วันพฤหัสบดี ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2568
บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เคจีไอ(ประเทศไทย)วิเคราะห์หุ้นบริษัท สหมิตรถังแก๊สหรือSMPC รายงานกำไรสุทธิปี 2566 อยู่ที่ 371 ล้านบาท (-55% YoY) เนื่องจากการลดลงของยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้น ยอดขายปี 2566 อยู่ที่ 3.8 พันล้านบาท (-27% YoY) จากปริมาณยอดขายลดลง 13% YoY จาก 6.2 ล้านถัง
ในปี 2565 เหลือ 5.4 ล้านถังในปี 2566 เป็นผลจากอุปสงค์ลดลงท่ามกลางความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลก (โดยเฉพาะอุปสงค์จากอเมริกาเหนือ) อัตรากำไรขั้นต้นปี 2566 ต่ำลงอยู่ที่17.6% (-8.1ppts YoY) นับเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี เนื่องจากการแข่งขันสูงขึ้นและการประหยัดจากขนาดน้อยลงตามการชะลอตัวของปริมาณยอดขาย ด้านสัดส่วน SG&A ต่อยอดขายอยู่ที่ 10.6% (เทียบกับ 11.2% ในปี 2565) หลังจากสถานการณ์ด้านการขนส่งทางเรือ (freight) ได้กลับสู่ภาวะปกติ อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 9.7% (เทียบกับ 15.8% ปี 2565)
ปริมาณยอดขายมีสัญญาณเพิ่มขึ้นในไตรมาสที่หนึ่งของปีหลังจากการฟื้นตัวของอุปสงค์เนื่องจาก i) ถัง LPG ถือเป็นสินค้าที่มีความจำเป็นและ ii) ความกังวลต่อสภาวะชะลอตัวเศรษฐกิจโลกคลี่คลายลง การเพิ่มขึ้นของปริมาณยอดขายส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิต (utilization rate) ดีขึ้นและเกิดการประหยัดต่อขนาด ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น ดังนั้นกำไรใน 1Q67 มีแนวโน้มฟื้นตัวได้ทั้ง YoY และ QoQ
ผู้บริหารคาดปริมาณยอดขายจะฟื้นตัวได้ในปีนี้ ตั้งเป้าหมายปริมาณยอดขายไว้ที่ 6.8 ล้านถัง (+26% YoY) ช่วยหนุนจากการฟื้นตัวอุปสงค์จากทั่วทุกภูมิภาค การประหยัดต่อขนาดบนการเพิ่มขึ้นของปริมาณยอดขายและการอ่อนค่าของเงินบาทจะช่วยกระตุ้นให้อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้น ผู้บริหารคาดอัตรากำไรขั้นต้นราว 20% อยู่ในระดับที่มีความเป็นไปได้ (เทียบกับค่าเฉลี่ย10-ปี (2557-2566) ที่ 23.1%) หากอิงตาม guidance ของบริษัท กำไรปี 2567 จะอยู่ราว 500-550 ล้านบาทหรือเทียบเท่า EPS ราว 0.9-1.0 บาท ซึ่งตีความได้ว่าการเติบโตกำไรจะอยู่ในช่วง 35% และ 48%
ปัจจุบันนี้ เรายังไม่มีคำแนะนำสำหรับหุ้น SMPC แต่ เรามองว่าจากความเป็นไปได้ในการฟื้นตัวของกำไรปี 2567 ในช่วง 35% และ 48% มีความน่าจะเป็นที่จะเกิดพรีเมียมได้บ้างบนราคาหุ้นSMPC จากการศึกษาวิเคราะห์ความอ่อนไหวของเรา ในกรณีที่ EPS อยู่ที่ 1.0 บาท (อิงจากสมมุติฐานปริมาณยอดขายอยู่ที่ 6.8 ล้านถังและอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) อยู่ที่ 20.0%) ราคาของหุ้น SMPC จะอยู่ระหว่าง 11.0 บาท และ 15.0 บาท ตามลำดับ
ปัจจัยเสี่ยงจากเงินบาทแข็งค่าขึ้น, ความเสี่ยงด้านกฎเกณฑ์ของทางการ, ต้นทุนวัตถุดิบผันผวน, นโยบายการค้า, ความเสี่ยงด้านสินเชื่อและควาเสี่ยงจากสินค้าทดแทนกัน
ที่มา : .บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)

ผ่ากลยุทธ์'ค่ายสีน้ำเงิน' ไม่เร้าอารมณ์! เน้นทำได้ทำจริง
ปลัดนนท์ ยื่นใบลาออก ลงสมัครชิง สส.นนทบุรี พรรคภูมิใจไทย ลั่นเปลี่ยนเวลาราชการเป็นเวลาราษฎร
นักวิชาการ มธ. วิเคราะห์กระแสเลือกตั้ง ชี้ผลโพล'คนกรุงเกือบครึ่งยังลังเล' พบได้ไม่บ่อย
ไม่น่าเชื่อ พนง ถึงกับร้องไห้หนักมาก เมื่อเห็นสิ่งที่ลูกค้าทำ ชมคลิป
(คลิป) แพทองธาร หน้าเจื่อน! ตอบคำถามสื่อ ยศชนัน คะแนนดีขึ้น!

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี