nn ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ SCB EIC...ได้เผยแพร่ออกบทวิเคราะห์เกี่ยวกับวงการอสังหาริมทรัพย์ระบบบท. (ลักชัวรี่) โดยระบุว่าในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์โดยรวมชะลอตัว ขณะที่บ้านหรูยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากกลุ่มลูกค้าเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง จึงได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจน้อย ทำให้ความต้องการบ้านหรูเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงความต้องการอยู่อาศัยของลูกค้ากลุ่มนี้ให้ความสำคัญกับขนาดพื้นที่ใช้สอย ทำเลที่อยู่อาศัยและความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของบ้าน ประกอบกับอุปทานในตลาดที่ยังมีอยู่น้อย จากการที่ผู้ประกอบการได้ชะลอการเปิดโครงการ และข้อจำกัดในการหาที่ดินขนาดใหญ่เพื่อพัฒนาโครงการ
สถานการณ์ตลาดบ้านหรู เมื่อพิจารณาหน่วยเปิดขายใหม่ หน่วยขายได้ และหน่วยเหลือขายสะสม ทั้งในภาพรวม และในทำเลยอดนิยม สามารถวิเคราะห์สถานการณ์ตลาดบ้านหรู และแนวโน้มในอนาคต ได้ดังนี้1.ตลาดบ้านหรูในภาพรวม แม้ในช่วงการแพร่ระบาดของ COVID-19 หน่วยเปิดขายใหม่มีการชะลอตัวในปี 2564 แต่กลับมาเพิ่มขึ้นมากในปี 2565 โดยในระยะต่อไปคาดว่าจะเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอลงจากปีที่ผ่านมา โดยผู้ประกอบการจะเปิดโครงการอย่างระมัดระวังมากขึ้น จากการแข่งขันที่เข้มข้นขึ้น ในส่วนของหน่วยขายได้ที่อยู่อาศัย ขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2562 และมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องอย่างค่อยเป็นค่อยไปอย่างสม่ำเสมอในระยะต่อไป ทำให้หน่วยเหลือขายสะสมยังไม่ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2563 และมีแนวโน้มที่จะยังทรงตัวอยู่ในระดับเดิม หรืออาจเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย
ในปี 2565 ทำเลที่มีการซื้อขายสูงสุดได้แก่ สุขาภิบาล 2 และสุขาภิบาล 3 คิดเป็น15% ของหน่วยขายได้ของตลาดบ้านหรูทั้งหมด รองลงมาเป็นตลิ่งชันคิดเป็น 11%ลำดับถัดมาเป็นพัฒนาการ ที่รวมกรุงเทพกรีฑาเข้าไปในพื้นที่คิดเป็น 10% ศรีนครินทร์-อุดมสุข คิดเป็น 7% และบางนา-ตราดคิดเป็น 5% ในส่วนของทำเลที่มีอัตราการขยายตัวของหน่วยขายได้โดยเฉลี่ยตั้งแต่ปี 2562-2565 สูงที่สุด ได้แก่ ศรีนครินทร์-อุดมสุขอยู่ที่ 82% CAGR รองลงมาได้แก่ สุขาภิบาล 2 และสุขาภิบาล 3 อยู่ที่ 75% CAGR และพัฒนาการ (กรุงเทพกรีฑา) อยู่ที่ 23% CAGR
ทั้งนี้ ทำเลยอดนิยมส่วนใหญ่อยู่ฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นทำเลที่ไม่ไกลจากใจกลางเมืองมากนัก สามารถเดินทางเข้าถึงได้สะดวกด้วยรถไฟฟ้า และทางด่วน นอกจากนั้นยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกค่อนข้างมาก ทั้งสนามบินนานาชาติ โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ รวมถึงโรงเรียนนานาชาติชั้นนำ ขณะที่ทำเลฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ โดยเฉพาะพื้นที่ตลิ่งชัน รวมถึงพื้นที่คาบเกี่ยวโซนราชพฤกษ์ เริ่มส่งสัญญาณการขยายตัวมากขึ้นในระยะต่อไป โดยมีทางด่วน และถนนวงแหวนรอบนอกเชื่อมต่อเขตเมือง รวมถึงมีขยายตัวของห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ และโรงเรียนนานาชาติในพื้นที่มากขึ้น
สำหรับข้อเสนอแนะสำหรับผู้ซื้อนั้นในช่วงปัจจุบันยังเป็นโอกาสที่ดีในการตัดสินใจซื้อ จากระดับราคาที่ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่มากนักและควรพิจารณาเลือกผู้พัฒนาโครงการจากประสบการณ์ และผลงานที่ผ่านมา เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้อยู่อาศัย และผู้ประกอบการนั้น จากต้นทุนก่อสร้างที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ผู้พัฒนาโครงการควรบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อรักษาอัตรากำไร รวมถึงพิจารณาการแข่งขันในบางพื้นที่ที่อาจมีความเข้มข้นเพิ่มมากขึ้น อีกทั้ง การนำเสนอไอเดียใหม่ๆ ที่คำนึงถึงการอยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อม และนำเทคโนโลยี Smart home ใหม่ๆ มาปรับใช้
ถึงตรงนี้บทพิสูจน์ที่สนับสนุนบทความนี้คือสถานการณ์ของผู้พัฒนาโครงการในระดับบน...ยกตัวอย่างแรก บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด มหาชน ที่สามารถสร้างยอดงามจากโครงการจาก “ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์” คอนโดฯอัลตร้าลักชัวรี่ ขณะเดียวกันยอดขายทุกโครงการที่เปิดขายอยู่ใกล้จะปิดการขาย(sold out) แล้ว โดย “ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์”มียอดขายถึง 90% และ “เทตต์ สาทร ทเวลฟ์”(Tait Sathorn12) คอนโดฯ ลักชัวรี่ใจกลางสาทรยอดขายไปแล้วถึง 95% รวมถึงบริษัทฯยังมีรายได้จากค่าเช่าพื้นที่ในอาคารสำนักงานลักชัวรี่ Grade A+ อย่าง ‘โอซีซี (วัน ซิตี้ เซ็นเตอร์) โดย 6 เดือนสุดท้ายของปี 2566 บริษัทฯ มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) จำนวน 4,682 ล้านบาท
ขณะที่ บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) รายงานว่า 6 เดือนแรกของปีมีรายได้ 6,843 ล้านบาท และรายงานกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และรายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นประจำจากการดำเนินงานปกติ (Adjusted EBITDA) ที่ 1,493 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 33% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและในต่อจากนี้เตรียมที่จะการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยจำนวน 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 10,000 ล้านบาท
ส่วน บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI ในช่วง 6 เดือนแรก ปี 2566 มีกำไรสุทธิ 3,203 ล้านบาท เติบโตก้าวกระโดดไปถึง 162% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิ เฉพาะไตรมาสที่2/66 อยู่ที่ 1,621 ล้านบาท โตขึ้น 77% จากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา อัตรากำไรสุทธิรอบ 6 เดือนสูงถึง 17.3% ของรายได้รวม ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมากจากอัตรากำไรสุทธิ9.3% ของรายได้รวมจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แสดงถึงความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้น ขณะที่รายได้รวมรอบ 6 เดือน อยู่ที่18,493 ล้านบาท โตขึ้น 42% จากรอบ6 เดือนของปีก่อน และต่อจากนี้เตรียมเปิดตัวในไตรมาส 3 อาทิ “บูก้าน พัฒนาการ” บ้านเดี่ยวรูปแบบ Luxury Private Villa ที่มาพร้อมฟังก์ชั่นพิเศษ ในสังคมคุณภาพเพียง 17 ยูนิต ราคา 65-115 ล้านบาท* เตรียมเปิดตัวในช่วงปลายเดือนกันยายน และการเปิดตัว New Luxury Condominium หนึ่งในโครงการไฮไลท์ของแสนสิริในปีนี้ ทำเล “ราชเทวี” จ่อคิวเปิดตัวเดือนสิงหาคมนี้
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี