ในปี 2564 รวมมูลค่าการค้าชายแดนและมูลค่าการค้าข้ามแดนมีการปรับตัวขึ้นกว่า 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY ) เป็น 1.71 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่ามูลค่าการค้าในช่วงก่อน COVID-19 ในปี 2562 ที่ 1.34 ล้านล้านบาท โดยเป็นการปรับตัวขึ้นทั้งการส่งออกและการนำเข้า และเป็นการปรับขึ้นจากการค้ากับทุกประเทศคู่ค้า ส่วนในช่วง 7 เดือน แรกของปี 2565 (มกราคม-กรกฎาคม) มูลค่าการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดนของไทย ยังคงเติบโตราว 3% YoY เป็นราว 9.9 แสนล้านบาท การปรับตัวเพิ่มขึ้นดังกล่าวเกิดจากการค้าชายแดนเป็นหลัก โดยมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 6.18 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 20.6% YoY ซึ่งเป็นการปรับตัวทั้งจากการนำเข้าและการส่งออกจากทุกประเทศคู่ค้า (เมียนมา ลาว กัมพูชา มาเลเซีย) สำหรับทั้งปี 2565 กระทรวงพาณิชย์ของไทยคาดว่า มูลค่าการค้าชายแดน ทั้งส่งออกและนำเข้าจะขยายตัวต่อเนื่องในกรอบ 5% YoY และคาดว่ามูลค่าการค้าชายแดนและผ่านแดนในปี 2566 จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยเฉพาะการค้าชายแดนระหว่างไทย-ลาว และการค้าผ่านแดนระหว่างไทย-จีน ที่ได้รับอานิสงส์จากโครงสร้างพื้นฐานรถไฟความเร็วสูงที่เปิดให้บริการแล้วเมื่อเดือนธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา
รถไฟความเร็วสูงลาว-จีน ระยะทาง 400 กิโลเมตร ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาการเดินทางและขนส่งระหว่างเวียงจันทร์-บ่อเต็น จากเดิมที่ใช้รถบรรทุกหรือรถโดยสาร 13 ชั่วโมง เป็นราว 4 ชั่วโมง 20 นาที ตั้งอยู่ห่างจาก จ.หนองคาย ของไทย ราว 25 กิโลเมตร และบ่อเต็น เมืองหลวงน้ำทา ลาว ซึ่งอยู่ติดกับชายแดนจีน และสามารถเชื่อมต่อไปยังเมืองคุนหมิงของจีนได้ โดยมีสถานีโดยสารจำนวน 32 สถานี แบ่งเป็น สถานีขนส่งสินค้า 22 สถานี และ สถานีขนส่งผู้โดยสาร 10 สถานี นอกจากนี้ทางการลาวยังได้สร้างท่าเรือบก (Dry port) กระจายตามเส้นทางรถไฟความเร็วสูงอีกด้วย ในปี 2565 ไทย และ สปป.ลาว มีแผนที่จะผลักดันการเปิดจุดผ่านแดนถาวร เพิ่มอีก 5 แห่งในปี 2565 ปัจจุบัน ไทยมีจุดผ่านแดนถาวร ด้าน สปป.ลาว 20 แห่ง และไทยมีแผนที่จะพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งเห็นภาพมากขึ้น 2 แห่ง ได้แก่ นิคมอุตสาหกรรมอุดรธานี นิคมอุตสาหกรรมอุบลราชธานี ซึ่งจะเป็นแหล่งผลิตและกระจายสินค้าทั้งในประเทศรวมถึงประเทศในกลุ่ม CLMV และจีนต่อไป
3 คำถามสำคัญที่ต้องติดตามในระยะถัดไป อันได้แก่ 1) สินค้าอะไรที่ไทยสามารถพัฒนาการส่งออกไปยังลาวและจีนได้มากขึ้น? 2) ผู้ประกอบการโลจิสติกส์ไทยควรเตรียมพร้อมกับการรองรับการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศด้วยรถไฟความเร็วสูงลาว-จีน อย่างไร? และ 3) โครงข่ายคมนาคมรถไฟความเร็วสูงลาว-จีน ที่สร้างขึ้น จะส่งผลอย่างไรต่อการท่องเที่ยวของลาวและผู้ประกอบการท่องเที่ยวของไทย?
1.จากการวิเคราะห์ประเภทของสินค้าที่สามารถส่งออกข้ามแดนไปยังลาวและส่งออกผ่านแดนไปยังจีน มีอยู่ 4 กลุ่ม ได้แก่ 1) กลุ่มที่เป็นดาวเด่น (Star) กลุ่มสินค้าที่มีอัตราการนำเข้าระหว่างปี 2559-2562 สูงกว่าค่าเฉลี่ย และ ไทยมีสัดส่วน market share การส่งออกสินค้าในสัดส่วนที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย 2) กลุ่มที่พัฒนาได้ เป็นกลุ่มสินค้าที่มีการนำเข้าที่เติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ย แต่ไทยยังมีสัดส่วนการส่งออกที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 3) กลุ่มที่มีการนำเข้าที่เติบโตต่ำกว่าค่าเฉลี่ย แต่มีสัดส่วน market share สูงกว่าค่าเฉลี่ย และ 4) กลุ่มที่มีการนำเข้าที่เติบโตต่ำกว่าค่าเฉลี่ยและมีสัดส่วน market share ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย
จากข้อมูลพบว่า สินค้าที่เป็นดาวเด่นในช่วงปี 2559-2562 ที่ไทยส่งออกไปยังลาว ได้แก่ น้ำตาลและลูกกวาดหรือขนมหวาน ผลไม้ ของเสียจากอุตสาหกรรมอาหาร แก้วและเครื่องแก้ว เครื่องสำอางและน้ำหอม ซีเมนต์ ชิ้นส่วนและผลิตภัณฑ์พลาสติก เช่น บรรจุภัณฑ์ ท่อ ข้อต่อท่อ จาน ชาม แผ่นชีทพลาสติก ส่วนสินค้าที่ไทยสามารถพัฒนาการส่งออกไปยังลาวได้ ได้แก่ ยา ฝ้าย ปุ๋ย เหล็กแปรรูปในรูปแบบต่างๆ เช่น เหล็กโครงสร้าง (HS73) สารเคมีในการเกษตร เช่น ยาฆ่าแมลง ยาฆ่าวัชพืช ยาฆ่าหนู สำหรับจีน สินค้าที่เป็นดาวเด่นที่มูลค่าการส่งออกเติบโตอย่างต่อเนื่องและมี market share ในสัดส่วนที่สูง ได้แก่ ผลไม้ อัญมณีและเครื่องประดับ ซึ่งผลไม้ไทยที่ชาวจีนให้การยอมรับและบริโภค เช่น ทุเรียน เงาะ มังคุด ซึ่งไทยมีศักยภาพที่จะส่งออกได้มากขึ้นในอนาคต ส่วนสินค้าที่ไทยสามารถพัฒนาการส่งออกไปยังจีนได้ ได้แก่ เครื่องสำอาง สัตว์จำพวกกุ้ง ปู ปลา ยาและเวชภัณฑ์ เนื้อ
2.สินค้าที่ทำการขนส่งผ่านเข้า-ออกลาว ยังคงต้องขนส่งโดยรถบรรทุกจากไทย ก่อนที่การขนส่งทางรางจะพัฒนาในระยะข้างหน้า ในระยะสั้น การขนส่งทางรถบรรทุกจะยังเป็นรูปแบบหลักที่ใช้ขนส่งสินค้าไปยัง จ.หนองคาย แล้วข้ามฝั่งไปยังลาว ก่อนที่จะกระจายสินค้าต่อไปภายในประเทศลาวหรือขนส่งต่อไปยังจีนผู้ประกอบการโลจิสติกส์ไทย ควรเตรียมการในการเข้าหาผู้ผลิตและผู้จำหน่ายสินค้าที่มีแนวโน้มที่จะขนส่งไปยังจีนและลาวมากขึ้น ศึกษาเส้นทางการขนส่งสินค้า และเตรียมจำนวนคนขับและจำนวนรถบรรทุกให้เหมาะสม ในระยะ 5-7 ปี ก่อนที่รถไฟทางคู่ช่วงเส้นทางของแก่น–หนองคาย และเส้นทางขอนแก่น-นครพนมจะสร้างแล้วเสร็จ ผู้ประกอบการโลจิสติกส์ โดยเฉพาะผู้ประกอบการรถบรรทุก ผู้ประกอบการคลังสินค้า จะยังเป็นผู้ประกอบการที่มีบทบาทสำคัญ ผู้ประกอบการจึงควรหาลูกค้าซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าที่มีแนวโน้มที่จะส่งออกและนำเข้าจากลาวและจีนมากขึ้น
3. จำนวนผู้โดยสารที่เดินทางภายในลาวด้วยรถไฟความเร็วสูงจะได้รับแรงหนุนจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปยังลาว คาดว่าจะปรับตัวขึ้นเป็นราว 7.15-10.5 ล้านคนต่อปี จากเฉลี่ยประมาณ 4.2 ล้านคน/ปี ในช่วงปี 2560-2562 การสร้างรถไฟความเร็วสูงเส้นทางเวียงจันทน์-บ่อหาน ถือเป็นแม่เหล็กสำคัญที่จะดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้าสู่ลาวมากขึ้น นักท่องเที่ยวเหล่านี้ส่วนใหญ่เดินทางไปท่องเที่ยวยังเวียงจันทน์ (60%-70%) รองลงมาคือหลวงพระบาง (13%-20%) อุดมไซ
และหลวงน้ำทา ซึ่ง 3 แห่งแรกอยู่ในแนวเส้นทางรถไฟความเร็วสูง จึงทำให้นักท่องเที่ยวมีแนวโน้มที่จะเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น ในอนาคตจำนวนนักท่องเที่ยวจะมีการเดินทางผ่านไทยไปยังลาวมากขึ้น จะส่งดีต่อผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยวของไทย จำนวนนักท่องเที่ยวของลาวที่มีแนวโน้มเติบโต ย่อมส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้า-ออกภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยที่เป็นทางผ่านไปยังลาวสูงขึ้นด้วย ผู้ประกอบการในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวควรเตรียมความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ทั้งในด้านการเดินทาง สถานที่พัก อาหาร และสันทนาการ ผู้ประกอบการขนส่งผู้โดยควรเตรียมพร้อมในการเพิ่มจำนวนเที่ยวยานพาหนะโดยสารเพื่อรองรับกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่มากขึ้น รวมถึงการเชื่อมต่อกับทั้งระบบ รถ ราง และเครื่องบินเพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวจากสถานีขนส่งผู้โดยสารไปยังพรมแดนที่ จ.หนองคาย ส่วนผู้ประกอบการโรงแรมและร้านอาหารควรมีการเตรียมพร้อมด้านสถานที่ให้มีปริมาณที่เหมาะสมกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเยือน
นอกจากนี้ผู้ประกอบการโลจิสติกส์และผู้ประกอบการการท่องเที่ยวของไทยยังมีโอกาสที่จะได้รับผลบวกจากการขนส่งสินค้าและนักท่องเที่ยวที่มากขึ้นในระยะข้างหน้า ผู้ประกอบการจึงควรเตรียมพร้อมรับกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย อย่างไรก็ดี ผู้ประกอบการไทยควรเตรียมพร้อมด้านการแข่งขันกับสินค้าที่มีแนวโน้มจะถูกนำเข้ามาจากจีนผ่านทางรถไฟความเร็วสูงด้วยเช่นกัน
** ธ.กรุงไทย
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี