nn ท่ามกลางสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 และการบริหารจัดการและการรับมือของรัฐบาลขณะนี้...ใช่แต่จะมีคำถามว่ารัฐบาลจะไปต่อไหวไหม...ตอนนี้อีกคำถามหนึ่งที่ดังขึ้นทุกวันคือว่า..แล้วเศรษฐกิจไทยจะไปต่อไหวหรือเปล่า ประชาชนคนไทยผู้มีรายได้น้อยและผู้ประกอบการรายย่อยจะอยู่ต่ออย่างไร เพราะขณะนี้ไม่เหลือภูมิที่จะต้านทานผลกระทบในขณะนี้อีกแล้ว
ที่น่าตกใจคือการคาดการณ์ของ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ประเมินว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยต้องใช้เวลา และอาจจะต้องรอถึงไตรมาส 1/2566 กว่าเศรษฐกิจไทยจะกลับมาฟื้นตัวได้ในระดับก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ในหลายระลอก ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ส่งผลให้รัฐบาลต้องออกมาตรการเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาด ทั้งการจำกัดการเคลื่อนที่ การงดเดินทาง การเว้นระยะห่าง ลดการรวมตัว เป็นต้น ถือเป็นมาตรการที่ส่งผลกระทบอย่างมากกับภาคการท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศให้ได้รับผลกระทบอย่างมาก รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการท่องเที่ยว อาทิ โรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร บริษัทนำเที่ยว สายการบิน และอื่นๆ เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงและยาวนาน จากการออกใช้มาตรการเพื่อยับยั้งการระบาดที่รุนแรงขึ้น
ขณะที่ภาพรวมของเศรษฐกิจไทยจากข้อมูลล่าสุดคือในเดือนพฤษภาคม 2564 ของกระทรวงการคลัง ก็พบว่า เศรษฐกิจไทยในเดือนพฤษภาคม 2564 ส่งสัญญาณชะลอตัวจากเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลกระทบต่อเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นในเดือนเมษายน 2564
ส่วนดัชนีที่เป็นเครื่องชี้วัดเศรษฐกิจสำคัญๆ ก็พบว่า ด้านการบริโภคภาคเอกชนส่งสัญญาณขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ชะลอตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า เนื่องจากผู้บริโภคมีความกังวลต่อการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกใหม่ที่เกิดขึ้นในเดือนเมษายน 2564 แม้ว่ามาตรการของภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการเราชนะ และโครงการ ม33เรารักกัน จะสามารถพยุงกำลังซื้อได้ในระดับหนึ่งก็ตาม ด้านการลงทุนภาคเอกชน ส่งสัญญาณขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ชะลอตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า ด้านการส่งออก มูลค่าการส่งออกสินค้าขยายตัวต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันของปีก่อน มูลค่าการส่งออกสินค้ารวมในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ อยู่ที่ 23,057.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็นอัตราการขยายตัวที่ 41.6% ต่อปี ซึ่งเป็นการขยายตัวที่สูงสุดในรอบ 11 ปี เมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกสินค้า โดยจำแนกเป็นรายตลาดคู่ค้าหลักของไทย พบว่า ตลาดคู่ค้าหลักของไทยปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องในเกือบทุกตลาด โดยเฉพาะการส่งออกไปตลาดหลัก ได้แก่ อินเดีย สหภาพยุโรป อาเซียน-9 และสหรัฐฯ ด้านการท่องเที่ยว พบว่า ในเดือนพฤษภาคม 2564 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติประเภทพิเศษ (Special Tourist Visa: STV) รวมถึงนักท่องเที่ยวกลุ่มสิทธิพิเศษ(Thailand Privilege Card) และนักธุรกิจ จำนวน6,052 คน โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เยอรมนี และอาเซียนขณะที่การท่องเที่ยวภายในประเทศ สะท้อนจากจำนวนผู้เยี่ยมเยือนชาวไทยขยายตัว 140.2% ต่อปี ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยฐานต่ำในช่วงเดียวกันของปีก่อน
นอกจากนี้ภาพรวมในภาคอุตสาหกรรม จากข้อมูลของ สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม พบว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม เดือนพฤษภาคม 2564 อยู่ที่ระดับ 0.47 เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.84 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนและใน 5 เดือนแรกปี2564 ขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 7.97 สาเหตุมาจากมาตรการภาครัฐที่ออกมากระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนอย่างต่อเนื่องทำให้เศรษฐกิจภายในประเทศขับเคลื่อน นอกจากนี้เศรษฐกิจโลกในหลายประเทศเริ่มกลับมาสู่สภาวะใกล้ปกติจากความคืบหน้าของการฉีดวัคซีน
หมุนตามทุน...กล้าบอกได้ว่าจากข้อมูลและตัวเลขต่างๆข้างต้นภาพรวมของเศรษฐกิจไทยแม้ว่าจะไม่ได้ดูเลวร้ายมากนัก แต่ยังบอกไม่ได้ว่ามันดีขึ้น เพราะอัตราการขยายตัวของหลายๆดัชนีชี้วัดนั้น เป็นมาจากฐานที่ต่ำมากของปีก่อน สิ่งที่น่าสนใจคือตัวเลขเศรษฐกิจในเดือนต่อไปและเดือนอื่นๆ ของปีนี้ ซึ่งจะสะท้อนผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 ได้อย่างชัดเจน รวมทั้งผลจากมาตรการกึ่งล็อกดาวน์ ที่รัฐบาลประกาศไปวันที่ 28 มิถุนายน ที่ผ่านมา นั้นทำให้หลายภาคธุรกิจได้รับผลกระทบหนักขึ้นอีก เช่นธุรกิจร้านอาหาร ที่ต้องได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐมากว่าปีครึ่งแล้วขณะที่แผลยังไม่หายดีก็ต้องโดนซ้ำเติมเข้าไปอีกจากมาตรการกึ่งล็อกดาวน์ครั้งล่าสุด
นอกจากนี้ การสั่งปิดแคมป์คนงานและไซต์ก่อสร้างในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล ส่งผลกระทบต่อหลายธุรกิจเช่นกัน แน่นอนหนึ่งในนั้นคือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพราะทำให้การเปิดตัวโครงการใหม่ล่าช้าออกไป รวมทั้งธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในโครงการรถไฟฟ้าหลายสาย ที่การดำเนินการต้องสะดุดไประยะหนึ่ง และสามารถแน่ใจได้เลยว่า รัฐบาลจะใช้เวลา 1 เดือนนี้ กดตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ให้ลดลงได้หรือไม่ ซึ่งถ้าทำไม่ได้ก็ต้องยืดเวลาปิดไซต์ก่อสร้างออกไปอีก
สิ่งที่น่ากังวลอีกจุดหนึ่ง คือการระบาดของโควิด-19 ระลอกนี้ ได้ลามเข้าสู่ภาคการผลิตในหลายอุตสาหกรรม และการผลิตของสินค้ากลุ่มส่งออก ซึ่งหากว่ายังไม่สามารถหยุดยั้งการระบาดในกลุ่มคลัสเตอร์โรงงานต่างๆ ได้ แน่นอนว่าจะกระทบต่อตัวเลขการส่งออก ที่ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นพระเอกที่ช่วยพยุงตัวเลขเศรษฐกิจไทยอยู่ตอนนี้ส่วนเรื่องท่องเที่ยวคงไม่ต้องพูดถึงคนไทยเองก็ไม่มีแรงเหลือพอที่จะท่องเที่ยวได้แล้ว ส่วนต่างชาติแม้ว่ารัฐบาลจะแน่วแน่ที่จะเปิดประเทศภายใน 120 วันคำถามสำคัญคือว่าถ้าตัวเลขคนติดเชื้อรายใหม่ของไทยยังพุ่งสูงเกือบวันละครึ่งหมื่นอยู่แบบนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติเขาจะกล้ามาเที่ยวในประเทศไทยหรือเปล่า
สุดท้ายนี้ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าทางออกเดียวของไทยตอนนี้คือ “วัคซีน” ซึ่งรัฐบาลจะต้องเร่งทำทั้งในเรื่องประสิทธิภาพของการกระจายวัคซีนให้คนไทย และประสิทธิภาพของตัววัคซีนที่จะนำมาฉีดให้คนไทย แต่เมื่อพิจารณาจากสิ่งที่เกิดขึ้นจากการบริหารจัดการเรื่องวัคซีนของรัฐบาลในขณะนี้เชื่อว่าทุกคนคงดูออกว่าประเทศไทยยังมีความหวังเหลืออยู่มากน้อยแค่ไหน
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี