นับตั้งแต่ปลายปีพ.ศ. 2562 ที่โควิด-19 แพร่ระบาดจนถึงปัจจุบัน ทั่วโลกต่างต้องการอุปกรณ์ทางการแพทย์มากขึ้น ทั้งหน้ากากอนามัย ถุงมือยาง ถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง สำหรับบุคลากรด้านสาธารณสุขและคนทั่วไป
ถุงมือยาง (Latex Gloves) เป็นถุงมือที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในทางการแพทย์และอุตสาหกรรม เนื่องจากมีความบางเบา กระชับมือ และไม่เกิดอาการแพ้ได้ง่ายสำหรับถุงมือยางทางการแพทย์ (Medical Glove) แบ่งได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่ 1) ถุงมือยางสำหรับการผ่าตัด (Surgical Glove)
ใช้ในการผ่าตัดและศัลยกรรม จะมีลักษณะบางเบาเป็นอย่างมาก มีความยืดหยุ่นสูง มีความแข็งแรงทนทาน ขนาดความยาวถึงข้อศอก และผ่านกรรมวิธีการฆ่าเชื้อ 100% เป็นถุงมือประเภทใช้ได้เพียงครั้งเดียว (ใช้แล้วทิ้ง) 2) ถุงมือยางสำหรับการตรวจโรค (Examination Glove) ใช้ในงานตรวจโรคทั่วไป มีลักษณะบางเบา มีความกระชับ แต่จะสั้นกว่าถุงมือชนิดผ่าตัด มีความยาวถึงแค่ข้อมือ เป็นถุงมือประเภทใช้ได้เพียงครั้งเดียวเช่นกัน
นอกจากถุงมือยางทางการแพทย์ ยังมีถุงมือยางสำหรับโรงงานอุตสาหกรรม (Industrial Glove) และถุงมือยางสำหรับครัวเรือน (Household Glove)
ประเทศไทย ส่งออกถุงมือยางเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากมาเลเซีย ไทยสามารถผลิตถุงมือยางต่อปีกว่า 46,000 ล้านชิ้น ในจำนวนนี้เป็นถุงมือทางการแพทย์สัดส่วนกว่า 88% ปริมาณการใช้ถุงมือยางโลกในปีพ.ศ. 2564 อยู่ที่ประมาณ 420,000 ล้านชิ้น ขยายตัว 17% จากปี พ.ศ. 2563 ซึ่งอยู่ที่ 360,000 ล้านชิ้น ทำให้ผู้ประกอบการถุงมือยางไทย และมาเลเซียต่างต้องขยายกำลังการผลิต
แม้ไทยจะส่งออกถุงมือยางเป็นอันดับ 2 ของโลกที่ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจ แต่ข่าวการเปิดเผยของซีเอ็นเอ็น(CNN) สื่อยักษ์ใหญ่ของโลก ที่ได้นำเสนอข่าวเปิดโปงขบวนการฉ้อโกง ขายถุงมือยางใช้แล้วของไทย ที่ส่งออกไปสหรัฐอเมริกากว่า 10 ล้านชิ้นนั้น กลับสร้างความเสื่อมเสียให้กับภาพลักษณ์ของประเทศอย่างมาก ทั้งทำให้ขาดความเชื่อมั่นต่อคู่ค้า ที่ย่อมต้องส่งผลต่อรายได้จากการส่งออกถุงมือยางในอนาคต
ซีเอ็นเอ็นได้มีการนำเสนอข่าวถึง การพบถุงมือสำหรับใช้ทางการแพทย์แบบใช้แล้ว ที่สกปรก ทั้งมีคราบเลือดติด พบที่บริเวณโรงงานตามชานเมืองของกรุงเทพฯ บริเวณโรงงานยังพบภาชนะบรรจุน้ำผสมสีสำหรับย้อมถุงมือให้ดูใหม่ขึ้น ทั้งยังมีแรงงานต่างด้าวทำหน้าที่ย้อมให้ถุงมือดูมีสภาพใหม่เพื่อนำกลับมาใช้ได้อีกครั้ง ถุงมือยางที่มีลักษณะต่ำกว่ามาตรฐานเช่นนี้ ได้ถูกบรรจุใส่กล่องเพื่อส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกาและอีกหลายประเทศทั่วโลก ท่ามกลางความขาดแคลนเครื่องมือทางการแพทย์
สื่อใหญ่ระดับโลกคงไม่ตีเผยแผ่ข่าวโดยไม่มีข้อมูล ทั้งนี้ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคมของปีพ.ศ. 2564 นี้เอง บริษัทในสหรัฐฯได้เตือนหน่วยงานรัฐ
ของสหรัฐฯที่ทำหน้าที่ดูแลการนำเข้าของสหรัฐฯ คือ กรมศุลกากร (CBP- U.S. Customs and Border Protection) และองค์การอาหารและยา (FDA- Food
and Drug Administration) เกี่ยวกับการนำเข้าถุงมือที่มีลักษณะต่ำกว่ามาตรฐานมาจากบริษัทในไทย ที่มีการนำเข้ามากกว่า 10 ล้านชิ้น
ซีเอ็นเอ็นยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ได้มีนักธุรกิจจากรัฐไมอามี สหรัฐฯ เคยสั่งซื้อถุงมือยางจากไทยประมาณ 2 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 66 ล้านบาท จากบริษัทแห่งหนึ่ง แต่กลับต้องถูกลูกค้าร้องเรียน แสดงความไม่พอใจเพราะเป็นถุงมือยางที่ใช้แล้ว ที่สกปรก บางชิ้นมีคราบเลือดติดด้วย บางกล่องเป็นถุงมือที่ผลิตเมื่อสองปีก่อนที่มีการสั่งสินค้า
ที่น่าอับอายยิ่ง คือ ซีเอ็นเอ็นเปิดเผยว่า ในประเทศไทยมีโกดังลักษณะนี้มากมาย ที่หารายได้จากถุงมือคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐานหลายล้านชิ้น ด้วยการส่งออกไปยังสหรัฐฯและทั่วโลก ท่ามกลางปัญหาการขาดแคลนถุงมือ
เมื่อเป็นสื่อใหญ่อย่างซีเอ็นเอ็นได้ขุดคุ้ย ทางการไทยได้มีการตรวจสอบและบุกค้นโรงงานต้องสงสัย ซึ่งได้พบถุงขยะบรรจุถุงมือยางในสีที่แตกต่างกัน ต่างวัตถุดิบและมีคุณภาพที่ต่างกัน ได้จับกุมคนงานขณะที่กำลังยัดถุงมือเก่าในกล่องปลอมที่ติดยี่ห้อบริษัทผลิตถุงมือยางแห่งหนึ่ง กลับพบว่ามีคนจีนถือหุ้น 49%
ย้อนไปเมื่อประมาณกลางปีพ.ศ. 2560 สำนักข่าวเอพีจากต่างประเทศ ได้นำเสนอข่าว “บอส อยู่วิทยา” ทายาทกระทิงแดง ซึ่งขับรถเฟอร์รารี่ชนดาบตำรวจ สน.ทองหล่อ คนหนึ่งเสียชีวิตและยังลากร่างดาบตำรวจพร้อมรถมอเตอร์ไซค์ตำรวจไปไกลกว่า 200 เมตรเมื่อปี พ.ศ. 2555 ยังไม่ถูกจับกุมดำเนินคดีในประเทศไทยนั้น ไม่ได้หลบหนีไปไหน ไม่ใช่บุคคลที่หาตัวยาก และยังใช้ชีวิตอย่างหรูหราในต่างประเทศ นายบอสได้ขอเลื่อนพบพนักงานอัยการเพื่อรับทราบข้อกล่าวหามาแล้วจำนวน 7 ครั้ง อ้างเหตุติดภารกิจต่างประเทศและเหตุอื่นๆ
ในเวลานั้น เมื่อสำนักข่าวต่างประเทศตีแผ่ข่าว “บอส อยู่วิทยา” ถึงความล่าช้าของกระบวนการยุติธรรมของไทย เพราะผ่านมานานถึง 5 ปี ทั้งพยานหลักฐาน
ยังอยู่ในที่เกิดเหตุและนายบอสผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ ซึ่งน่าจะดำเนินคดีได้อย่างรวดเร็ว แม้ตัวนายบอสจะใช้ช่องทางร้องขอความเป็นธรรมหรือประวิงคดีด้วยเหตุผลต่างๆ หากว่าเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีโดยศาลคดีคงถึงที่สุดไปนานแล้ว รวมทั้งซีเอ็นเอ็นเสนอข่าวก่อนสื่อไทยว่า ตำรวจไทยจะยกเลิกหมายจับในไทย ซึ่งจะมีผลยกเลิกหมายจับระหว่างประเทศของตำรวจสากลด้วย
การนำเสนอข่าวของซีเอ็นเอ็นมีผลกระทบอย่างรุนแรง เป็นการกดดันให้พนักงานด้านกระบวนการยุติธรรมมีความกระตือรือร้นและกระฉับกระเฉงขึ้นไปสู่ขั้นออกหมายจับ เพิกถอนหนังสือเดินทางและขอตัวส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน มิฉะนั้นแล้ว คดีคงจะเงียบหายพร้อมกับหมดอายุความไปในที่สุด กลับกัน คดีอื่นๆ ที่ผู้ต้องหาเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดากลับถูกดำเนินคดีอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้ไทยได้อยู่ในความสนใจของสื่อหลายสำนักทั่วโลกอีกครั้ง หน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องล้วนให้ความร่วมมือ และประสานงานเพื่อจับกุมผู้กระทำผิด
ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่จะดีมากขึ้น หากไทยกระฉับกระเฉงดำเนินการเอง โดยไม่ต้องถูกกระตุ้นจากสื่อต่างประเทศ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี