บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เคจีไอ(ประเทศไทย)วิเคราะห์หุ้นบริษัท อิชิตัน กรุ๊ป (ICHI) ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทผลิตเครื่องดื่มที่จะได้อานิสงส์จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปหลังจากการระบาดของ COVID-19 คลี่คลาย แนวโน้มสำคัญได้แก่ 1. ผู้บริโภคหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ทำให้อุปสงค์เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพเร่งตัวขึ้นเช่นเครื่องดื่มผสมวิตามินซี น้ำเปล่า/น้ำพรีเมียมที่มีการเติมวิตามินอี บี PH ฯลฯ ทำให้เกิดบริษัทผลิตเครื่องดื่มใหม่ ๆ และแบรนด์เครื่องดื่มใหม่ๆ เพิ่มขึ้น 2. การจัดจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางร้านค้าดั้งเดิม เร่งตัวขึ้นเร็วกว่าช่องทางผ่านร้านสมัยใหม่ทำให้มาร์จิ้นบริษัทดีขึ้น เพราะมาร์จิ้นผ่านร้านค้าสมัยเก่าสูงกว่า โดยผู้บริหารของ ICHI ยอดขายผ่านร้านสมัยเก่าอยู่ที่ 38% (สูงกว่าช่องทางร้านสมัยใหม่ที่ 36%) และต่อเนื่องใน 3Q63
ความนิยมเครื่องดื่มใหม่ก่อให้เกิดคำถามตามว่าจะเป็น mega trend และจุดเปลี่ยนของตลาดในประเทศและจะก้าวขึ้นมาเติบโตขึ้นมาแทนที่กลุ่มน้ำดื่มหรือไม่ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การบริโภคเครื่องดื่มในไทยส่วนใหญ่เป็นน้ำเปล่าเป็นหลัก (ประมาณ 62% ของปริมาณยอดขายเครื่องดื่ม หรือประมาณ 40% ของมูลค่ายอดขาย) ขณะที่เครื่องดื่มทางเลือก (Functional drink) ถูกนับรวมอยู่ในกลุ่มน้ำดื่มแต่มีสัดส่วนเพียง 4-5% ของน้ำดื่ม ผู้ผลิตเครื่องดื่มต่างก็พยายามจะเพิ่มยอดขาย น้ำดื่มประเภท premium ให้สูงขึ้นแทนน้ำเปล่า โดยมีแบรนด์ใหม่เกิดขึ้นมา เช่น VITADAY, YANHEE Vitamin Water และ PH PLUS 8.5 ของ ICHI หากเทรนด์พฤติกรรมของผู้บริโภคยังคงดำเนินต่อไปนาน ก็จะดึงดูดให้มีผู้เล่นใหม่ ๆ เพิ่ม และสามารถเติบโตไปรวมเหมือนกัน
เพื่อตอบสนองต่อพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ICHI ได้ออก 3 ผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่ “Vitt CC”, “Water PH 8.5” และ“C200” เพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพในช่วงปลาย 2Q63 ทั้งนี้ บริษัทคาดว่ารายได้จากผลิตภัณฑ์ใหม่นี้จะอยู่ที่ประมาณ 100 ล้านบาท ใน 3Q63 และตั้งเป้ายอดขายปีนี้เอาไว้ที่ 400 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 6-7% ของรายได้รวม ทั้งนี้ เครื่องดื่มประเภทนี้ยังอยู่ในช่วงต้นของวัฏจักรการเติบโตสำหรับ ICHI โดยการเติบโตอาจจะยังไม่ได้มากในปี 2563 แต่ถ้าสินค้าได้รับการตอบรับ และคิดเป็นสัดส่วน >10% ของรายได้จะทำให้แนวโน้มการเติบโตของ ICHI ในปี 2564 เปลี่ยนแปลงไป
อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ของ ICHI เพิ่มขึ้น 100 bps เป็น 20.6% ขณะที่อัตรากำไรจากการดำเนินงานเพิ่ม 400% เป็น 12% เนื่องจาก 1. อัตราการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 2. ขายสินค้า margin สูงได้เพิ่มขึ้นเพราะบรรจุขวดที่มีขนาดเล็กลง 3. ลดค่าใช้จ่ายด้านการตลาดลง 40% และ 4. จำหน่ายสินค้าผ่านช่องทาง TT เพิ่มขึ้น เนื่องจากแนวโน้มข้างต้นยังดำเนินต่อไปใน 3Q63 และยังจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากผลิตภัณฑ์ใหม่ จึงคาดว่าทั้งรายได้และกำไรจะฟื้นตัวขึ้นใน 3Q63
ปัจจัยเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไม่ยั่งยืน การแข่งขันรุนแรงขึ้นบีบให้ margin ลดลง
ที่มา : บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี