วันพฤหัสบดี ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์โลกธุรกิจ / กฎ กติกา ธุรกิจ
กฎ กติกา ธุรกิจ

กฎ กติกา ธุรกิจ

รุจิระ บุนนาค
วันศุกร์ ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2565, 02.00 น.
ก.ม.ทำแท้ง อเมริกา และไทย

ดูทั้งหมด

  •  

ในปีพ.ศ. 2516 ศาลสูงสุดสหรัฐอเมริกา(Supreme Court) ได้มีคำพิพากษาชื่อ “Roe v Wade” คดีระหว่างโรกับเวด ผู้ร้อง คือ เจน โร กับพวก และผู้ถูกร้อง คือ เฮนรี เวด อัยการเขตเทศมณฑลดัลลัส สาระแห่งคดี คือขอให้ศาลสูงสุดสหรัฐอเมริกา วินิจฉัยว่า กฎหมายทำแท้งของรัฐเท็กซัส ซึ่งห้ามการทำหรือพยายามทำแท้ง เว้นแต่มีคำแนะนำทางการแพทย์เพื่อช่วยชีวิตของมารดา ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่จนที่สุด ศาลได้มีคำพิพากษาให้ความคุ้มครองเสรีภาพของหญิงมีครรภ์ในการเลือกทำแท้งได้ โดยปราศจากข้อจำกัดของรัฐบาลเกินควร

คดี Roe v Wade ศาลสูงสุดมีมติด้วยเสียง 7 ต่อ 2 ชี้ว่าการยุติการตั้งครรภ์ของผู้หญิงเป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญ คำตัดสินนี้ให้สิทธิแก่ผู้หญิงในการยุติการตั้งครรภ์ในช่วงสามเดือนแรกของการตั้งครรภ์ แต่ยอมให้สิทธิโดยมีข้อจำกัดในระยะที่สอง และห้ามยุติการทำแท้งในระยะที่สามของการตั้งครรภ์


คำพิพากษาคดีดังกล่าวใช้บังคับมาร่วม 5 ทศวรรษ จนเมื่อกลางเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2565 ผู้หญิงนับล้านคนในสหรัฐฯ จะต้องสูญเสียสิทธิในการยุติการตั้งครรภ์ เมื่อศาลสูงสหรัฐฯ ได้มีคำพิพากษากลับคำพิพากษาคดี Roe v Wade โดยศาลสูงได้พิจารณาคดี Dobbs v Jackson ซึ่งเป็นคดีที่องค์กรดูแลสุขภาพสตรี (Women’s Health Organization) ได้คัดค้านคำสั่งของรัฐมิสซิสซิปปี ที่ห้ามการทำแท้งหลังมีอายุครรภ์ครบ 15 สัปดาห์ แต่ศาลสูงสุดซึ่งผู้พิพากษาส่วนใหญ่เป็นสายอนุรักษ์ มีมติด้วยเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 ยกเลิกสิทธิตามรัฐธรรมนูญสำหรับการทำแท้งในสหรัฐฯ ในขณะที่ผู้พิพากษาสายเสรีนิยม 3 ราย ลงมติสนับสนุน

หลังจากที่ได้มีการตัดสินคดีนี้ได้เกิดการประท้วงอย่างน้อย 70 แห่งทั่วทั้งสหรัฐฯ ในแอตแลนตา ซานฟรานซิสโกบอสตัน ลอสแองเจลิส นิวยอร์ก และฮิวสตัน เพื่อคัดค้านคำตัดสินของศาลสูงสุดสหรัฐอเมริกา ที่ล้มล้างสิทธิตามรัฐธรรมนูญสำหรับการทำแท้ง นอกจากนี้ สถาบัน Guttmacher Institute ที่สนับสนุนทางเลือกให้สตรีมีสิทธิทำแท้ง ได้ประเมินว่า จะมีรัฐไม่ต่ำกว่า26 แห่ง ส่วนใหญ่จะอยู่ทางใต้และตะวันตกตอนกลางหรือเขตมิดเวสต์ เตรียมออกกฎห้ามทำแท้ง ซึ่งหมายความว่าผู้หญิงหลายล้านคนในสหรัฐฯที่ต้องการทำแท้ง จำเป็นต้องเดินทางข้ามรัฐ ไปยังเขตที่สิทธิการทำแท้งได้รับการคุ้มครอง

ทางด้านประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้แสดงความไม่เห็นด้วยต่อคำตัดสินของศาล ทั้งยังกล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลสหรัฐจะดำเนินการทุกอย่าง เพื่อปกป้องสิทธิในการทำแท้ง พร้อมกับเรียกร้องให้ชาวอเมริกันลงคะแนนเสียงเลือกผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาที่สนับสนุนการใช้สิทธิทำแท้งตามรัฐธรรมนูญในการเลือกตั้งกลางเทอม ที่จะมีขึ้นในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2565

สำหรับอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ถือได้ว่าเป็นประธานาธิบดีคนแรกที่เคยสร้างประวัติศาสตร์ ร่วมม็อบต้านทำแท้ง โดยขึ้นเวทีปราศรัย “March for  Life”การเดินขบวนเพื่อต่อต้านการทำแท้ง เมื่อปีพ.ศ. 2563 โดย ทรัมป์ ได้แสดงจุดยืนสนับสนุนการเคลื่อนไหวดังกล่าวซึ่งเป็นการปกป้องสิทธิของเด็กทุกคน  ทั้งที่เกิดมาแล้ว และยังไม่เกิด สำหรับอดีตประธานาธิบดี โรนัลด์ เรแกนและ จอร์จ  ดับเบิลยู. บุช จากพรรครีพับลิกัน เคยเพียงปราศรัยผ่านระบบสื่อสารทางไกลกับผู้ร่วมงานเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม Gallup Poll ได้ออกสำรวจความเห็นของประชาชนในสหรัฐฯ ผลออกมาปรากฏว่า ร้อยละ 55 ของคนอเมริกัน มีความเห็นว่าตนเองอยู่ในกลุ่มสนับสนุนให้สตรีมีทางเลือกต่อการทำแท้ง

ระบบกฎหมายในประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นระบบกฎหมายที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษร หรือระบบคำพิพากษาของศาล เมื่อศาลมีคำพิพากษาถือเป็นกฎหมายที่ใช้บังคับ โดยไม่จำเป็นต้องเสนอกฎหมายผ่านรัฐสภาสำหรับกฎหมายที่เป็นเรื่องทั่วไป กฎหมายระบบนี้เรียกว่า Common Law

ระบบกฎหมายในประเทศสหรัฐอเมริกาจึงแตกต่างจากระบบกฎหมายในประเทศไทย ที่เป็นระบบลายลักษณ์อักษร กฎหมายที่ใช้บังคับต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา กฎหมายระบบนี้เรียกว่า Civil Law

กฎหมายทำแท้งของไทย เมื่อพิจารณาประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 301 “หญิงใดทำให้ตนเองแท้งลูก หรือยอมให้ผู้อื่นทำให้ตนแท้งลูกต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”  

มาตรา 302 “ผู้ใดทำให้หญิงแท้งลูกโดยหญิงนั้นยินยอม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ถ้าการกระทำนั้นเป็นเหตุให้หญิงรับอันตรายสาหัสอย่างอื่นด้วย ผู้กระทำ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ถ้าการกระทำนั้นเป็นเหตุให้หญิงถึงแก่ความตายผู้กระทำ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท”    

จะเห็นได้ว่าทั้งหญิงและผู้ที่ทำให้หญิงแท้งลูกต่างมีความผิด ส่วนอัตราโทษมากน้อยต่างกันขึ้นอยู่กับผลภายหลังจากการทำแท้ง ว่าหญิงได้รับอันตรายสาหัสหรือถึงแก่ความตาย

อย่างไรก็ตาม มาตรา 305 ได้กำหนดข้อยกเว้นความผิดไว้ 2 กรณี คือ (1) กรณีการทำแท้งมีความจำเป็นต้องกระทำเนื่องจากสุขภาพของหญิง และ (2) กรณีที่หญิงมีครรภ์เนื่องจากการกระทำความผิดอาญาตามที่กฎหมายกำหนด คือ ความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา ความผิดฐานเป็นธุระจัดหาบุคคลไปเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น และความผิดฐานพาบุคคลไปเพื่อการอนาจาร

นอกจากนี้ ข้อบังคับแพทยสภาว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติเกี่ยวกับการยุติการตั้งครรภ์ทางการแพทย์ ตามมาตรา 305 แห่งประมวลกฎหมายอาญา มีสาระสำคัญ
กำหนดให้แพทย์สามารถยุติการตั้งครรภ์ได้ในกรณีต่อไปนี้คือ (1) กรณีหญิงมีครรภ์มีปัญหาสุขภาพกาย (2) กรณีหญิงมีครรภ์มีปัญหาสุขภาพจิต (3) เมื่อทารกในครรภ์มีความพิการอย่างรุนแรงหรือมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคพันธุกรรมที่รุนแรง และหญิงนั้นมีความเครียด และ(4) กรณีหญิงถูกข่มขืน ทั้งนี้ แพทย์ที่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวถือว่าได้กระทำตามมาตรา 305 ประมวลกฎหมายอาญาและถือว่าไม่มีความผิด

เมื่อพิจารณาประมวลกฎหมายอาญา ตามมาตรา 305และข้อบังคับแพทยสภาฯ พบว่า เหตุยกเว้นความผิดฐานทำแท้งไม่ครอบคลุมถึงกรณีการตั้งครรภ์เมื่อไม่พร้อม เช่น การตั้งครรภ์ในวัยเรียน ตั้งครรภ์ที่เกิดจากความผิดพลาดของการคุมกำเนิด หรือการตั้งครรภ์ในขณะประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ

การทำแท้งแม้ว่าจะได้รับอนุญาตให้ทำได้ตามกฎหมาย เพราะมีเหตุเป็นกรณีพิเศษ ยังถือว่าเป็นการทำลายชีวิตน้อยๆ ลงไป ทางที่ดีที่สุดควรหลีกเลี่ยงการตั้งครรภ์โดยไม่พึงปรารถนา

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
21:25 น. (คลิป) แนวหน้าTAlk : เศรษฐกิจไทย วิกฤติและโอกาส
21:20 น. ย้ำไทยยึดหลักการ 4 ข้อ! รัฐบาลยันประชุม JBC ไม่มีเรื่องมาตราส่วนแผนที่-ปักหมุดเขตแดน
21:12 น. 'ฮุน มาเนต'บิดเบือน! กต.ยันประชุม JBC ไม่ได้หารือแผนที่ 1:200,000
21:00 น. ร่างตัวประกันชาวไทยที่เสียชีวิตในกาซาถึงไทยแล้ว กต.ร่วมพิธีรับร่าง-ไว้อาลัย
20:42 น. 'พลอย เฌอมาลย์'เปิดใจครั้งแรก! ตรวจพบมะเร็งเต้านม น้ำหนักฮวบ13โล-ฉายแสงจนหน้าอกไหม้
ดูทั้งหมด
'สนามบินเตโช'มีผู้โดยสารเทียบเท่า'สุวรรณภูมิ' 2พ่อลูกตระกูลฮุนยันไม่ได้กู้เงินจีนสร้าง
‘เกาหลีใต้’บอมบ์‘ฮุน มาเนต’กลางวงทูตทั่วโลก หมดสภาพผู้นำ
ลดราคาดีเซล 50 สตางค์/ลิตร-เบนซิน 30 สตางค์/ลิตร มีผลพรุ่งนี้
ฟ้าผ่าบอลไทย! ปลด'อิชิอิ'พ้นกุนซือช้างศึก
ยิปซี 12 นักษัตร พยากรณ์ : ระหว่างวันที่ 19 - 25 ตุลาคม พ.ศ. 2568
ดูทั้งหมด
สามแถบสีที่เป็นชาติประกาศนาม
‘ฟ้ากับเหว’นายกฯหญิงญี่ปุ่นกับ‘2 นายกฯหญิงตระกูลชิน’
ทีมผู้คิด ผู้ทำ ของนายกรัฐมนตรี
แพแตกหรือไม่?
เพื่อไทยเปลี่ยนหัว ยกเครื่อง หรือศัลยกรรมการเมือง?
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

(คลิป) แนวหน้าTAlk : เศรษฐกิจไทย วิกฤติและโอกาส

ย้ำไทยยึดหลักการ 4 ข้อ! รัฐบาลยันประชุม JBC ไม่มีเรื่องมาตราส่วนแผนที่-ปักหมุดเขตแดน

'ฮุน มาเนต'บิดเบือน! กต.ยันประชุม JBC ไม่ได้หารือแผนที่ 1:200,000

ร่างตัวประกันชาวไทยที่เสียชีวิตในกาซาถึงไทยแล้ว กต.ร่วมพิธีรับร่าง-ไว้อาลัย

'พลอย เฌอมาลย์'เปิดใจครั้งแรก! ตรวจพบมะเร็งเต้านม น้ำหนักฮวบ13โล-ฉายแสงจนหน้าอกไหม้

'เฟิงเฉิน'พ่นพิษ! ภูเก็ตฝนถล่ม น้ำท่วมขัง ถนนสัญจรเหลือช่องทางเดียว

  • Breaking News
  • (คลิป) แนวหน้าTAlk : เศรษฐกิจไทย วิกฤติและโอกาส (คลิป) แนวหน้าTAlk : เศรษฐกิจไทย วิกฤติและโอกาส
  • ย้ำไทยยึดหลักการ 4 ข้อ! รัฐบาลยันประชุม JBC ไม่มีเรื่องมาตราส่วนแผนที่-ปักหมุดเขตแดน ย้ำไทยยึดหลักการ 4 ข้อ! รัฐบาลยันประชุม JBC ไม่มีเรื่องมาตราส่วนแผนที่-ปักหมุดเขตแดน
  • \'ฮุน มาเนต\'บิดเบือน! กต.ยันประชุม JBC ไม่ได้หารือแผนที่ 1:200,000 'ฮุน มาเนต'บิดเบือน! กต.ยันประชุม JBC ไม่ได้หารือแผนที่ 1:200,000
  • ร่างตัวประกันชาวไทยที่เสียชีวิตในกาซาถึงไทยแล้ว กต.ร่วมพิธีรับร่าง-ไว้อาลัย ร่างตัวประกันชาวไทยที่เสียชีวิตในกาซาถึงไทยแล้ว กต.ร่วมพิธีรับร่าง-ไว้อาลัย
  • \'พลอย เฌอมาลย์\'เปิดใจครั้งแรก! ตรวจพบมะเร็งเต้านม น้ำหนักฮวบ13โล-ฉายแสงจนหน้าอกไหม้ 'พลอย เฌอมาลย์'เปิดใจครั้งแรก! ตรวจพบมะเร็งเต้านม น้ำหนักฮวบ13โล-ฉายแสงจนหน้าอกไหม้
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

บันไดหนีไฟ คอนโดฯ หนีตาย หรือหนีไปตาย?

บันไดหนีไฟ คอนโดฯ หนีตาย หรือหนีไปตาย?

17 ต.ค. 2568

หวยรัฐ เจ้าปัญหา

หวยรัฐ เจ้าปัญหา

10 ต.ค. 2568

ร่างกม.นิรโทษกรรมรุกป่า

ร่างกม.นิรโทษกรรมรุกป่า

3 ต.ค. 2568

ครม.ฮันนีมูน

ครม.ฮันนีมูน

26 ก.ย. 2568

อายัด เฉพาะยอดเงินบัญชีต้องสงสัย จริงหรือ?

อายัด เฉพาะยอดเงินบัญชีต้องสงสัย จริงหรือ?

19 ก.ย. 2568

บันทึกข้อตกลงการเมือง MOU MOA บังคับได้หรือ?

บันทึกข้อตกลงการเมือง MOU MOA บังคับได้หรือ?

12 ก.ย. 2568

ย้อนรอยคดีพระ ทุจริตเครื่องราช

ย้อนรอยคดีพระ ทุจริตเครื่องราช

5 ก.ย. 2568

อาหารเสริม ยา โฆษณา สรรพคุณเกินจริง?

อาหารเสริม ยา โฆษณา สรรพคุณเกินจริง?

29 ส.ค. 2568

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved