บริษัทหลักทรัพย์(บล.)โกลเบล็กวิเคราะห์หุ้นบริษัท เงินติดล้อหรือ TIDLOR ให้บริการการเงินเป็นบริษัทในเครือของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Mitsubishi UFJ FinancialGroup กลุ่มสถาบันการเงินที่ใหญ่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่นเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจให้บริการทางการเงินที่เข้าถึงได้ด้วยเทคโนโลยีในการให้สินชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันครบวงจรที่มีส่วนแบ่งตลาดอันดับที่ 1 ในประเทศไทยที่ 16% ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสอง และบริการนายหน้าประกันวินาศภัยที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 8 ในประเทศไทย (ที่มา : หนังสือชี้ชวนส่วนที่ 2.4.16 หน้า 1,2)โครงสร้างรายได้ปี 2563 มีสัดส่วนของรายได้ดอกเบี้ยรับจากเงินให้กู้ยืมคิดเป็นสัดส่วน 71%รายได้ดอกเบี้ยรับจากลูกหนี้ตามสัญญาเช่าซื้อ คิดเป็น 11% รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการคิดเป็นสัดส่วน 17%

มีแบรนด์ที่แข็งแกร่งมีความได้เปรียบคู่แข่ง

: TIDLOR มีความได้เปรียบคู่แข่งในเรื่องฐานเงินทุนความมั่นคง แบรนด์ที่แข็งแกร่ง เนื่องจากอยู่ในกลุ่มสถาบันการเงินขนาดใหญ่ของประเทศญี่ปุ่น จึงมีความมั่นคง มีเสถียรภาพ และมีมาตรฐานสูง มี NPL Coverage 325% สูงกว่าคู่แข่ง (MTC 178% และ SAWAD 89%) มีอันดับเครดิตที่ดีกว่าที่ระดับ “A-” (MTC และ SAWAD อยู่ที่ระดับ “BBB+”)

คาดกำไรสุทธิมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 16%

:การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เป็นตัวเร่งให้ลูกค้าใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลของบริษัททั้งในส่วนของการให้บริการสินเชื่อและผลิตภัณฑ์ประกันภายใต้ชื่อ “อารีเกเตอร์” เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญต่อการเติบโตของรายได้ ฝ่ายวิจัยประมาณการรายได้จากดอกเบี้ยรับและค่าธรรมเนียมและบริการรวมสำหรับปี 2564 ราว 1.22 หมื่นล้านบาท เติบโต 16%YoY และคาดกำไรสุทธิราว 3,455 ล้านบาท เติบโต 15% YoYส่งผลให้มีอัตรากำไรสุทธิเฉลี่ย 3 ปี ระหว่างปี 2562-2564 (CAGR) เท่ากับ 16%

การประเมินมูลค่า

: ในการประเมินมูลค่าพื้นฐานของกิจการด้วยวิธี PER โดยใช้ Prospected PER ที่ระดับ 26-27 เท่าซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของกลุ่มอุตสาหกรรม ภายใต้ประมาณการกำไรสุทธิปี’64 ซึ่งเติบโต 15%YoY คำนวณมูลค่ากิจการของ TIDLOR สำหรับปี 2564อยู่ที่ประมาณ 89,820 - 93,293 ล้านบาท

ที่มา : บล.โกลเบล็ก