วันพฤหัสบดี ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์โลกธุรกิจ / กฎ กติกา ธุรกิจ
กฎ กติกา ธุรกิจ

กฎ กติกา ธุรกิจ

รุจิระ บุนนาค
วันศุกร์ ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2565, 02.00 น.
ก.ม.ทำแท้ง อเมริกา และไทย

ดูทั้งหมด

  •  

ในปีพ.ศ. 2516 ศาลสูงสุดสหรัฐอเมริกา(Supreme Court) ได้มีคำพิพากษาชื่อ “Roe v Wade” คดีระหว่างโรกับเวด ผู้ร้อง คือ เจน โร กับพวก และผู้ถูกร้อง คือ เฮนรี เวด อัยการเขตเทศมณฑลดัลลัส สาระแห่งคดี คือขอให้ศาลสูงสุดสหรัฐอเมริกา วินิจฉัยว่า กฎหมายทำแท้งของรัฐเท็กซัส ซึ่งห้ามการทำหรือพยายามทำแท้ง เว้นแต่มีคำแนะนำทางการแพทย์เพื่อช่วยชีวิตของมารดา ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่จนที่สุด ศาลได้มีคำพิพากษาให้ความคุ้มครองเสรีภาพของหญิงมีครรภ์ในการเลือกทำแท้งได้ โดยปราศจากข้อจำกัดของรัฐบาลเกินควร

คดี Roe v Wade ศาลสูงสุดมีมติด้วยเสียง 7 ต่อ 2 ชี้ว่าการยุติการตั้งครรภ์ของผู้หญิงเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ คำตัดสินนี้ให้สิทธิแก่ผู้หญิงในการยุติการตั้งครรภ์ในช่วงสามเดือนแรกของการตั้งครรภ์ แต่ยอมให้สิทธิโดยมีข้อจำกัดในระยะที่สอง และห้ามยุติการทำแท้งในระยะที่สามของการตั้งครรภ์


คำพิพากษาคดีดังกล่าวใช้บังคับมาร่วม 5 ทศวรรษ จนเมื่อกลางเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2565 ผู้หญิงนับล้านคนในสหรัฐฯ จะต้องสูญเสียสิทธิในการยุติการตั้งครรภ์ เมื่อศาลสูงสหรัฐฯ ได้มีคำพิพากษากลับคำพิพากษาคดี Roe v Wade โดยศาลสูงได้พิจารณาคดี Dobbs v Jackson ซึ่งเป็นคดีที่องค์กรดูแลสุขภาพสตรี (Women’s Health Organization) ได้คัดค้านคำสั่งของรัฐมิสซิสซิปปี ที่ห้ามการทำแท้งหลังมีอายุครรภ์ครบ 15 สัปดาห์ แต่ศาลสูงสุดซึ่งผู้พิพากษาส่วนใหญ่เป็นสายอนุรักษ์ มีมติด้วยเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 ยกเลิกสิทธิตามรัฐธรรมนูญสำหรับการทำแท้งในสหรัฐฯ ในขณะที่ผู้พิพากษาสายเสรีนิยม 3 ราย ลงมติสนับสนุน

หลังจากที่ได้มีการตัดสินคดีนี้ได้เกิดการประท้วงอย่างน้อย 70 แห่งทั่วทั้งสหรัฐฯ ในแอตแลนตา ซานฟรานซิสโกบอสตัน ลอสแองเจลิส นิวยอร์ก และฮิวสตัน เพื่อคัดค้านคำตัดสินของศาลสูงสุดสหรัฐอเมริกา ที่ล้มล้างสิทธิตามรัฐธรรมนูญสำหรับการทำแท้ง นอกจากนี้ สถาบัน Guttmacher Institute ที่สนับสนุนทางเลือกให้สตรีมีสิทธิทำแท้ง ได้ประเมินว่า จะมีรัฐไม่ต่ำกว่า26 แห่ง ส่วนใหญ่จะอยู่ทางใต้และตะวันตกตอนกลางหรือเขตมิดเวสต์ เตรียมออกกฎห้ามทำแท้ง ซึ่งหมายความว่าผู้หญิงหลายล้านคนในสหรัฐฯที่ต้องการทำแท้ง จำเป็นต้องเดินทางข้ามรัฐ ไปยังเขตที่สิทธิการทำแท้งได้รับการคุ้มครอง

ทางด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้แสดงความไม่เห็นด้วยต่อคำตัดสินของศาล ทั้งยังกล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลสหรัฐจะดำเนินการทุกอย่าง เพื่อปกป้องสิทธิในการทำแท้ง พร้อมกับเรียกร้องให้ชาวอเมริกันลงคะแนนเสียงเลือกผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาที่สนับสนุนการใช้สิทธิทำแท้งตามรัฐธรรมนูญในการเลือกตั้งกลางเทอม ที่จะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2565

สำหรับอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ถือได้ว่าเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่เคยสร้างประวัติศาสตร์ ร่วมม็อบต้านทำแท้ง โดยขึ้นเวทีปราศรัย “March for  Life”การเดินขบวนเพื่อต่อต้านการทำแท้ง เมื่อปีพ.ศ. 2563 โดย ทรัมป์ ได้แสดงจุดยืนสนับสนุนการเคลื่อนไหวดังกล่าวซึ่งเป็นการปกป้องสิทธิของเด็กทุกคน  ทั้งที่เกิดมาแล้ว และยังไม่เกิด สำหรับอดีตประธานาธิบดี โรนัลด์ เรแกนและ จอร์จ  ดับเบิลยู. บุช จากพรรครีพับลิกัน เคยเพียงปราศรัยผ่านระบบสื่อสารทางไกลกับผู้ร่วมงานเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม Gallup Poll ได้ออกสำรวจความเห็นของประชาชนในสหรัฐฯ ผลออกมาปรากฏว่า ร้อยละ 55 ของคนอเมริกัน มีความเห็นว่าตนเองอยู่ในกลุ่มสนับสนุนให้สตรีมีทางเลือกต่อการทำแท้ง

ระบบกฎหมายในประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นระบบกฎหมายที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษร หรือระบบคำพิพากษาของศาล เมื่อศาลมีคำพิพากษาถือเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับ โดยไม่จำเป็นต้องเสนอกฎหมายผ่านรัฐสภาสำหรับกฎหมายที่เป็นเรื่องทั่วไป กฎหมายระบบนี้เรียกว่า Common Law

ระบบกฎหมายในประเทศสหรัฐอเมริกาจึงแตกต่างจากระบบกฎหมายในประเทศไทย ที่เป็นระบบลายลักษณ์อักษร กฎหมายที่ใช้บังคับต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา กฎหมายระบบนี้เรียกว่า Civil Law

กฎหมายทำแท้งของไทย เมื่อพิจารณาประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 301 “หญิงใดทำให้ตนเองแท้งลูก หรือยอมให้ผู้อื่นทำให้ตนแท้งลูกต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”  

มาตรา 302 “ผู้ใดทำให้หญิงแท้งลูกโดยหญิงนั้นยินยอม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ถ้าการกระทำนั้นเป็นเหตุให้หญิงรับอันตรายสาหัสอย่างอื่นด้วย ผู้กระทำ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ถ้าการกระทำนั้นเป็นเหตุให้หญิงถึงแก่ความตายผู้กระทำ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท”    

จะเห็นได้ว่าทั้งหญิงและผู้ที่ทำให้หญิงแท้งลูกต่างมีความผิด ส่วนอัตราโทษมากน้อยต่างกันขึ้นอยู่กับผลภายหลังจากการทำแท้ง ว่าหญิงได้รับอันตรายสาหัสหรือถึงแก่ความตาย

อย่างไรก็ตาม มาตรา 305 ได้กำหนดข้อยกเว้นความผิดไว้ 2 กรณี คือ (1) กรณีการทำแท้งมีความจำเป็นต้องกระทำเนื่องจากสุขภาพของหญิง และ (2) กรณีที่หญิงมีครรภ์เนื่องจากการกระทำความผิดอาญาตามที่กฎหมายกำหนด คือ ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา ความผิดฐานเป็นธุระจัดหาบุคคลไปเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น และความผิดฐานพาบุคคลไปเพื่อการอนาจาร

นอกจากนี้ ข้อบังคับแพทยสภาว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติเกี่ยวกับการยุติการตั้งครรภ์ทางการแพทย์ ตามมาตรา 305 แห่งประมวลกฎหมายอาญา มีสาระสำคัญ
กำหนดให้แพทย์สามารถยุติการตั้งครรภ์ได้ในกรณีต่อไปนี้คือ (1) กรณีหญิงมีครรภ์มีปัญหาสุขภาพกาย (2) กรณีหญิงมีครรภ์มีปัญหาสุขภาพจิต (3) เมื่อทารกในครรภ์มีความพิการอย่างรุนแรงหรือมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคพันธุกรรมที่รุนแรง และหญิงนั้นมีความเครียด และ(4) กรณีหญิงถูกข่มขืน ทั้งนี้ แพทย์ที่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวถือว่าได้กระทำตามมาตรา 305 ประมวลกฎหมายอาญาและถือว่าไม่มีความผิด

เมื่อพิจารณาประมวลกฎหมายอาญา ตามมาตรา 305และข้อบังคับแพทยสภาฯ พบว่า เหตุยกเว้นความผิดฐานทำแท้งไม่ครอบคลุมถึงกรณีการตั้งครรภ์เมื่อไม่พร้อม เช่น การตั้งครรภ์ในวัยเรียน ตั้งครรภ์ที่เกิดจากความผิดพลาดของการคุมกำเนิด หรือการตั้งครรภ์ในขณะประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ

การทำแท้งแม้ว่าจะได้รับอนุญาตให้ทำได้ตามกฎหมาย เพราะมีเหตุเป็นกรณีพิเศษ ยังถือว่าเป็นการทำลายชีวิตน้อยๆ ลงไป ทางที่ดีที่สุดควรหลีกเลี่ยงการตั้งครรภ์โดยไม่พึงปรารถนา

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
07:30 น. ยกระดับธุรกิจค้าส่งค้าปลีกไทย กรมพัฒน์ลงพื้นที่เก็บข้อมูลจากผู้ประกอบการ
07:30 น. กบข.เตรียม2.5หมื่นล้านจ่ายสมาชิกเกษียณ
07:21 น. เลคเชอร์ 4 เหตุผล ทำไม‘ศาล รธน.’ตีตกคำร้องปม‘อนุทิน’ยึดถนนหลวงเป็นรันเวย์
07:16 น. ภัยออนไลน์เกลื่อนเมือง ยอดร้องเรียนกว่า27,332 เรื่อง
07:10 น. เปิดภาพ‘นายกฯหนู’กินอาหารอีสานมื้อค่ำ สยบลือ‘โผครม.’สะดุด
ดูทั้งหมด
ออกครบแล้ว! ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 16 กันยายน 2568
'เพลง ชนม์ทิดา'ร่ายความในใจ หลังถูกจับตาความสัมพันธ์'เป๊ก เศรณี'
‘ในหลวง-พระราชินี’ เสด็จฯทอดพระเนตรการแสดงกายกรรมจากจีน
'มล.รจนาธร'โพสต์ขอบคุณ'ลิซ่า ลลิษา' สวมจิวเวลรีแบรนด์ไทยในลุค After party Emmy Awards
(คลิป) 'ฮุนเซน' ออกโรงแจงด่วนกลางดึก ยึดทรัพย์ 'ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์' ในเขมร
ดูทั้งหมด
อลัชชีหุ้มจีวร
‘หนู-1’รัฐบาลชั่วคราวไม่ค้างคืน
ไทยต้องปรับปรุงด่วน ถ้ายังอยากอยู่ในสายตานักลงทุนโลก
หนึ่งวันพันเหตุการณ์
แลนด์บริดจ์ ยุคนายกฯอนุทิน
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

เปิดภาพ‘นายกฯหนู’กินอาหารอีสานมื้อค่ำ สยบลือ‘โผครม.’สะดุด

แนวหน้าวิเคราะห์ : สูงวัยไทยครองเมืองพุ่ง 13.6 ล้านคน แซงเด็กเกิดน้อย/เหนือ-อีสานแชมป์

(คลิป) 'เจ๊ปอง' ถึงน้องรัก 'ขิง เอกนัฎ'

ไทยขึ้นเบอร์2ของโลก ในฐานะผู้ส่งออกอาหารสุนัข-แมว

กต.ออกแถลงการณ์!!! เรียกร้องกัมพูชายุติการปลุกระดมยั่วยุ ในพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้ว

'แม่ทัพภาค 2'โชว์ผลงานรอบ 1 ปี ขยายผลจับยาบ้า ซัดเจ้าหน้าที่นอกคอก ต้องกำจัดออกจากระบบ

  • Breaking News
  • ยกระดับธุรกิจค้าส่งค้าปลีกไทย กรมพัฒน์ลงพื้นที่เก็บข้อมูลจากผู้ประกอบการ ยกระดับธุรกิจค้าส่งค้าปลีกไทย กรมพัฒน์ลงพื้นที่เก็บข้อมูลจากผู้ประกอบการ
  • กบข.เตรียม2.5หมื่นล้านจ่ายสมาชิกเกษียณ กบข.เตรียม2.5หมื่นล้านจ่ายสมาชิกเกษียณ
  • เลคเชอร์ 4 เหตุผล ทำไม‘ศาล รธน.’ตีตกคำร้องปม‘อนุทิน’ยึดถนนหลวงเป็นรันเวย์ เลคเชอร์ 4 เหตุผล ทำไม‘ศาล รธน.’ตีตกคำร้องปม‘อนุทิน’ยึดถนนหลวงเป็นรันเวย์
  • ภัยออนไลน์เกลื่อนเมือง ยอดร้องเรียนกว่า27,332 เรื่อง ภัยออนไลน์เกลื่อนเมือง ยอดร้องเรียนกว่า27,332 เรื่อง
  • เปิดภาพ‘นายกฯหนู’กินอาหารอีสานมื้อค่ำ สยบลือ‘โผครม.’สะดุด เปิดภาพ‘นายกฯหนู’กินอาหารอีสานมื้อค่ำ สยบลือ‘โผครม.’สะดุด
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

บันทึกข้อตกลงการเมือง MOU MOA บังคับได้หรือ?

บันทึกข้อตกลงการเมือง MOU MOA บังคับได้หรือ?

12 ก.ย. 2568

ย้อนรอยคดีพระ ทุจริตเครื่องราช

ย้อนรอยคดีพระ ทุจริตเครื่องราช

5 ก.ย. 2568

อาหารเสริม ยา โฆษณา สรรพคุณเกินจริง?

อาหารเสริม ยา โฆษณา สรรพคุณเกินจริง?

29 ส.ค. 2568

หมูมะกัน ทะลักเข้าไทย

หมูมะกัน ทะลักเข้าไทย

22 ส.ค. 2568

บริการรถสาธารณะผ่านแอป

บริการรถสาธารณะผ่านแอป

15 ส.ค. 2568

ภาษีการค้า (สหรัฐฯ) และปัญหาชายแดน (กัมพูชา)

ภาษีการค้า (สหรัฐฯ) และปัญหาชายแดน (กัมพูชา)

8 ส.ค. 2568

ภิกษุ สงฆ์ ธรรมวินัย กับกฎหมาย

ภิกษุ สงฆ์ ธรรมวินัย กับกฎหมาย

1 ส.ค. 2568

กสทช. กับการใช้อำนาจที่เกินขอบเขต

กสทช. กับการใช้อำนาจที่เกินขอบเขต

25 ก.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved