บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) วิเคราะห์หุ้นบริษัท ไออาร์พีซี หรือ IRPC เราคาดว่ากำไรสุทธิ ใน 3Q66Fจะอยู่ที่ 2.4 พันล้านบาท (พลิกจากขาดทุนสุทธิ 2.5 พันล้านบาทใน 3Q65 และ 2.2 พันล้านบาทใน 2Q66) ผลประกอบการที่พลิกฟื้นทั้ง YoY และ QoQ จะมาจากกำไรที่สูงขึ้นของโรงกลั่น เราคาดว่า market GRM จะพุ่งสูงขึ้นถึง65% YoY และ 111% QoQ เป็น US$8.7/bbl เนื่องจากต้นทุนcrude premium ลดลง 61% YoY และ 10% QoQ เหลือ US$3.8/bbl และ spread ของน้ำมันเบนซิน, น้ำมันเครื่องบิน และน้ำมันดีเซลพุ่งสูงขึ้น 14-87% QoQ เป็น US$18.9/bbl, US$26.1/bbl และ US$26.9/bbl ตามลำดับ

เรายังคาดว่าบริษัทจะบันทึกกำไรจากสต๊อกน้ำมัน 3.8 พันล้านบาท จากที่บันทึกผลขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน 2.7พันล้านบาทใน 3Q65 และ 1.1 พันล้านบาทใน 2Q66 หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบดูไบใน 3Q66 เพิ่มขึ้น US$18/bbl อย่างไรก็ตามเราคาดว่าอัตราการกลั่นน้ำมันดิบของบริษัทใน 3Q66 จะลดลง 2%QoQ เหลือ 190KBD ขณะเดียวกันเราคาดว่ากำไรจากธุรกิจปิโตรเคมีจะลดลง QoQ เนื่องจาก spread ของ PP ลดลงถึง 19%QoQ เหลือ US$321/ton และ spread ของ ABS ลดลง 8%QoQ เหลือ US$613/ton เนื่องจากมีกำลังการผลิตใหม่เพิ่มเข้ามาในตลาดเป็นจำนวนมากในปีนี้ เนื่องจาก spread ของ PP และABS อยู่ในระดับที่ต่ำมาก ทำให้เราคาดว่าอัตราการใช้กำลังการผลิตของ olefins และ aromatics & styrenics จะลดลงจาก 78% เหลือ 71% และจาก 77% เหลือ 70% ตามลำดับ

ใน 4QTD66 spread ของ PP ขยับขึ้นมา 3% QoQ เป็นUS$335/ton และ spread ของ ABS ทรงตัว QoQ อยู่ที่US$615/ton แต่อย่างไรก็ตาม spread ของทั้งสองผลิตภัณฑ์ยังอยู่ในระดับที่ต่ำมาก (ต่ำกว่า US$550/ton และ US$1,000/ton ตามลำดับ) เพราะถูกกดดันจากกำลังการผลิต PP ใหม่ที่จะเพิ่มเข้ามาในตลาดอีก 7.6MTA ในปี 2566F และ 7.2MTA ในปี 2567F เช่นเดียวกับกำลังการผลิต ABS ใหม่ที่จะเพิ่มขึ้นอีก 2.3MTA ในปีนี้ และ 0.9MTA ในปีหน้า เราจึงคาดว่าทั้ง PP และ ABS จะยังอยู่ในวัฏจักรขาลงยาวไปจนถึงปลายปี 2567F เป็นอย่างน้อย

เรายังคงคำแนะนำถือ IRPC ประเมินราคาเป้าหมาย 1H67F ที่ 2.40 บาท ถึงแม้เราจะยังมองลบกับแนวโน้มของ PP และ ABS แต่เราเชื่อว่าผลประกอบการที่น่าจะดีขึ้นใน 3Q66F จะช่วยหนุนราคาหุ้นในระยะสั้น

ปัจจัยเสี่ยงจากความผันผวนของราคาน้ำมันดิบ, GRM และ spread ปิโตรเคมี

ที่มา : บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)