nn ทันทีที่เมื่อการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ทำให้หลายฝ่ายโดยเฉพาะภาคเอกชนมองความตึงเครียดทางการเมืองได้ผ่อนคลายลงแล้ว และจะทำให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อได้ตามปกติ และก็คาดหวังว่าจะมีคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจที่มีความสามารถเข้ามาแก้ปัญหาด้านเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตอนนี้ ซึ่งต้องบอกว่าไม่ใช่โจทย์ง่ายสำหรับรัฐบาลชุดใหม่ จากตัวเลขล่าสุดของ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่ได้ปรับลดคาดการณ์จีดีพี ปี 2566 ลงเหลือ 2.5-3% จากเดิมขยายตัว 2.7-3.7% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว การเบิกจ่ายงบประมาณล่าช้ามีปัญหาจากการจัดตั้งรัฐบาล เศรษฐกิจโลกชะลอตัว กระทบการส่งออกติดลบติดต่อกันหลายเดือน ดอกเบี้ยนโยบายทั่วโลก ยังคงอยู่ในระดับสูง ขณะที่จีดีพีไตรมาส 2/2566 ขยายตัวเพียง 1.8% นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยลบใหม่ที่เกิดขึ้น ซึ่งกระทบกับเศรษฐกิจไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นั่นก็คือปัญหาสภาพคล่องของธุรกิจในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนจนกลายเป็นปัญหาใหญ่ของเศรษฐกิจจีนซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวและการส่งออก ซึ่งเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
เสียงสะท้อนที่ออกมาจากภาคธุรกิจภาคเอกชนที่หลากหลาย เช่น คุณสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ที่คาดหวังว่าผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีและตำแหน่งต่างๆ จะมีการพิจารณาบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ เป็นผู้เชี่ยวชาญและเหมาะสมในแต่ละด้านอย่างแท้จริง สำหรับประเด็นข้อเร่งด่วนที่หอการค้าฯ ต้องการส่งสัญญาณถึงรัฐบาลใหม่เพื่อให้เร่งดำเนินการทันทีในช่วง 100 วันแรก ของการรับตำแหน่ง ได้แก่ 1.การแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน ผ่านนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ นโยบายลดค่าครองชีพให้แก่ประชาชน และลดต้นทุนภาคเอกชนทั้งค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าไฟฟ้า ที่ยังอยู่ในระดับสูงและปัญหาที่กระทบต่อการแข่งขันและการส่งออกของไทยรวมทั้งการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ประกอบการ 2.เร่งเสริมความโดดเด่นภาคการท่องเที่ยวที่เป็นเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไทยในไตรมาสสุดท้ายและถือเป็นช่วงฤดูท่องเที่ยว 3.เร่งเบิกจ่ายงบประมาณที่ยังค้างท่ออยู่ และจัดทำงบประมาณรายจ่าย 2567 ให้เกิดความต่อเนื่องในการขับเคลื่อนแผนงานต่างๆ ทั่วประเทศ ตลอดจนเร่งสร้างความเชื่อมั่นนักลงทุน เพื่อดึงดูดเม็ดเงินลงทุนใหม่ๆ จากต่างชาติ ซึ่งจะช่วยให้เกิดการจ้างงาน และเป็นผลดีต่อตัวเลขการส่งออกในอนาคต
ขณะที่ คุณเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ก็ได้กล่าวไว้ว่าต้องการให้ ครม.มาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาภัยแล้งจากภาวะเอลนีโญที่มีแนวโน้มรุนแรงและยาวนานต่อเนื่องหลายปี และขณะนี้ภาคส่งออกของไทยได้รับผลกระทบ ติดลบต่อเนื่องตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว จากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว สหรัฐอเมริกา ยุโรป จีน เศรษฐกิจไม่เป็นไปตามคาดหวัง ซึ่งทำให้อุตสาหกรรมส่งออกหลายแห่งต้องลดกำลังผลิตลง สต๊อกอาจล้น ซึ่งอาจจะทำให้เกิดปัญหาขาดสภาพคล่อง ขณะที่การค้าขายในประเทศก็ซบเซา กำลังซื้อประชาชนน้อยลง ประกอบกับธนาคารแห่งประเทศไทยขึ้นดอกเบี้ยอีกร้อยละ 0.25
ส่งผลให้ผู้กู้ SMEs ต้องแบกรับต้นทุนเพิ่ม หนี้ครัวเรือนก็สูงกว่าร้อยละ 90.6 ดังนั้นจึงต้องควรรีบมีรัฐบาลมาแก้ไขปัญหาให้คลี่คลายลง และหลังมี ครม.แล้วก็ขอให้เร่งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มกำลังซื้อ และช่วยเหลือ SMEs เป็นอันดับแรก
ขณะที่ คุณแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย กล่าวว่า การตั้งรัฐบาลใหม่ ควรมี ทีมเศรษฐกิจ มีความเป็นผู้นำ ทันสมัย การเปลี่ยนแปลงทันต่อสถานการณ์เศรษฐกิจและสังคมโลกทีมเศรษฐกิจที่ใช้นวัตกรรมในการออกแบบนโยบาย มาตรการ “ไม่เน้นกระตุ้นเศรษฐกิจแจกเงิน แต่มุ่งเน้นเศรษฐกิจสร้างสรรค์บ่มเพาะผู้ประกอบการนำภูมิปัญญากระจายโอกาส กระจายรายได้จากการพัฒนาผู้ประกอบการทุกระดับอย่างยั่งยืนควบคู่ไปด้วยกัน ดังนั้นทีมเศรษฐกิจ ควรมีสมรรถนะ ขีดความสามารถ การบริหารความเสี่ยง กลยุทธ์ในการสร้างรายได้ให้กับประเทศและบริหารงบประมาณที่มีอย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับเศรษฐกิจฐานราก สร้างการมีส่วนร่วม แสวงหาความร่วมมือกับทุกภาคส่วน และคำนึงถึงผลกระทบอย่างรอบด้านในแต่ละมาตรการที่จะกระทบต่อระบบนิเวศเศรษฐกิจฐานราก มีธรรมาภิบาลในการบริหารนโยบาย มาตรการที่ขับเคลื่อนประเทศไปด้วยความซื่อสัตย์ โปร่งใส ตรวจสอบได้
และล่าสุด คุณอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมไทย (ส.อ.ท.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว จากนี้ไป เราคงจะได้เห็นการฟอร์มทีมคณะผู้บริหารรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งก็ได้แต่คาดหวังและภาวนาว่า เราจะได้ทีมรัฐมนตรีเศรษฐกิจที่เป็นดรีมทีมเอาคนดี ที่มีความสด ใหม่ มีความสามารถ มองประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง เพื่อเดินหน้าทำตามนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาล ปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาปากท้องพี่น้องประชาชน รวมทั้งความเหลื่อมล้ำของประเทศ ในรอบนี้เป็นปัญหาที่หนักหนาสาหัสจริงๆ!! การที่เรามี พรรคก้าวไกลเป็นแกนนำของพรรคฝ่ายค้าน ที่จะทำหน้าที่เชิงรุก โดยพลังคนหนุ่มสาว คงจะช่วยให้การบริหารประเทศรวมทั้งภาคนิติบัญญัติเดินหน้าไปในทางที่ดีขึ้น
ถึงตรงนี้ต้องบอกว่าผลงานแรกที่รัฐบาลใหม่ต้องทำให้ตอบโจทย์ของสังคมคือแต่งตั้งรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจที่ตรงใจประชาชนไม่ใช่เปิดโผมาแล้วกลายเป็น “ครม.เต้าหู้ยี้”....แต่ด้วยสภาพการของการรวมตัวของพรรคการเมืองมาจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้...ก็ไม่แน่ใจว่าโฉมหน้าครม.ชุดใหม่นี้จะสดใหม่เหมือนอย่างที่ประชาชนอยากได้หรือไม่????
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี