บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) วิเคราะห์หุ้นธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB ราคาหุ้น SCB ตกหนักเมื่อวันศุกร์ที่แล้วจากความกังวลว่า ต้นทุนความเสี่ยงจากการให้ สินเชื่อ (Credit Cost) ของ CARDXจะสูงต่อเนื่องไปถึงปี 2567 ซึ่งจะทำให้ธนาคารต้องรักษาระดับ credit cost ไว้ตลอดปี 2567 ทั้งนี้ค่าใช้จ่ายสำรองฯงวด 1H66 อยู่ที่184bps (จาก 168bps ใน 1Q66 และ 200bps ใน 2Q66) สูงกว่าเป้าเดิมของธนาคารสำหรับปี 2566 ที่ 140-150bps เป็นการสะท้อนถึง credit cost ที่สูงสำหรับสินเชื่อผู้บริโภคที่ดำเนินการโดย CARDX และการเพิ่มส่วนรองรับหนี้เสียของพอร์ตสินเชื่อ

การดำเนินงานของ CARDX มุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าที่ความเสี่ยงสูงใน Gen2/3 โดยมียอดสินเชื่อคงค้าง 1.18 แสนล้านบาท(หรือประมาณ 5% ของพอร์ตสินเชื่อรวม) และสัดส่วน NPL อยู่ที่ 5.2% ใน 2Q66 (ของ AEONTS อยู่ที่ 6% for และของKTC อยู่ที่ 2.5%) ตามปกติแล้ว Credit cost ของบริษัทผู้ประกอบการอิสระสินเชื่อบุคคลค่อนข้างจะสูง โดย CARDX ตั้งเป้า credit cost สำหรับสินเชื่อกลุ่มนี้เอาไว้ที่ 6-6.5%, สอดคล้องกับของ AEONTS ที่ประมาณ 8.5-9% และของ KTC ที่ 5.5%

SCBX ดำเนินธุรกิจ CARDX เป็นธุรกิจเสริมกับสินเชื่อผู้บริโภคอื่นๆ คือ AUTOX เพื่อมุ่งเพิ่ม yield สินเชื่อ และ marginของพอร์ตสินเชื่อรวม โดย Yield ของ CARDX อยู่ที่ประมาณ 15.1% และของ AUTOX อยู่ที่ 20% ขณะที่ spread ของสินเชื่ออยู่ในช่วง 12-15% ถึงแม้ว่า NPL และ credit cost ของ CARDXจะสูงขึ้นใน 2Q66 แต่เราคิดว่าเป็นปัจจัยที่เกิดตามวัฏจักรในระยะสั้น ขณะที่การเติบโตในระยะยาวยังเป็นไปตามคาด นอกจากนี้ เนื่องจากธนาคารบริหารจัดการความเสี่ยง และผลตอบแทนของสินเชื่อกลุ่มหลักได้ดีขึ้น ดังนั้น credit cost ที่สูงของสินเชื่อผู้บริโภคจึงยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการได้ และไม่ได้ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อทั้งกลุ่ม

เราทราบอยู่แล้วว่าเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างไม่สม่ำเสมอทำให้เกิด NPL จากสินเชื่อในกลุ่มตลาดล่าง เราประเมินภาวะนี้เอาไว้แล้วจึงประเมิน credit cost ไว้สูงที่ 185bps ในปี 2566 และต่อเนื่องถึงปี 2567 เราจึงมองว่าราคาหุ้นที่ย่อลงมาเป็นโอกาสให้เข้าซื้อ

ปัจจัยเสี่ยงจากกรณีที่เพิ่มรายได้ไม่ได้ตามคาด, NPLs เพิ่มขึ้น และตั้งสำรองเพิ่มขึ้น

ที่มา : บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)