nn ในขณะที่วงการโทรคมนาคมกำลังคึกคักผู้ประกอบการทั้งอุตสาหกรรมกำลังงานแผนการลงทุนเพื่อทำตลาด 5G หลังได้ใบอนุญาตกันมาแล้ว รวมทั้งผู้เล่นใหม่ที่น่าสนใจกำลังจะเกิดขึ้น นั่นคือ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT ที่กำลังจะทำสัญญากับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ คือ Chunghwa Telecomเพื่อทำตลาดธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ แต่ขณะเดียวกันกับมีประเด็นที่มันดูจะย้อนแย้งกับการเคลื่อนไหวของอุตสาหกรรมโทรคมนาคม นั่นคือความยืดเยื้อของการสรรหา คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ชุดใหม่ ซึ่งมีหน้าที่สำคัญในการกำกับและส่งเสริมอุตสาหกรรมโทรคมนาคมของไทย
คนในวงการโทรคมนาคม วิจารณ์กันให้สนั่นวงการ ว่ามีกระบวนการจ้องล้มการสรรหา กสทช.ชุดใหม่ วิ่งขาขวิด ทำทุกวิถีทางที่จะใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวกับ ระดับบิ๊กในรัฐบาล เลื่อนการสรรหาครั้งนี้ออกไปก่อน เพื่อซื้อเวลาให้ 2 รายชื่อบิ๊กเนมที่ผ่านการสรรหาแต่ขาดคุณสมบัติ ได้มีโอกาสได้นั่งแท่นเป็น 7 อรหันต์ กสทช.ชุดใหม่ ว่ากันว่าขณะนี้สำนักเลขาธิการครม. (สลค.) กำลังพิจารณาข้อกฎหมาย ที่เกี่ยวข้องโดยละเอียดว่า ครม.มีอำนาจหรือไม่ ที่จะสั่งให้ชะลอ หรือยุติกระบวนการสรรหา กสทช.ชุดใหม่ ที่ครม.มีมติเห็นชอบให้เริ่มกระบวนการสรรหา ไปตั้งแต่เมื่อการประชุม ครม. วันที่ 16 มิ.ย. 2563 ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการสรรหา อยู่ระหว่างการพิจารณาคุณสมบัติผู้ที่สมัครเข้ารับการสรรหา ทั้งสิ้น 80 คน
ว่ากันตามจริงแล้ว กสทช. ถือเป็นองค์กรอิสระอื่นตามรธน. ที่ ครม.ไม่สามารถเข้าไปก้าวก่ายกระบวนการใดๆ ได้ อีกทั้ง พ.ร.บ.กสทช. ฉบับปัจจุบัน ไม่ได้กำหนดแนวทางชะลอ หรือยุติการสรรหา กสทช. หากเข้าสู่กระบวนการสรรหาแล้วแต่อย่างใด...แต่ว่าก่อนหน้านี้ในเงื่อนไขพิเศษ โดยการบริหารประเทศ...ภายใต้ คณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือ คสช. จึงมีการใช้คำสั่งของหัวหน้า คสช. ที่อาศัยอำนาจตาม มาตรา 44 แห่ง รธน.ชั่วคราว 2557 จึงสามารถกระทำได้
แต่อย่าลืม!! ปัจจุบัน มาตรา 44 รวมทั้งคำสั่งหัวหน้า คสช.ดังกล่าว ได้ถือว่าสิ้นสุดไปแล้ว จึงเกิดข้อกังวลว่า หากครม.แทรกแซงกระบวนการสรรหา กสทช.อาจจะเกิดทำให้มีการตีความว่า ครม.
ใช้อำนาจโดยมิชอบได้ รวมถึงการอ้างให้รอให้กฎหมายฉบับใหม่แล้วเสร็จ ก็อาจเข้าข่ายฝ่ายบริหารเข้าไปก้าวก่ายการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ...และต้องบอกอย่างนี้ว่า...หาก ครม.สามารถชะลอ หรือยุติกระบวนการสรรหา กสทช.ตามกระแสข่าวได้จริง ก็อาจทำให้เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก
ต้นเหตุของความวุ่นวายตอนนี้...ต้องยอมรับว่ามาจาก...ในยุค คสช.ได้ออกประกาศแก้ไขเปลี่ยนแปลงกฎหมาย รวมทั้งยุติ และชะลอการสรรหากสทช.ไปแล้วถึง 5 ครั้ง โดยกสทช. ชุดปัจจุบัน ได้สิ้นสุดวาระการดำรงตำแหน่ง ตั้งแต่เดือนต.ค.2560 แล้ว ตลอดจนในแง่ประสิทธิภาพการทำงานของ กสทช. ชุดปัจจุบัน ที่เป็นชุดรักษาการ ซึ่งจะยังคงต้องทำหน้าที่ต่อไป เนื่องจากกรรมการ กสทช. ที่เหลืออยู่ 6 จาก 11 รายนั้น ดำรงตำแหน่งมาแล้ว ตั้งแต่เดือน ต.ค. 2554 รวมแล้วกว่า 10 ปี อีกทั้ง2 ใน 6 ราย คือ พล.อ.สุกิจ ขมะสุนทร และ นายประเสริฐ ศีลพิพัฒน์ อายุครบ 70 ปีบริบูรณ์ ซึ่งตามกฎหมายเดิม กำหนดให้หมดวาระทันที แต่ได้มีคำสั่งหัวหน้า คสช. แก้ไขให้ทำหน้าที่ไปพลางก่อน ซึ่งที่ผ่านมา มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า การทำงานของ กสทช.ชุดรักษาการ ทำให้เกิดสุญญากาศการทำงานของ กสทช. มาระยะหนึ่งแล้ว
คนในวงการโทรคมนาคม พูดกันหนาหูว่า สาเหตุแท้จริงที่มีความพยายามล้มการสรรหา กสทช. อีกครั้งนั้น เนื่องจากพบว่า ผู้สมัครเข้ารับการสรรหาบางราย ที่มีความใกล้ชิดกับผู้มีอำนาจใน คสช. และในรัฐบาลปัจจุบัน ที่ถูกวางตัวให้เป็น กสทช.ชุดใหม่ มีคุณสมบัติต้องห้ามบางประการ โดยเฉพาะ มาตรา 7 ข. (12) ของ พ.ร.บ.กสทช.ในส่วนของคุณสมบัติต้องห้าม ที่ระบุว่า “เป็นหรือเคยเป็นกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหาร ที่ปรึกษา พนักงาน ผู้ถือหุ้น หรือหุ้นส่วนในบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนหรือนิติบุคคลอื่นใดบรรดาที่ประกอบธุรกิจด้านกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ หรือกิจการโทรคมนาคม ในระยะเวลา 1 ปีก่อนได้รับการเสนอชื่อ”ส่งผลให้ผู้มีอำนาจต้องการให้มีการชะลอ กระบวนการสรรหา กสทช.ไปอีกอย่างน้อย 1 ปี แต่หากต้องการให้คนที่ตั้งใจจะให้เป็นกสทช.ชุดใหม่ ที่มีการเซตทีมไว้แล้ว ต้องยื้อเวลา พ.ร.บ.ฉบับนี้ได้ให้นานที่สุด และให้กระบวนการสรรหาดำเนินการตามกฎหมายเก่าไปก่อน เพื่อไม่ให้ติดปัญหาทางกฎหมาย ตาม มาตรา 7 ข.(12)
วันนี้….กระบวนการสรรหา กสทช. ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วตาม พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ และรัฐได้มีการออกคำสั่งทางปกครองที่เกี่ยวเนื่องไปแล้วหลายฉบับ อาทิ การจัดตั้งคณะกรรมการสรรหาฯ ด้วยอำนาจตาม พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ และการออกประกาศและระเบียบของคณะกรรมการสรรหาฯ อีกทั้งยังมีประชาชนจำนวนมากสมัครเข้ามาตามขั้นตอนของกฎหมาย ดังนั้นถึงแม้ ครม. จะยกเลิกมติเดิมที่ให้เริ่มกระบวนการสรรหา ก็ไม่สามารถหยุดกระบวนการสรรหา กสทช. ที่ได้ดำเนินการไปแล้วได้เนื่องจากผลของมติดังกล่าวทำให้ผลของคำสั่งตามมาตรา 44 ได้หมดสภาพไปแล้ว และผลตามกฎหมาย พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ ได้เกิดขึ้นและทำให้เกิดผู้ได้รับผลกระทบแล้ว
ที่สำคัญ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยมาตรา 60 ยังมีความศักดิ์สิทธิ์ รัฐบาลต้องรักษาไว้ซึ่งคลื่นความถี่และสิทธิในการเข้าใช้วงโคจรดาวเทียมอันเป็นสมบัติของชาติ เพื่อใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชน
ต้องตระหนักไว้และท่องให้ขึ้นใจว่า การจัดให้มีการใช้ประโยชน์จากคลื่นความถี่ตามวรรคหนึ่ง ไม่ว่าจะใช้เพื่อส่งวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และโทรคมนาคม หรือเพื่อประโยชน์อื่นใด ต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน ความมั่นคงของรัฐ และประโยชน์สาธารณะ รวมตลอดทั้งการให้ประชาชนมีส่วนได้ใช้ประโยชน์จากคลื่นความถี่อย่างแท้จริง...ตอนนี้ ได้แต่หวังว่า รัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาต้องคำนึงและปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประเทศชาติ และประชาชนอย่างเคร่งครัด
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี