nn คนที่บอกว่า ผู้เล่นในอุตสาหกรรมสื่อสารในประเทศไทยมีเพียง 2 รายใหญ่ ต้องถือว่าตกยุค นอกจากจะมองข้าม NT ที่เป็นการรวมผู้ให้บริการ CAT+ TOT เกิดเป็นผู้ให้บริการชื่อว่า NT แล้ว ยังมองว่า หากเกิดการควบรวม ทรูและดีแทค จะเหลือผู้แข่งขันเพียงเอไอเอส กับบริษัทหลังการควบรวม ซึ่งถือได้ว่า นอกจาก
ผู้เล่น 3 รายเดิมแล้ว ยังมีผู้เล่นระดับโลก มาร่วมเล่นในอุตสาหกรรมสื่อสารไทยมานานแล้ว โดยภาครัฐไม่เคยควบคุม ไม่เคยจ่ายค่าไลเซ่นส์ ไม่เสียภาษี และที่สำคัญเป็นผู้ได้รายได้ส่วนใหญ่ ในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม
หากรายได้ของผู้ให้บริการโทรคมนาคม คือรายได้จาก SMS วันนี้รายได้ส่วนใหญ่ไปตกอยู่กับ Line (ไลน์) ผู้ให้บริการที่มาชิงรายได้ไปจาก SMS แย่งรายได้ ทั้งเอไอเอส ทรู ดีแทค และ NT นอกจากนี้ยังมีบริษัทจากต่างประเทศอย่างเช่น WeChat Whatsapp, Facebook,Messenger, Telegram, Line , Android Messageและ facebook message ที่มาเอาส่วนแบ่งรายได้การส่งข้อความไปเกือบทั้งหมด ดังนั้นคนที่พูดว่า ค่ายมือถือแข่งกัน 3 ราย คงต้องหาคำตอบหน่อยว่า จะให้ mobile operator เอาชนะบริษัทต่างชาติที่มาแย่งรายได้อย่างไร นักวิชาการควรมาช่วยหาคำตอบว่า บริษัทไทยจะสู้กับบริษัทที่ไม่ต้องจ่ายภาษี ไม่ต้องจ่ายไลเซ่นส์ได้อย่างไร
รายได้ที่สองที่สูญเสียให้ผู้เล่นต่างชาติ คือรายได้จากการโทร (Voice revenue)เช่นเดียวกันว่า ไม่ใช่ค่ายมือถือแข่งกัน วันนี้การโทรไปต่างประเทศก็ใช้ไลน์ โทรในประเทศก็โทรผ่านเน็ต ผ่านแอปของบริษัทต่างประเทศ โทรผ่านไลน์ ค่ายมือถือก็ไม่ได้เงิน ลงทุนเพิ่ม 5Gได้เงินค่าบริการเท่าเดิม แต่รายได้ไปตกกับแอป (Over the top) ถึง 90% โดยกำไรทั้งหมดไหลไปต่างประเทศ วันนี้ค่ายมือถือเป็นเพียงท่อโง่ๆ (Dump pipe) ให้บริษัทต่างชาติเหล่านี้หารายได้ ภาษีแทบไม่เคยต้องจ่าย แอปโทรบนเนตจำนวนมาก เช่น Line call, Google hangout, Vibor, Skype, WeChat, Whatsapp, และอีกมากมาย
รายได้จาก VDO Streaming ดาต้าคอนเทนต์ (Content) ที่ใช้ทรัพยากรอินเตอร์เนตมหาศาล การเข้ามาของ Netflix, Viu,Disney+ และอีกหลายราย ทำให้ค่ายมือถือต้องขยายท่อ รับการดูหนังออนไลน์ แต่การจ่ายรายเดือน ลูกค้าจ่ายไปให้เจ้าของคอนเทนต์ แทบไม่เหลือเนื้อติดกระดูกให้ค่ายมือถือ เป็นเพียงถนนให้ผู้เล่นต่างชาติมาหาเงิน ถึงเวลาแล้วหรือยังที่บริษัทไทยจะลุกขึ้นปลดแอก ปรับตัวเองขึ้นเป็นเทคโนโลยีแข่งกับต่างประเทศ
OTT ถูกเรียกในภาษาทั่วไปว่า “value added” ซึ่งหมายถึงบริการที่สร้าง “มูลค่าเพิ่ม” ที่สนุกสนานกับการทำรายได้ โดยไม่มีนักวิชาการออกมากำกับ หารายได้โดยอิสระ โดยไม่ถูกควบคุม โกยรายได้โดยไม่ต้องจ่ายภาษีมีเนื้อหาที่ยากต่อการควบคุม แต่ไม่ค่อยมี NGOออกมาเรียกร้อง ยังคงขี่บนหลังผู้ประกอบการไทยได้อย่างอิสระ ถึงเวลาหรือยังที่คนไทยจะส่งเสริมบริษัทไทย สร้างความแข็งแกร่งไปแข่งกับตลาดที่เปลี่ยนไป มีปลาหลายชนิดที่แข่งในบ่ออย่านับแค่ปลาที่ชื่อว่า เอไอเอส ทรู ดีแทค แต่ยังมีปลาเร็วที่กินปลาทุกชนิด อย่างเช่น Google, Facebook, Line, Youtube WeChat WhatsappNetflix skype และอื่นๆ อีกมากมายที่อยู่ในอุตสาหกรรม ถึงเวลาที่คนไทยต้องส่งเสริมบริษัทไทย สู่การเป็นบริษัทเทคโนโลยีเหล่านี้ ไม่ใช่จำกัดตัวเองแค่แข่งกันเองในการเป็นท่อส่งข้อมูล ซึ่งตลาดได้เปลี่ยนไปหมดแล้ว
ส่วนคนที่ออกมาพูดถึงความกังวลในประเด็นเรื่อง ผู้บริโภคที่ใช้บริการโทรศัพท์มือถือจะถูกเอาเปรียบจากผู้ให้บริการ ในประเด็นของราคา ในประเด็นเรื่องของการบริการที่จะไม่พัฒนาขึ้น เพราะไม่มีการแข่งขัน อันนี้ต้องบอกอย่างนี้ว่า ในเรื่องค่าบริการนั้น อุตสาหกรรมโทรคมนาคม ประเทศไทย มีสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เป็นผู้ควบคุมอยู่ในทุกด้าน รวมถึงเรื่องของราคาค่าบริการด้วยส่วนประเด็นเรื่องการแข่งขันที่คิดว่าจะน้อยลงแล้วจะทำให้ผู้ให้บริการไม่พยายามปรับปรุงคุณภาพการบริการ อันนี้คงลืมไปแล้วว่า ตอนนี้พฤติกรรมผู้บริโภคของไทยเปลี่ยนไปมากแค่ไหน ต้องบอกอย่างนี้ว่าปัจจุบันผู้บริโภคไม่มีความภักดีในแบรนด์อีกต่อไปแล้ว พร้อมที่จะเปลี่ยนและลองของใหม่ที่ดีกว่าตลอดเวลา ที่สำคัญการย้ายค่ายโทรศัพท์มือถือของคนไทยตอนนี้ก็ทำได้ง่ายดายมากๆ หากค่ายไหนไม่พัฒนาประสิทธิภาพรับรองได้เลยว่าลูกค้าหายเกลี้ยงไม่เหลือแน่ๆ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี