก็ประมาณ 1.2 พันล้านบาท...ต้นทุน 80 บาท ขาย 300 บาท กำไรกว่า 200%...ทำไมต้องแบ่งกำไรขององค์กรออกไป...อันนี้คือคำถามที่ 2 ???...!!เอาล่ะในเมื่อพันธกิจหลักของ ธ.ก.ส.คือลูกค้าที่ทั้งหมดคือเกษตรกร ซึ่งเราก็รู้กันอยู่ว่ากว่า 90%เป็นผู้มีรายได้น้อย ยังยากจน ยังมีหนี้สิน...หากธ.ก.ส.บริหารจัดการธุรกิจตู้ ATM เองทั้งหมด...ธ.ก.ส.ก็จะสามารถเอากำไรแต่พอประมาณ..และเก็บค่าธรรมเนียมกับลูกค้าให้ต่ำลงได้...ซึ่งเป็นสิ่งที่ ธ.ก.ส.ควรจะตระหนักเพราะนี่คือพันธกิจของ ธ.ก.ส.!!! เรื่องราวทั้งหลายเหล่านี้เกิดขึ้นในสมัยที่ คุณอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการ ธ.ก.ส. ยังเป็น ผอ.ฝ่ายไอที...และ คุณธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ รองผู้จัดการ ธ.ก.ส.ยังเป็นทีมงานในฝ่ายไอที และก็ไต่เต้าทดแทนตำแหน่งของคุณอภิรมย์ ในฝ่ายไอทีมาตามลำดับ...ในส่วนของคุณอภิรมย์นั้น กำลังจะครบวาระในสิ้นเดือนนี้...ก็เป็นเรื่องสมควรอยู่ที่จะออกมาอธิบายในประเด็นข้อกังขาเหล่านี้ให้ พนักงานธ.ส.ก.ได้หายแคลงใจ...เพราะอย่างน้อยก็จะได้จากกันด้วยดี...ส่วนคุณธนารัตน์...นั้นก็เป็นหนึ่งในผู้ที่เข้ารับการสรรหาในตำแหน่ง ผู้จัดการ ธ.ก.ส.คนใหม่...ก็สมควรอยู่เช่นกันที่จะออกมาไขข้อข้องใจกับข้อกังขาเหล่านี้ด้วยเหตุด้วยผลที่ถูกต้อง...อย่างน้อยก็เป็นการสร้างความมั่นใจได้ว่า หากได้รับตำแหน่ง...ผู้จัดการ ธ.ก.ส.คนใหม่...ก็จะไม่ปล่อยให้คนนอกมาเบียดบังเอาผลประโยชน์และจะปกป้องผลประโยชน์สูงสุดให้กับแบงก์และลูกค้า...nn
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี